พบผลลัพธ์ทั้งหมด 159 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 552/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งระหว่างพิจารณาคดีประนีประนอมยอมความ การไม่อุทธรณ์คำสั่งทำให้ฎีกาต้องห้าม
โจทก์ทั้งสองและจำเลยทั้งห้าได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยจำเลยทั้งห้าตกลงโอนที่ดินพิพาทส่วนหนึ่งให้แก่โจทก์ทั้งสองศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอม และคดีเสร็จเด็ดขาดแล้ว ต่อมาจำเลยทั้ง ห้าได้โอนที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ทั้งสองมีจำนวนเนื้อที่ที่ดินไม่ครบตามที่กำหนดไว้ในคำพิพากษาตามยอม โจทก์ทั้งสองจึงยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นให้เรียกจำเลยทั้งห้ามาสอบถามก่อนจะออกหมายบังคับคดีศาลชั้นต้นสั่งนัดพร้อมสอบถามและไต่สวนคำร้องแล้วต่อมาจึงสั่งยกคำร้องของ โจทก์ทั้งสองการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไต่สวนคำร้องดังกล่าวเป็นการสั่งในระหว่างการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นก่อนชี้ขาดตามคำร้องนั้น ถือได้ว่าเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาเมื่อโจทก์ทั้งสองไม่โต้แย้งคำสั่งนั้นไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 โจทก์ทั้งสองจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์และจะฎีกาคัดค้านคำสั่งดังกล่าวไม่ได้เพราะต้องห้ามฎีกาตามมาตรา 249
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 552/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งระหว่างพิจารณาคดีประนีประนอมยอมความ การไม่อุทธรณ์คำสั่งทำให้ขาดสิทธิฎีกา
โจทก์และจำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน โดยจำเลยตกลงโอนที่ดินพิพาทส่วนหนึ่งให้แก่โจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอม และคดีเสร็จเด็ดขาดแล้ว ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่า จำเลยโอนที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ไม่ครบตามที่กำหนดไว้ในคำพิพากษา ตามยอม ขอให้เรียกจำเลยมาสอบถาม ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ไต่สวนคำร้อง คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวเป็นการสั่งในระหว่างการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นก่อนชี้ขาดตามคำร้องนั้นถือได้ว่าเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา เมื่อโจทก์ไม่โต้แย้งไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์และโจทก์จะฎีกาคำสั่งนั้นไม่ได้ เพราะต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1724/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีใหม่: ศาลชั้นต้นวินิจฉัยข้อเท็จจริงถูกต้องและคดีมีทุนทรัพย์น้อยกว่าสองหมื่นบาท จึงไม่อุทธรณ์ได้
การที่ศาลชั้นต้นสั่งว่า คำร้องบรรยายว่าได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโดยชอบ อ้างเหตุว่าไม่ทราบ อ่านหนังสือไม่ออกไม่เป็นเหตุให้พิจารณาใหม่ได้นั้น เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยโดยอาศัยข้อเท็จจริง เมื่อคดีมีทุนทรัพย์ไม่เกินสองหมื่นบาท จึงต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 224 ส่วนที่ฎีกาว่าคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ได้กล่าวไว้โดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลแล้วนั้น แม้ปัญหาดังกล่าวจะเป็นข้อกฎหมาย แต่เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติแล้วว่าไม่มีเหตุที่จะพิจารณาคดีใหม่ ฎีกาของจำเลยข้อนี้จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6490/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีโดยเจ้าพนักงานเมื่อผู้เสียภาษีไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกและมีเจตนาหลีกเลี่ยง ทำให้ไม่อาจอุทธรณ์ได้
เจ้าพนักงานประเมินให้โอกาสโจทก์นำเอกสารหรือหลักฐานต่าง ๆที่จำเป็นไปให้เพื่อทำการตรวจสอบภาษีอากรของโจทก์ นับแต่วันที่ 24กรกฎาคม 2523 จนถึงครั้งสุดท้ายวันที่ 2 พฤษภาคม 2526 เป็นเวลาเกือบ3 ปี โจทก์ขอผัดส่งเอกสารหลักฐานต่าง ๆ อ้างว่า รวบรวมไม่ครบหรือป่วยและเหตุอื่น รวม 13 ครั้ง และผิดนัดเรื่อยมาพฤติการณ์ฟังได้ว่าโจทก์โดยไม่มีเหตุอันสมควร จงใจฝ่าฝืนไม่นำบัญชีหรือพยานหลักฐานอันควรแก่เรื่องมาแสดงตามหมายเรียก หรือคำสั่งของเจ้าพนักงานประเมินเจ้าพนักงานประเมินจึงมีอำนาจ ประเมินภาษีอากรของโจทก์ไปตามหลักฐานที่มีอยู่และแจ้งการประเมินให้โจทก์ทราบ โจทก์มีหน้าที่ชำระค่าภาษีอากรตามจำนวนที่เจ้าพนักงานประเมินแจ้งไป และในกรณีนี้ โจทก์ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ การประเมิน ตาม ป.รัษฎากร มาตรา 21.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5451/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รวมพิจารณาคดีอาญาที่เกี่ยวข้อง ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาแม้จำเลยบางคนไม่ได้อุทธรณ์
