พบผลลัพธ์ทั้งหมด 135 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2470/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำเอกสารประกอบคำเบิกความของโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ไม่ถือเป็นการฟังคำพยานนอกคดี
ชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ทนายจำเลยส่งเอกสารให้โจทก์ดูเวลาถามค้านตัวโจทก์ซึ่งเบิกความเป็นพยาน โจทก์รับรองแล้ว ศาลวินิจฉัยเอกสารเหล่านี้รวมกับพยานโจทก์ ดังนี้ ไม่เป็นเอกสารที่จำเลยอ้างเป็นพยาน ไม่เป็นการฟังคำพยานนอกคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1885/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการวินิจฉัยคดีในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง และการรับพยานหลักฐานจำเลย
ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ศาลวินิจฉัยว่าการกระทำไม่เป็นความผิด ก็คือคดีไม่มีมูล ศาลไต่สวนพยานโจทก์ จำเลยส่งเอกสารให้พยานโจทก์รับรองในการซักค้านได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1573/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาพยานหลักฐานที่ได้จากการไต่สวนมูลฟ้องโดยมิได้เปิดเผยต่อหน้าจำเลย เป็นการขัดต่อหลักวิธีพิจารณาความอาญา
โจทก์ขอให้นำพยานหลักฐานของโจทก์ที่นำสืบไว้ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ซึ่งมิได้กระทำต่อหน้าจำเลยมาวินิจฉัยคดี เป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 172 ฉะนั้น เมื่อโจทก์แถลงไม่ติดใจสืบพยาน ก็เท่ากับโจทก์ไม่มีพยานมาสืบพิสูจน์ให้เห็นว่า จำเลยได้กระทำความผิดตามฟ้อง คดีจึงลงโทษจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1573/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาพยานหลักฐานจากชั้นไต่สวนมูลฟ้องที่ไม่เปิดเผยต่อหน้าจำเลยขัดต่อกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
โจทก์ขอให้นำพยานหลักฐานของโจทก์ที่นำสืบไว้ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ซึ่งมิได้กระทำต่อหน้าจำเลยมาวินิจฉัยคดี เป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 172ฉะนั้น เมื่อโจทก์แถลงไม่ติดใจสืบพยาน ก็เท่ากับโจทก์ไม่มีพยานมาสืบพิสูจน์ ให้เห็นว่าจำเลยได้กระทำความผิดตามฟ้อง คดีจึงลงโทษจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 595/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความถูกต้องของฟ้องอาญาและการไต่สวนมูลฟ้อง: การอ้างมาตรากฎหมายและอำนาจศาล
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (6) บัญญัติไว้เพียงว่า ฟ้องจะต้องอ้างมาตราในกฎหมายซึ่งบัญญัติว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นความผิด แต่ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 หาใช่บทมาตราที่ว่าการกระทำอย่างใดเป็นความผิดทางอาญาไม่ หากแต่เป็นบทมาตราที่ใช้แก่ความผิดโดยทั่วๆ ไปว่า เมื่อมีความผิดโดยการกระทำร่วมกันของบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไปเกิดขึ้น ศาลจะต้องวางโทษแก่บุคคลเหล่านั้นอย่างไร ฉะนั้น ฟ้องโจทก์ที่บรรยายไว้แล้วว่าจำเลยทั้งสามได้สมคบกันสั่งจ่ายเช็ค เพียงแต่ไม่ได้ระบุประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ลงไว้ด้วย จึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นฟ้องที่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (6)
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 162 (1) บัญญัติว่า ถ้าฟ้องถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ให้ศาลจัดการสั่งให้ไต่สวนมูลฟ้อง จึงเป็นหน้าที่ของศาลเองโดยตรงที่จะจัดการสั่งให้มีการไต่สวนมูลฟ้องขึ้นเสียก่อนที่จะประทับฟ้องไว้พิจารณา ดังนั้น ในกรณีที่ราษฎรเป็นโจทก์ฟ้องคดีอาญา แม้โจทก์มิได้ขอให้ศาลไต่สวนมูลฟ้องมาด้วย ศาลก็ย่อมสั่งและดำเนินการไต่สวนมูลฟ้องไปตามกฎหมายได้ หาใช่เป็นการสั่งเกินคำขอของโจทก์ไม่
