พบผลลัพธ์ทั้งหมด 886 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 516/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษฐานปล้นทรัพย์และทำให้ถึงแก่ความตาย: ข้อจำกัดในการใช้บทมาตรา 250 หากคำฟ้องไม่ชัดเจน
ฟ้องหาว่าจำเลยสมคบกับปล้น+และใช้สาตราวุธตีแทงและฟันเจ้าทรัพย์มีบาดเจ็บหลายแห่ง เจ้าทรัพย์ทนพิษบาดแผลไม่ได้ถึงแก่ความตายในทันใดนั้นเอง ทั้งนี้เพื่อความสดวกในการที่จะหลีกเลี่ยงอาญาและเพื่อจะเอาประโยชน์จากการกระทำผิด ไม่ได้บรรยายไว้ด้วยว่าในการทำร้ายเจ้าทรัพย์นั้นจำเลยมีเจตนาจะฆ่าเจ้าทรัพย์ให้ตายโดยเจตนาด้วยดังนี้ ยังถือไม่ได้ว่าเป็นฟ้องที่ขอให้ลงโทษตามมาตรา 250 ด้วย แม้โจทก์จะได้อ้างมาตรา 250 มาในคำขอท้ายฟ้องด้วยก็ดี ศาลก็ลงโทษจำเลยตามมาตรา 250 หาได้ไม่ทางลงโทษจำเลยได้แต่ตามมาตรา 301 ตอนท้ายเท่านั้น
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 4/2494)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 4/2494)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 460/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขชื่อโจทก์/เจ้าทรัพย์ในคำฟ้อง: การพิมพ์ผิดพลาดไม่ถึงแก่การยกฟ้อง
โจทก์ฟ้องระบุชื่อเจ้าทรัพย์นางพุ่ม แต่ครั้นนำมาสืบกลับปรากฎว่าชื่อนางนุ่ม และปรากฎว่าในบัญชีระบุพยานโจทก์ก็มีว่า นางนุ่ม เช่นนี้เป็นที่เห็นได้ว่าคำฟ้องของโจทก์ที่พิมพ์เป็นนางพุ่มไปนั้น เป็นเพียงการพิมพ์ผิดพลาดทำให้เพี้ยนไปเท่านั้น จึงไม่เป็นการแตกต่างถึงแก่จะให้ยกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 460/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิมพ์ชื่อเจ้าทรัพย์ผิดพลาดในคำฟ้อง ไม่ถือเป็นการแตกต่างถึงแก่ยกฟ้อง
โจทก์ฟ้องระบุชื่อเจ้าทรัพย์ว่านางพุ่ม แต่ครั้นนำมาสืบกลับปรากฏว่าชื่อ นางนุ่ม และปรากฏว่าในบัญชีระบุพยานโจทก์ก็มีว่า นางนุ่มเช่นนี้เป็นที่เห็นได้ว่าคำฟ้องของโจทก์ที่พิมพ์เป็นนางพุ่มไปนั้น เป็นเพียงการพิมพ์ผิดพลาดทำให้เพี้ยนไปเท่านั้น จึงไม่เป็นการแตกต่างถึงแก่จะให้ยกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 209/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับคำฟ้องใหม่หลังมีคำสั่งไม่รับฟ้อง: ศาลยอมรับคำฟ้องเดิมเมื่อโจทก์ปฏิบัติตามข้อกำหนดและเสียค่าขึ้นศาล
ฟ้องซึ่งศาลฎีกาพิพากษายืนตามคำสั่งไม่รับฟ้องเพราะโจทก์ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดของศาลนั้น แม้ศาลจะได้ลงสารบบหมายคดีแดงแล้วก็ดี ถ้าโจทก์ยื่นคำแถลงขึ้นมา ยอมปฏิบัติตามข้อกำหนดของศาลทุกประการและขอให้ศาลดำเนินคดีต่อไป เมื่อศาลชั้นต้นยอมจัดการให้และดำเนินคดีต่อไปแล้ว ก็ย่อมทำได้ไม่เป็นการลบล้างคำพิพากษาศาลฎีกาไม่จำเป็นที่จะต้องให้โจทก์ทำคำฟ้องมายื่นต่อศาลใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1054/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอ้างบทมาตราผิดในคำฟ้องอาญา: ศาลลงโทษตามบทที่ถูกต้องได้
ฟ้องของโจทก์บรรยายความหาว่าจำเลยได้นำความที่รู้อยู่ว่าเป็นความเท็จไปแจ้งต่อเจ้าพนักงานทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ซึ่งเป็นฟ้องตรงตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 118 เมื่อนำพยานสืบก็สืบตามฟ้อง แต่ในคำขอท้ายฟ้องอ้างมาตรา 155 ถึงมาตรา 158 ไม่ได้อ้างมาตรา 118 ดังนี้ เห็นได้ว่าเป็นเรื่องอ้างบทผิด ไม่ใช่ไม่ประสงค์ให้ลงโทษจำเลย ศาลจึงอาจลงโทษจำเลยในบทที่ถูกต้องคือตามมาตรา 118 ได้ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 192 วรรค 4
