พบผลลัพธ์ทั้งหมด 133 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1232/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดครองที่ดินของรัฐโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน
ที่ดินของรัฐตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 1 และ 2 รวมถึงที่ชายทะเลซึ่งมิได้เป็นกรรมสิทธิ์ของบุคคลใด ไม่ต้องเป็นที่ตาม พระราชบัญญัติแร่ฯ หรือ พระราชบัญญัติป่าไม้ฯจำเลยเข้ายึดถือครอบครองโดยไม่รับอนุญาตเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 108
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2175/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบเครื่องจักรที่ใช้ในการตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต และการปรับบทลงโทษให้ถูกต้องตามกฎหมาย
เครื่องจักรเลื่อยวงเดือน เครื่องจักรเลื่อยสายพานเครื่องจักรใช้เจาะไม้และเครื่องจักรไสไม้ ซึ่งจำเลยใช้ในการตั้งโรงงานแปรรูปไม้สัก ไม้ยาง โดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำผิดฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 48 ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 116 ข้อ 4 จึงต้องริบ ตามพระราชบัญญัติป่าไม้(ฉบับที่ 4)พ.ศ.2503 มาตรา 18 (อ้างฎีกาที่ 1572/2505)
ความผิดฐานตั้งโรงงานไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติโรงงานมีอัตราโทษปรับสถานเดียว จึงเบากว่าความผิดฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้สัก ไม้ยาง โดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกและปรับ ต้องปรับบทลงโทษฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้สัก ไม้ยาง โดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 ดังนั้นเมื่อศาลชั้นต้นปรับบทลงโทษจำเลยฐานตั้งโรงงานไม่ได้รับอนุญาต วางโทษปรับ 5,000 บาทโจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้เพิ่มเติมโทษจำเลย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนมาศาลฎีกาจึงพิพากษาแก้ปรับบทลงโทษจำเลยให้ถูกต้องโดยไม่เพิ่มเติมโทษจำเลย
ความผิดฐานตั้งโรงงานไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติโรงงานมีอัตราโทษปรับสถานเดียว จึงเบากว่าความผิดฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้สัก ไม้ยาง โดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกและปรับ ต้องปรับบทลงโทษฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้สัก ไม้ยาง โดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 ดังนั้นเมื่อศาลชั้นต้นปรับบทลงโทษจำเลยฐานตั้งโรงงานไม่ได้รับอนุญาต วางโทษปรับ 5,000 บาทโจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้เพิ่มเติมโทษจำเลย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนมาศาลฎีกาจึงพิพากษาแก้ปรับบทลงโทษจำเลยให้ถูกต้องโดยไม่เพิ่มเติมโทษจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2175/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบเครื่องจักรและปรับบทลงโทษฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ.ป่าไม้
เครื่องจักรเลื่อยวงเดือน เครื่องจักรเลื่อยสายพานเครื่องจักรใช้เจาะไม้และเครื่องจักรไสไม้ ซึ่งจำเลยใช้ในการตั้งโรงงานแปรรูปไม้สัก ไม้ยาง โดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำผิดฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 48 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 116 ข้อ 4 จึงต้องริบ ตามพระราชบัญญัติป่าไม้(ฉบับที่ 4)พ.ศ.2503 มาตรา 18(อ้างฎีกาที่ 1572/2505)