โจทก์แยกฟ้องจำเลยกับ จ. มาเป็นสองสำนวน ข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์ ศาลชั้นต้นรวมการพิจารณาและพิพากษาว่าจำเลยกับ ว.มีความผิดตามฟ้อง จำเลยเพียงผู้เดียวอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องจำเลย โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์ไม่พอฟังว่าจำเลยและ จ. เป็นคนร้าย ดังนี้ เนื่องจากเหตุที่จำเลย กับ จ.ถูกฟ้องเป็นเหตุเดียวกัน แม้จะถูกฟ้องเป็นคนละคดี แต่ศาลชั้นต้นรวมพิจารณาพิพากษาเป็นคดีเดียวกันและเหตุที่ยกฟ้องเป็นเหตุในลักษณะคดีศาลฎีกามีอำนาจพิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับ จ. ซึ่งมิได้อุทธรณ์ฎีกาด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213ประกอบด้วยมาตรา 225.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2229/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งระหว่างพิจารณาคดีอาญาที่เพิกถอนการแก้ฟ้อง ไม่อุทธรณ์ได้จนกว่าจะมีคำพิพากษา
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่เพิกถอนคำสั่งอนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้องเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาที่ไม่ทำให้คดีเสร็จสำนวน ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งนั้นจนกว่าศาลชั้นต้นจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งในประเด็นสำคัญ และมีอุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นด้วย ตามป.วิ.อ. มาตรา 196 อุทธรณ์และฎีกาของโจทก์ในระหว่างพิจารณาจึงต้องห้ามตามกฎหมายดังกล่าว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2229/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งระหว่างพิจารณาที่ไม่ทำให้คดีเสร็จสำนวน ไม่อุทธรณ์ได้จนกว่ามีคำพิพากษาหรือคำสั่งในประเด็นสำคัญ
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่เพิกถอนคำสั่งอนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้องเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาที่ไม่ทำให้คดีเสร็จสำนวน ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งนั้นจนกว่าศาลชั้นต้นจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งในประเด็นสำคัญ และมีอุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นด้วยตาม ป.วิ.อ. มาตรา 196.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 717/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่อุทธรณ์ประเด็นใหม่ในฎีกา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยหากไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย
หลังจากศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้ขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดให้แก่โจทก์แล้ว จำเลยยื่นคำร้องคัดค้านว่าโจทก์เสนอราคาต่ำไปขอให้เลื่อนการขาย ศาลชั้นต้นสั่งรวมสำนวน จำเลยอุทธรณ์ว่าโจทก์เสนอราคาต่ำไปและไม่มีบุคคลภายนอกเข้าสู้ราคา ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน การที่จำเลยฎีกาว่าศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องโดยไม่ไต่สวนก่อนไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 296 วรรคสองนั้น เป็นปัญหาที่จำเลยมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาในศาลอุทธรณ์ และไม่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4708/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่อุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณาเรื่องการชี้สองสถาน ทำให้สิทธิอุทธรณ์ระงับ
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นทำการชี้สองสถานเพื่อกำหนดประเด็นข้อพิพาท ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์เสร็จแล้วสั่งยกคำร้องของโจทก์ คำสั่งของศาลชั้นต้นเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา โจทก์มิได้โต้แย้งคำสั่งดังกล่าวไว้ จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 391/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลให้รอฟังผลคดีอื่นและจำหน่ายคดีชั่วคราว ไม่เป็นคำสั่งที่ทำให้คดีเสร็จสำนวน จึงไม่อุทธรณ์ได้
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งให้รอฟังคำสั่งหรือคำพิพากษาในชั้นไต่สวนมูลฟ้องไว้ก่อนเพื่อรอฟังผลคดีถึงที่สุดในคดีอื่น คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาที่ไม่ทำให้คดีเสร็จสำนวน จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 196 ส่วนการที่ศาลชั้นต้นได้สั่งไว้ด้วยว่าให้จำหน่ายคดีชั่วคราว เมื่อคดีอื่นที่รอฟังผลนั้นถึงที่สุดเมื่อใด ให้โจทก์แถลงให้ศาลชั้นต้นทราบเพื่อจะได้ยกคดีขึ้นพิจารณาต่อไปนั้น ก็ต้องถือว่าเป็นการจำหน่ายคดีที่ไม่ทำให้ประเด็นแห่งคดีเสร็จไป โจทก์จึงยังไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนี้ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าวอีกเช่นกัน.(ที่มา-ส่งเสริม)