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 162 (1) บัญญัติว่า ถ้าฟ้องถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ให้ศาลจัดการสั่งให้ไต่สวนมูลฟ้อง จึงเป็นหน้าที่ของศาลเองโดยตรงที่จะจัดการสั่งให้มีการไต่สวนมูลฟ้องขึ้นเสียก่อนที่จะประทับฟ้องไว้พิจารณา ดังนั้น ในกรณีที่ราษฎรเป็นโจทก์ฟ้องคดีอาญา แม้โจทก์มิได้ขอให้ศาลไต่สวนมูลฟ้องมาด้วย ศาลก็ย่อมสั่งและดำเนินการไต่สวนมูลฟ้องไปตามกฎหมายได้ หาใช่เป็นการสั่งเกินคำขอของโจทก์ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 595/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความถูกต้องของฟ้องอาญาและการไต่สวนมูลฟ้อง: การอ้างมาตรา 83 และอำนาจศาล
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(6) บัญญัติไว้เพียงว่าฟ้องจะต้องอ้างมาตราในกฎหมายซึ่งบัญญัติว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นความผิด แต่ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 หาใช่บทมาตราที่ว่าการกระทำอย่างใดเป็นความผิดทางอาญาไม่ หากแต่เป็นบทมาตราที่ใช้แก่ความผิดโดยทั่ว ๆ ไปว่า เมื่อมีความผิดโดยการกระทำร่วมกันของบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไปเกิดขึ้น ศาลจะต้องวางโทษบุคคลเหล่านั้นอย่างไร ฉะนั้นฟ้องโจทก์ที่บรรยายไว้แล้วว่าจำเลยทั้งสามได้สมคบกันสั่งจ่ายเช็ค เพียงแต่ไม่ได้ระบุประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ลงไว้ด้วย จึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นฟ้องที่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(6)
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 162(1) บัญญัติว่าถ้าฟ้องถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ให้ศาลจัดการสั่งให้ไต่สวนมูลฟ้อง จึงเป็นหน้าที่ของศาลเอง โดยตรงที่จะจัดการสั่งให้มีการไต่สวนมูลฟ้องขึ้นเสียก่อนที่จะประทับฟ้องไว้พิจารณา ดังนั้น ในกรณีที่ราษฎรเป็นโจทก์ฟ้องคดีอาญาแม้โจทก์มิได้ขอให้ศาลไต่สวนมูลฟ้องมาด้วย ศาลก็ย่อมสั่งและดำเนินการไต่สวนมูลฟ้องไปตามกฎหมายได้ หาใช่เป็นการสั่งเกินคำขอของโจทก์ไม่
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 162(1) บัญญัติว่าถ้าฟ้องถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ให้ศาลจัดการสั่งให้ไต่สวนมูลฟ้อง จึงเป็นหน้าที่ของศาลเอง โดยตรงที่จะจัดการสั่งให้มีการไต่สวนมูลฟ้องขึ้นเสียก่อนที่จะประทับฟ้องไว้พิจารณา ดังนั้น ในกรณีที่ราษฎรเป็นโจทก์ฟ้องคดีอาญาแม้โจทก์มิได้ขอให้ศาลไต่สวนมูลฟ้องมาด้วย ศาลก็ย่อมสั่งและดำเนินการไต่สวนมูลฟ้องไปตามกฎหมายได้ หาใช่เป็นการสั่งเกินคำขอของโจทก์ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1428/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เบิกความเท็จ: การพิสูจน์องค์ประกอบความผิดฐานเบิกความเท็จต้องทำในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง
คดีอาญาในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง โจทก์ต้องนำสืบให้ปรากฏข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบความผิดที่ได้ฟ้อง จึงจะทำให้คดีโจทก์มีมูลอันศาลจะพึงประทับฟ้องไว้พิจารณาต่อไปได้
คดีที่ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานเบิกความเท็จ โจทก์จะอ้างว่าข้อความที่จำเลยเบิกความนั้นเป็นข้อสำคัญในคดีหรือไม่ จะต้องพิจารณาในชั้นพิจารณาไม่ใช่ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ดังนี้ หาได้ไม่
คดีที่ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานเบิกความเท็จ โจทก์จะอ้างว่าข้อความที่จำเลยเบิกความนั้นเป็นข้อสำคัญในคดีหรือไม่ จะต้องพิจารณาในชั้นพิจารณาไม่ใช่ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ดังนี้ หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1428/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
