พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,220 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 746/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลคดีแพ่งต้องสอดคล้องกับผลคดีอาญา หากศาลอาญาตัดสินว่าจำเลยไม่มีส่วนร่วมในการซื้อขาย จึงไม่มีความรับผิดในคดีแพ่ง
มูลคดีเรื่องเดียวกันนี้ โจทก์ได้ฟ้องจำเลยทั้งสามเป็นคดีอาญาหาว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 ทำการฉ้อโกงเอากระบือของโจทก์ไปโดยหลอกลวงว่าจะซื้อกระบือ ศาลอุทธรณ์พิพากษาถึงที่สุดว่าข้อเท็จจริงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 ซื้อกระบือของโจทก์ไป จำเลยที่ 1 มิได้กระทำผิดตามฟ้อง ดังนี้ การพิพากษาคดีนี้อันเป็นคดีส่วนแพ่ง ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา เมื่อจำเลยที่ 1 มิได้เกี่ยวข้องกับการซื้อกระบือรายนี้ จึงไม่มีกรณีที่จะต้องวินิจฉัยถึงความรับผิดของจำเลยที่ 1
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 746/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อผูกพันทางแพ่งตามคำพิพากษาคดีอาญา: ศาลต้องยึดตามข้อเท็จจริงในคดีอาญาที่ถึงที่สุด
มูลคดีเรื่องเดียวกันนี้ โจทก์ได้ฟ้องจำเลยทั้งสามเป็นคดีอาญาหาว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 ทำการฉ้อโกงเอากระบือของโจทก์ไปโดยหลอกลวงว่าจะซื้อกระบือศาลอุทธรณ์พิพากษาถึงที่สุดว่าข้อเท็จจริงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 ซื้อกระบือของโจทก์ไป จำเลยที่ 1 มิได้กระทำผิดตามฟ้องดังนี้ การพิพากษาคดีนี้อันเป็นคดีส่วนแพ่ง ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา เมื่อจำเลยที่ 1 มิได้เกี่ยวข้องกับการซื้อกระบือรายนี้ จึงไม่มีกรณีที่จะต้องวินิจฉัยถึงความรับผิดของจำเลยที่ 1
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 480/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประนีประนอมยอมความแพ่ง ไม่กระทบสิทธิฟ้องอาญา ต้องมีการสละสิทธิชัดเจน
การประนีประนอมยอมความกันในคดีแพ่ง ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้แสดงความประสงค์ที่จะสละสิทธิในการดำเนินคดีอาญาต่อจำเลยหรือไม่ จะถือว่าสิทธิดำเนินคดีอาญาของโจทก์ระงับไปด้วยหาได้ไม่ การยอมความในคดีแพ่งที่จะมีผลให้คดีอาญาระงับไปนั้น จะต้องเป็นกรณีที่โจทก์ตกลงสละสิทธิในการดำเนินคดีอาญาต่อจำเลยด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 470/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอ้างพยานแทนเอกสารที่ถูกทำลายในคดีแพ่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรค 3
สืบพยานโจทก์เสร็จแล้วจำเลยจึงทราบว่าเอกสารที่จำเลยอ้างถูกทำลาย จำเลยร้องขออ้างพยานบุคคลแทนเอกสารนั้นได้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรค 3
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2685/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีอาญาและแพ่งเกี่ยวเนื่อง: ศาลต้องยึดข้อเท็จจริงจากคดีอาญาที่ถึงที่สุดในการพิจารณาคดีละเมิด
ศาลทหารกรุงเทพ (ศาลอาญา) ได้พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่า พยานหลักฐานของโจทก์ไม่มั่นคงยังเป็นที่สงสัย ต้องยกประโยชน์ให้เป็นผลดีแก่จำเลย ฉะนั้นในการพิจารณาคดีแพ่ง ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีอาญาของศาลทหารตามพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 มาตรา 54 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 ว่า โจทก์ไม่มีพยานมาสืบให้ศาลเห็นว่าจำเลยที่ 1 ได้กระผิดตามที่โจทก์ฟ้อง ที่โจทก์นำพยานอื่นมาสืบในคดีนี้ว่า จำเลยที่ 1 ได้กระทำผิดหรือกระทำละเมิดต่อโจทก์ ศาลจะรับฟังไม่ได้ เพราะขัดกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคดีอาญาดังกล่าวแล้ว เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ จำเลยที่ 2 และที่ 3 ซึ่งโจทก์อ้างว่าเป็นนายจ้างจึงไม่ต้องรับผิดไปด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2685/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลของคำพิพากษาคดีอาญาต่อคดีแพ่ง: การยกฟ้องในคดีอาญาทำให้คดีแพ่งต้องยกฟ้องตามไปด้วย