ความผิดฐานตั้งโรงงานไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติโรงงานมีอัตราโทษปรับสถานเดียว จึงเบากว่าความผิดฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้สัก ไม้ยาง โดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกและปรับ ต้องปรับบทลงโทษฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้สัก ไม้ยาง โดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 ดังนั้นเมื่อศาลชั้นต้นปรับบทลงโทษจำเลยฐานตั้งโรงงานไม่ได้รับอนุญาต วางโทษปรับ 5,000 บาทโจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้เพิ่มเติมโทษจำเลย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนมา ศาลฎีกาจึงพิพากษาแก้ปรับบทลงโทษจำเลยให้ถูกต้อง โดยไม่เพิ่มเติมโทษจำเลย
ความผิดฐานตั้งโรงงานไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติโรงงานมีอัตราโทษปรับสถานเดียว จึงเบากว่าความผิดฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้สัก ไม้ยาง โดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกและปรับ ต้องปรับบทลงโทษฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้สัก ไม้ยาง โดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 ดังนั้นเมื่อศาลชั้นต้นปรับบทลงโทษจำเลยฐานตั้งโรงงานไม่ได้รับอนุญาต วางโทษปรับ 5,000 บาทโจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้เพิ่มเติมโทษจำเลย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนมา ศาลฎีกาจึงพิพากษาแก้ปรับบทลงโทษจำเลยให้ถูกต้อง โดยไม่เพิ่มเติมโทษจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1648/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องความผิดฐานทำสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่จำเป็นต้องระบุดีกรีแอลกอฮอล์
ฟ้องคดีอาญาหาว่าจำเลยทำสุรา มีเครื่องต้มกลั่นสำหรับทำสุราและมีสุรากลั่นสุราแช่ อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติสุรามาตรา 5, 32 แม้จะไม่บรรยายมาด้วยในคำฟ้องว่าสุรานั้นมีแรงแอลกอฮอล์กี่ดีกรี ดื่มกินได้เช่นน้ำสุรารัฐบาลหรือไม่ ก็เป็นคำฟ้องที่ครบองค์เป็นความผิดลงโทษจำเลยตามคำขอได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 961/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการยกเว้นโทษ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ฉบับที่ 4 พ.ศ. 2510: ครอบคลุมเฉพาะอาวุธปืนที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเท่านั้น
พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2510 มาตรา 5, 6ซึ่งบัญญัติให้ผู้มีอาวุธปืนบางชนิดซึ่งยังมิได้รับอนุญาตโดยชอบด้วยกฎหมายหรือยังมิได้รับอนุญาตโดยชอบด้วยกฎหมาย และไม่อาจอนุญาตได้ตามกฎหมายว่าด้วยอาวุธปืนฯ มาขอรับอนุญาตเพื่อปฏิบัติการให้ถูกต้องตามกฎหมายภายในกำหนดเวลา โดยไม่ต้องรับโทษนั้น หมายความถึงอาวุธปืนที่ยังไม่ได้รับอนุญาตโดยชอบด้วยกฎหมายเท่านั้นมิได้หมายความรวมถึงอาวุธปืนที่ได้รับอนุญาตโดยชอบด้วยกฎหมายอยู่ แล้ว ฉะนั้น เมื่อได้ความว่าจำเลยมีอาวุธปืนที่มีทะเบียนของผู้อื่นไว้ในความครอบครองโดยไม่รับอนุญาตก็ไม่มีเหตุจะอ้างว่า จำเลยไม่ต้องรับโทษตามพระราชบัญญัติดังกล่าวได้
(เทียบฎีกาประชุมใหญ่ที่ 295/2513)
(เทียบฎีกาประชุมใหญ่ที่ 295/2513)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 471/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหลบหนีเข้าเมืองและการอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่ขาดอายุความฟ้อง
จำเลยได้เข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ผ่านการตรวจของ เจ้าพนักงานและไม่ได้เดินทางเข้ามาตามช่องทางซึ่งรัฐมนตรีกำหนดไว้ตามกฎหมาย(จำเลยฎีกาว่าจำเลยได้เข้ามาเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว คดีของโจทก์ขาดอายุความ) และจำเลยได้อยู่ในประเทศไทยโดยมิได้รับอนุญาตตลอดมาจนถึงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2509 เป็นเวลาถึง 10 ปีแล้วก็ตาม ก็ถือได้ว่าจำเลยได้เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2493 มาตรา 21 (โจทก์ฟ้องจำเลยเมื่อวันที่ 11กันยายน 2510) ดังนี้ คดีจึงไม่ขาดอายุความตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมืองพ.ศ. 2493 มาตรา 58 ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 998/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาต: ยาชอบด้วยกฎหมายไม่เข้าข่ายต้องริบ
จำเลยได้รับอนุญาตให้ขายยาได้แต่เฉพาะยาสำเร็จรูปซึ่งไม่ใช่ยาอันตราย จำเลยได้ขายยาซึ่งเป็นยาอันตรายตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข โดยจำเลยมิได้รับอนุญาตให้ขายยาประเภท ก. ความผิดของจำเลยจึงอยู่ที่มิได้รับใบอนุญาตขายยาประเภทดังกล่าวจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ยาของกลางที่ยึดมาจากจำเลยนั้น แม้จะเป็นยาอันตราย แต่ก็เป็นยาชอบด้วยกฎหมายและอาจขายได้ หากจำเลยได้รับใบอนุญาตให้ขายยาจากพนักงานเจ้าหน้าที่เสียก่อน จึงไม่ใช่สิ่งของที่จำเลยใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำผิดโดยตรงอันจะพึงต้องริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 ศาลจึงไม่ริบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 998/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาต: ไม่ถือเป็นสิ่งของที่ใช้ในการกระทำผิดโดยตรง จึงไม่ริบ
จำเลยได้รับอนุญาตให้ขายยาได้แต่เฉพาะยาสำเร็จรูปซึ่งไม่ใช่ยาอันตราย จำเลยได้ขายยาซึ่งเป็นยาอันตรายตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข โดยจำเลยมิได้รับอนุญาตให้ขายยาประเภทก. ความผิดของจำเลยจึงอยู่ที่มิได้รับใบอนุญาตขายยาประเภทดังกล่าวจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ยาของกลางที่ยึดมาจากจำเลยนั้น แม้จะเป็นยาอันตราย แต่ก็เป็นยาชอบด้วยกฎหมายและอาจขายได้ หากจำเลยได้รับใบอนุญาตให้ขายยาจากพนักงานเจ้าหน้าที่เสียก่อน จึงไม่ใช่สิ่งของที่จำเลยใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำผิดโดยตรงอันจะพึงต้องริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 ศาลจึงไม่ริบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 998/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาต: ไม่เข้าข่ายริบยาเพราะยาชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยได้รับอนุญาตให้ขายยาได้แต่เฉพาะยาสำเร็จรูปซึ่งไม่ใช่ยาอันตราย. จำเลยได้ขายยาซึ่งเป็นยาอันตรายตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข โดยจำเลยมิได้รับอนุญาตให้ขายยาประเภทก.. ความผิดของจำเลยจึงอยู่ที่มิได้รับใบอนุญาตขายยาประเภทดังกล่าวจากพนักงานเจ้าหน้าที่. ยาของกลางที่ยึดมาจากจำเลยนั้น แม้จะเป็นยาอันตราย แต่ก็เป็นยาชอบด้วยกฎหมายและอาจขายได้ หากจำเลยได้รับใบอนุญาตให้ขายยาจากพนักงานเจ้าหน้าที่เสียก่อน. จึงไม่ใช่สิ่งของที่จำเลยใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำผิดโดยตรงอันจะพึงต้องริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 ศาลจึงไม่ริบ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 389/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายยาอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้มีใบอนุญาตขายยาประเภทอื่น ยาของกลางไม่เข้าข่ายทรัพย์สินที่ต้องริบ
จำเลยได้รับใบอนุญาตให้ขายยาประเภทค. ซึ่งตามกฎหมายจะขายยาอันตรายมิได้ การที่จำเลยฝ่าฝืนเท่ากับจำเลยขายยาอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต ยาของกลางจึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่จำเลยใช้ในการกระทำผิดจะริบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33 ไม่ได้