องค์ประกอบความผิดฐานเบิกความเท็จต้องปรากฏในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง การพิจารณาความสำคัญของข้อเท็จจริงต้องเกิดขึ้นในชั้นไต่สวน
คดีอาญาในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง โจทก์ต้องนำสืบให้ปรากฏข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบความผิดที่ได้ฟ้อง จึงจะทำให้คดีโจทก์มีมูลอันศาลจะพึงประทับฟ้องไว้พิจารณาต่อไปได้
คดีที่ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานเบิกความเท็จ โจทก์จะอ้างว่าข้อความที่จำเลยเบิกความนั้นเป็นข้อสำคัญในคดีหรือไม่จะต้องพิจารณาในชั้นพิจารณาไม่ใช่ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ดังนี้หาได้ไม่
คดีที่ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานเบิกความเท็จ โจทก์จะอ้างว่าข้อความที่จำเลยเบิกความนั้นเป็นข้อสำคัญในคดีหรือไม่จะต้องพิจารณาในชั้นพิจารณาไม่ใช่ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ดังนี้หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1570/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกฟ้องคดีอาญาเมื่อโจทก์ไม่ทราบกำหนดนัด และการดำเนินการไต่สวนมูลฟ้องที่ถูกต้อง
ผู้เสียหายเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยฐานเบิกความเท็จ ในวันนัดไต่สวนมูลฟ้องศาลสั่งให้รอฟังผลคดีแพ่งอีกเรื่องหนึ่ง เมื่อคดีนั้นถึงที่สุดให้โจทก์หรือจำเลยแถลงต่อศาลต่อมาศาลมีหมายนัดให้คู่ความมาพร้อมกันเพื่อสอบถามเรื่องผลของคดีแพ่งดังกล่าวเพื่อดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป ครั้นถึงวันนัดพร้อม โจทก์ไม่มาศาลดังนี้ ศาลก็ไม่อาจยกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 เพราะไม่ใช่เป็นการนัดไต่สวนหรือพิจารณาอย่างใดและเมื่อศาลสั่งยกฟ้องไป แล้วความปรากฏว่า ที่โจทก์ไม่มาศาลเพราะส่งหมายนัดให้โจทก์ไม่ได้ ดังนี้ ศาลจะยกฟ้องตามมาตรา 166 วรรคหนึ่ง ไม่ได้อีกด้วย และกรณีเช่นนี้จะนำมาตรา 166 วรรคสอง มาใช้บังคับหาได้ไม่ เพราะเมื่อโจทก์ไม่ได้ทราบกำหนดนัดของศาลเสียแล้วก็ไม่มีเหตุสมควรอันใดที่โจทก์จะยกขึ้นแถลงต่อศาลได้ว่า ทำไมจึงมาศาลไม่ได้ โจทก์จึงไม่จำต้องร้องขอให้ศาลยกคดีขึ้นไต่สวนมูลฟ้องใหม่ ตามมาตรา 166 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 989/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลแขวงและการอุทธรณ์คำพิพากษา ยกฟ้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ไม่อยู่ในบังคับมาตรา 22 พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงฯ
คดีอาญาที่อยู่ในอำนาจศาลแขวงพิจารณาพิพากษาเมื่อศาลแขวงไต่สวนมูลฟ้องแล้วว่าไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง ย่อมอยู่ในบังคับแห่งมาตรา 22 พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ ห้ามโจทก์อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
แม้ศาลชั้นต้นจะได้กล่าวความไว้ในคำพิพากษามีข้อความต่าง ๆ ดังที่โจทก์อ้างว่าเป็นเรื่องนอกสำนวนหรือมีข้อเท็จจริงผิดไปจากสำนวนก็ดีเมื่อข้อความเหล่านั้นไม่เป็นข้อความสำคัญอันเป็นประเด็นข้อแพ้ชนะทั้งศาลชั้นต้นก็มิได้อาศัยเฉพาะความตามที่โจทก์ยกขึ้นอ้างนั้นแต่ประการเดียวเป็นเหตุยกฟ้องโจทก์ อุทธรณ์โจทก์จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
แม้ศาลชั้นต้นจะได้กล่าวความไว้ในคำพิพากษามีข้อความต่าง ๆ ดังที่โจทก์อ้างว่าเป็นเรื่องนอกสำนวนหรือมีข้อเท็จจริงผิดไปจากสำนวนก็ดีเมื่อข้อความเหล่านั้นไม่เป็นข้อความสำคัญอันเป็นประเด็นข้อแพ้ชนะทั้งศาลชั้นต้นก็มิได้อาศัยเฉพาะความตามที่โจทก์ยกขึ้นอ้างนั้นแต่ประการเดียวเป็นเหตุยกฟ้องโจทก์ อุทธรณ์โจทก์จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง