พบผลลัพธ์ทั้งหมด 67 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 321/2479
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซ่อมแซมอาวุธปืนที่ได้รับอนุญาต: ไม่ผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน หากมิใช่เพื่อการค้า
การซ่อมแซมอาวุธปืนของตนเองซึ่งได้รับอนุญาตให้มีแล้ว แม้จะมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานก้หามีผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 653/2475
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายสินค้าพร้อมของแถมเล็กน้อย ไม่ถือเป็นพนัน
ขายของโดยมีฉลากห่ออยู่ในของยังไม่ผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 908/2474
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำที่ไม่ผิดตามกฎหมายเดิม แต่ถูกฟ้องภายใต้กฎหมายใหม่ ศาลยกฟ้อง
ใช้กฎหมายเบา
จำเลยเล่นก่อนใช้กฎหมายใหม่ แต่ฟ้องเมื่อใช้กฎหมายใหม่แล้ว จำเลยไม่ผิด
จำเลยเล่นก่อนใช้กฎหมายใหม่ แต่ฟ้องเมื่อใช้กฎหมายใหม่แล้ว จำเลยไม่ผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 628/2473
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใส่ความผู้อื่นต่อเสนาบดี – การแสดงความเห็น – การนำสืบพยานหลักฐาน – ไม่ผิด
ทำหนังหนังสือยื่นเรื่องราวต่อเสนาบดีโดยแสดงความคิดเห็น ยังไม่มีผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 417/2472
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ปืนที่ไม่ได้บรรจุกระสุนข่มขู่ในสถานการณ์วิวาท ไม่ถึงขั้นทำให้เสื่อมเสียอิศรภาพ
ใช้ปืนที่ไม่ได้บรรจุกระสุนจ้องตรงไปยังผู้ที่โต้เถียงกันยังไม่มีผิดฐานทำให้เสื่อมเสียอิศรภาพ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8928/2556
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เบิกความเท็จในคดีหมิ่นประมาท: การเบิกความในภาพรวมที่ไม่เฉพาะเจาะจงข้อเท็จจริงสำคัญ ไม่เป็นความผิดฐานเบิกความเท็จ
ในคดีที่บริษัท อ. ฟ้องโจทก์ในความผิดฐานหมิ่นประมาท บริษัท อ. บรรยายฟ้องว่า โจทก์กล่าวหา บริษัท อ. ยื่นเอกสารอันเป็นเท็จเพื่อให้คณะกรรมการฯ เข้าใจเบื้องต้นว่าผลิตภัณฑ์ที่เสนอมีคุณสมบัติครบถ้วนตามประกาศ ทั้งที่ขาดคุณสมบัติและไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์การจัดซื้อจัดหาครุภัณฑ์ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 จนเป็นเหตุให้คณะกรรมการฯ ตัดสินว่า ครุภัณฑ์ที่นำเสนอมีคุณสมบัติไม่ครบถ้วนตามที่สำนักคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กำหนด ซึ่งรายละเอียดดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่ประการใด คณะกรรมการฯ ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ไม่ได้สั่งการเช่นนั้น และไม่เคยมีคณะกรรมการทั้งของเขตการศึกษาและผู้อำนวยการโรงเรียน ศ. เรียกโจทก์หรือตัวแทนโจทก์เข้าไปชี้แจงรายละเอียดแต่ประการใด การกระทำดังกล่าวของโจทก์เป็นการเต้าข่าวเป็นเท็จประสงค์ต่อผลทำให้บริษัท อ. ได้รับความเสียหายโดยตรง เป็นการใส่ร้ายใส่ความบริษัท อ. ต่อบุคคลที่ 3 อันมีเจตนาทุจริตจงใจทำให้บุคคลภายนอกเห็นว่า ผลิตภัณฑ์ของบริษัท อ. ไม่มีคุณภาพ ซึ่งไม่เป็นความจริง ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ดังนั้น ข้อสำคัญในคดีจึงมีว่า คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานหรือคณะกรรมการสอบราคาของโรงเรียนบางเขตพื้นที่การศึกษาได้ตรวจสอบรายละเอียดของเอกสารและผลิตภัณฑ์ที่บริษัท อ. เสนอ และได้มีการเชิญตัวแทนของบริษัทดังกล่าวมาชี้แจงให้ถ้อยคำจนเป็นที่ประจักษ์ว่าบริษัท อ. ยื่นเอกสารอันเป็นเท็จเพื่อให้คณะกรรมการฯ เข้าใจเป็นเบื้องต้นว่าผลิตภัณฑ์ที่เสนอมีคุณสมบัติครบถ้วนตามประกาศ ทั้งที่ขาดคุณสมบัติอันเป็นเหตุให้บริษัท อ. เสื่อมเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นหรือไม่ การที่จำเลยในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากบริษัท อ. และในฐานะทนายความโจทก์ เบิกความแต่เพียงว่า บริษัท อ. มีคุณลักษณะครบถ้วนตามที่คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนด จึงได้ซื้อซองประกวดราคา จึงเป็นการเบิกความในภาพรวม ๆ มิได้ระบุเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับซอพต์แวร์หรือผลิตภัณฑ์ตามที่ระบุในเกณฑ์คุณลักษณะซอพต์แวร์สื่อการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ ข้อที่ 9 และข้อที่ 10 แต่ประการใด ทั้งยังเป็นการเบิกความถึงขั้นตอนของการซื้อซองประกวดราคาเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในเอกสารหมาย จ.6 ซึ่งเป็นมูลแห่งคดีและแตกต่างจากผลคำวินิจฉัยของคณะกรรมการเท่านั้น คำเบิกความของจำเลยจึงไม่ใช่ข้อสำคัญในคดี แม้คำเบิกความของจำเลยจะเป็นเท็จก็ไม่มีความผิดฐานเบิกความเท็จในคดีอาญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1491-1492/2554