ศาลทหารกรุงเทพ (ศาลอาญา) ได้พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่าพยานหลักฐานของโจทก์ไม่มั่นคงยังเป็นที่สงสัย ต้องยกประโยชน์ให้เป็นผลดีแก่จำเลย ฉะนั้นในการพิจารณาคดีแพ่ง ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีอาญาของศาลทหารตามพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 มาตรา 54 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 ว่า โจทก์ไม่มีพยนมาสืบให้ศาลเห็นว่าจำเลยที่ 1 ได้กระทำผิดตามที่โจทก์ฟ้องที่โจทก์นำพยานอื่นมาสืบในคดีนี้ว่า จำเลยที่ 1 ได้กระทำผิดหรือกระทำละเมิดต่อโจทก์ ศาลจะรับฟังไม่ได้ เพราะขัดกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคดีอาญาดังกล่าวแล้ส เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ จำเลยที่ 2 และที่ 3 ซึ่งโจทก์อ้างว่าเป็นนายข้างจึงไม่ต้องรับผิดไปด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2606/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้อน: การฟ้องคดีใหม่โดยโจทก์ต่างจากคดีเดิม แม้ประเด็นคล้ายกัน ไม่ขัดมาตรา 173 วรรคสอง(1)
การที่จำเลยในคดีซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา กลับเป็นโจทก์ฟ้องโจทก์ในคดีนั้นเป็นจำเลยในคดีใหม่ด้วยเรื่องเดียวกัน ก็ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173 วรรคสอง(1) เพราะโจทก์ในคดีหลังนี้ไม่ใช่โจทก์คนเดียวกันกับคดีก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2594/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงท้าทายคดีอาญาเพื่อใช้เป็นข้อวินิจฉัยในคดีแพ่ง ศาลต้องยึดถือเฉพาะข้อวินิจฉัยที่ตรงกับประเด็นที่ตกลงกันเท่านั้น
โจทก์จำเลยตกลงท้ากันให้ศาลถือเอาวินิจฉัยถึงที่สุดในคดีอาญาว่า จำเลยได้ชำระเงินค่าหุ้นที่ยังค้างอยู่แก่บริษัทโจทก์แล้วหรือไม่ประเด็นข้อแพ้ชนะของคดีโดยโจทก์จำเลยไม่สืบพยาน โจทก์ฎีกาเพียงว่า คดีอาญานั้นศาลได้วินิจฉัยถึงที่สุดแล้วว่า จำเลยยังค้างชำระเงินค่าหุ้นโจทก์ ข้อเท็จจริงสมคำท้าของโจทก์ แต่ปรากฏว่าคำพิพากษาคดีอาญาถึงที่สุดโดยศาลมิได้วินิจฉัยในประเด็นที่คู่ความตกลงท้ากัน จึงมิใช่เป็นเรื่องข้อเท็จจริงสมคำท้าของโจทก์ คดีไม่จำต้องวินิจฉัยต่อไปในเรื่องหน้าที่นำสืบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2461/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่ได้เมื่อคดีอาญาไม่รับฟัง การยกฟ้องคดีอาญาผูกพันคดีแพ่ง
คดีอาญาศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้อง ฎีกาไม่ได้ แม้ส่วนแพ่งทุนทรัพย์สูงฎีกาได้ ไม่ต้องห้าม ศาลก็ต้องฟังข้อเท็จจริงตามคดีอาญา และยกฟ้องคดีแพ่งในข้อเท็จจริงนั้นด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2302/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสามารถของโจทก์เด็กและสิทธิของจำเลยในการยกประเด็นประมาทร่วมกัน แม้ไม่เคยอ้างในคดีอาญา
ข้อที่ว่าผู้เสียหายมีส่วนรวมในการประมาทด้วยหรือไม่ แม้จำเลยจะมิได้ต่อสู้ไว้ในคดีอาญา ก็ไม่ตัดสิทธิจำเลยที่จะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในคดีแพ่ง
ผู้เยาว์ถูกจำเลยขับรถชนได้รับอันตราย มารดาดำเนินคดีแทนผู้เยาว์โดยฟ้องเรียกค่าเสียหาย มิได้ฟ้องในนามของมารดาเองเป็นการส่วนตัว เท่ากับผู้เยาว์เป็นโจทก์ฟ้องคดีนั่นเอง เมื่อผู้เยาว์ยังมิได้รับความยินยอมจากบิดา จึงเป็นการบกพร่องในเรื่องความสามารถตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 56 วรรคสอง ศาลมีอำนาจสอบสวนในเรื่องความสามารถของคู่ความและมีคำสั่งให้แก้ไขข้อบกพร่องได้ หาใช่ว่าฟ้องของโจทก์เสียไป เพราะเป็นการดำเนินคดีโดยผู้ไม่มีอำนาจไม่ การที่ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์แก้ไขข้อบกพร่องในเรื่องความสามารถจึงชอบแล้ว
(ตามวรรค 2 วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 13/2518)
ผู้เยาว์ถูกจำเลยขับรถชนได้รับอันตราย มารดาดำเนินคดีแทนผู้เยาว์โดยฟ้องเรียกค่าเสียหาย มิได้ฟ้องในนามของมารดาเองเป็นการส่วนตัว เท่ากับผู้เยาว์เป็นโจทก์ฟ้องคดีนั่นเอง เมื่อผู้เยาว์ยังมิได้รับความยินยอมจากบิดา จึงเป็นการบกพร่องในเรื่องความสามารถตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 56 วรรคสอง ศาลมีอำนาจสอบสวนในเรื่องความสามารถของคู่ความและมีคำสั่งให้แก้ไขข้อบกพร่องได้ หาใช่ว่าฟ้องของโจทก์เสียไป เพราะเป็นการดำเนินคดีโดยผู้ไม่มีอำนาจไม่ การที่ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์แก้ไขข้อบกพร่องในเรื่องความสามารถจึงชอบแล้ว
(ตามวรรค 2 วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 13/2518)