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยที่ 2 ไม่มีความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย พยานหลักฐานโจทก์ไม่เพียงพอ
ห้องนอนที่พบเมทแอมเฟตามีนของกลางเป็นห้องนอนเล็กๆ มีที่นอนและตู้เสื้อผ้าสำหรับคนเพียงคนเดียว ซึ่งในบันทึการตรวจค้นจับกุมก็ระบุว่าเมทแอมเฟตามีนของกลางซุกซ่อนอยู่ที่ซับในหมวกนิรภัยซึ่งวางอยู่พื้นห้องนอนของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 เป็นผู้นำเจ้าพนักงานตรวจค้น ทั้งกระสุนปืนขนาดต่างๆ ที่พบในห้องนอนดังกล่าวก็เป็นของจำเลยที่ 1 ประกอบกับบ้านเกิดเหตุมี 2 ห้องนอน จึงเชื่อว่าห้องนอนที่พบเมทแอมเฟตามีนของกลางเป็นห้องนอนของจำเลยที่ 1 ไม่ใช่ห้องนอนของจำเลยที่ 2 เมื่อเมทแอมเฟตามีนซุกซ่อนอยู่ในซับในของหมวกนิรภัย บุคคลอื่นจึงไม่อาจมองเห็นได้จากภายนอก ดังนั้น จำเลยที่ 2 ย่อมไม่รู้ว่ามีเมทแอมเฟตามีนของกลางซุกซ่อนในหมวกนิรภัย เจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมอ้างว่า จำเลยที่ 2 มีพฤติการณ์ในการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน แต่ก็ไม่มีหลักฐานใดๆ หรือรูปถ่ายที่แสดงให้เห็นว่ามีการติดตามความเคลื่อนไหวหรือพฤติการณ์ของจำเลยที่ 2 ในการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน โจทก์มีเพียงพยานเบิกความกล่าวอ้างลอยๆ จึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง พยานโจทก์อีกสองปากต่างก็เบิกความยืนยันว่า เคยซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยที่ 1 และที่ 3 เท่านั้น ไม่เคยซื้อจากจำเลยที่ 2 แม้ ร.ต.อ. ธ.พนักงานสอบสวนจะเบิกความประกอบคำให้การในชั้นสอบสวนของ ส. ว่า ได้สอบปากคำ ส. เพื่อร่วมงานของจำเลยทั้งสามและ ส. ให้การว่าเคยซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยทั้งสาม แต่โจทก์ก็ไม่นำ ส. มาเบิกความเพื่อให้ทนายจำเลยที่ 2 ถามค้านเพื่อพิสูจน์ พยานคำให้การดังกล่าวจึงมีน้ำหนักน้อย นอกจากนี้แล้วโจทก์ไม่มีพยานอื่นใดมานำสืบให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 มีพฤติการณ์หรือร่วมรู้เห็นกับจำเลยที่ 1 ในการมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย เช่นนี้ แม้จำเลยที่ 2 จะอยู่กับจำเลยที่ 1 ขณะเจ้าพนักงานจับกุมก็ไม่อาจสันนิษฐานเป็นผลร้ายแก่จำเลยที่ 2 ว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ลำพังคำรับสารภาพชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นเพียงพยานบอกเล่ามีน้ำหนักน้อย ทั้งจำเลยที่ 2 ก็นำสืบปฏิเสธว่าไม่ได้ให้การรับสารภาพด้วยความสมัครใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจำเลยที่ 1 ก็เบิกความเป็นพยายจำเลยที่ 2 ยืนยันว่าเมทแอมเฟตามีนของกลางเป็นของจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย พยานหลักฐานของโจทก์เท่าที่นำสืบมาจึงไม่มีน้ำหนักพอให้ฟังว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
บัญชีของกลาง 2 แผ่น มิใช่เครื่องมือเครื่องใช้หรือวัสดุอื่นซึ่งใช้ในการกระทำความผิดตามมาตรา 102 แห่ง พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษฯ และไม่ใช่ทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 33 (1) จึงไม่อาจริบได้ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้องได้
บัญชีของกลาง 2 แผ่น มิใช่เครื่องมือเครื่องใช้หรือวัสดุอื่นซึ่งใช้ในการกระทำความผิดตามมาตรา 102 แห่ง พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษฯ และไม่ใช่ทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 33 (1) จึงไม่อาจริบได้ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้องได้