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 947/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทุจริตจากการหลอกลวงขายของ ศาลพิจารณาจากคำฟ้องที่ระบุการใช้คำเท็จและรับประโยชน์
ฟ้องของโจทก์แม้จะไม่ใช้ถ้อยคำดัง ก.ม.ลักษณะอาญาบัญญัติไว้ในมาตรา 304,306 แต่เมื่อมีข้อความให้เข้าใจได้ดังนั้นก็เป็นการเพียงพอ
โจทก์ฟ้องบรรยายว่าจำเลยบังอาจใช้อุบายประกอบด้วยคำเท็จมากล่าวหลอกลวงบอกขายสายสร้อยคอทองคำ 3 สายว่าเป็นทองคำแท้ แก่เจ้าทรัพย์เป็นเงิน 1250 บาท เจ้าทรัพย์หลงเชื่อคำเท็จของจำเลยว่าเป็นทองดี จึงมอบเงินจำนวน 1250 บาทแก่จำเลยไป จำเลยได้รับเงินแล้วก็เอาไปเป็นประโยชน์ตนเสียซึ่งความจริงไม่ใช่ทองคำอันแท้จริงดังนี้ก็เป็นฟ้องที่มีองค์เกณฑ์ครบตาม ม. 304,310 แล้ว
โจทก์ฟ้องบรรยายว่าจำเลยบังอาจใช้อุบายประกอบด้วยคำเท็จมากล่าวหลอกลวงบอกขายสายสร้อยคอทองคำ 3 สายว่าเป็นทองคำแท้ แก่เจ้าทรัพย์เป็นเงิน 1250 บาท เจ้าทรัพย์หลงเชื่อคำเท็จของจำเลยว่าเป็นทองดี จึงมอบเงินจำนวน 1250 บาทแก่จำเลยไป จำเลยได้รับเงินแล้วก็เอาไปเป็นประโยชน์ตนเสียซึ่งความจริงไม่ใช่ทองคำอันแท้จริงดังนี้ก็เป็นฟ้องที่มีองค์เกณฑ์ครบตาม ม. 304,310 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 947/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทุจริตในการหลอกลวงขายของ ศาลพิจารณาจากคำฟ้องที่แสดงถึงความรู้ว่าข้อความเท็จ
ฟ้องของโจทก์แม้จะไม่ใช้ถ้อยคำดัง กฎหมายลักษณะอาญาบัญญัติไว้ในมาตรา 304,306 แต่เมื่อมีข้อความให้เข้าใจได้ดังนั้นก็เป็นการเพียงพอ
โจทก์ฟ้องบรรยายว่าจำเลยบังอาจใช้อุบายประกอบด้วยคำเท็จมากล่าวหลอกลวงบอกขายสายสร้อยคอทองคำ 3 สายว่าเป็นทองคำแท้ แก่เจ้าทรัพย์เป็นเงิน 1250 บาท เจ้าทรัพย์หลงเชื่อคำเท็จของจำเลยว่าเป็นทองดี จึงมอบเงินจำนวน 1250 บาทแก่จำเลยไป จำเลยได้รับเงินแล้ว ก็เอาไปเป็นประโยชน์ตนเสีย ซึ่งความจริงไม่ใช่ทองคำอันแท้จริง ดังนี้ก็เป็นฟ้องที่มีองค์เกณฑ์ครบตาม มาตรา 304,310 แล้ว
โจทก์ฟ้องบรรยายว่าจำเลยบังอาจใช้อุบายประกอบด้วยคำเท็จมากล่าวหลอกลวงบอกขายสายสร้อยคอทองคำ 3 สายว่าเป็นทองคำแท้ แก่เจ้าทรัพย์เป็นเงิน 1250 บาท เจ้าทรัพย์หลงเชื่อคำเท็จของจำเลยว่าเป็นทองดี จึงมอบเงินจำนวน 1250 บาทแก่จำเลยไป จำเลยได้รับเงินแล้ว ก็เอาไปเป็นประโยชน์ตนเสีย ซึ่งความจริงไม่ใช่ทองคำอันแท้จริง ดังนี้ก็เป็นฟ้องที่มีองค์เกณฑ์ครบตาม มาตรา 304,310 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 715/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้แทนและการรับช่วงสิทธิของเจ้าหนี้ คำฟ้องไม่เคลือบคลุมหากไม่ระบุวันเดือนปี
คำฟ้องคดีแพ่งที่หุ้นส่วนผู้หนึ่งได้ใช้หนี้ของห้างหุ้นส่วนแทนไปฟ้องหุ้นส่วนผู้รับโอนกิจการของหุ้นส่วนไปโดยรับรองจะชำระหนี้รายนี้โจทก์ไม่จำเป็นต้องบรรยายว่าโจทก์ได้ชำระเงินกี่ครั้งเมื่อวันใดไม่เป็นฟ้องที่เคลือบคลุม
การที่โจทก์ผู้เป็นหุ้นส่วนรับใช้หนี้ค่าก่อสร้างโรงมหรสพที่โจทก์จำเลยและผู้อื่นซึ่งเป็นหุ้นส่วนกันแทนหุ้นส่วนไป ที่ประชุมให้จำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการเก็บรายได้ผ่อนใช้ให้โจทก์ ภายหลังหุ้นส่วนเลิกกันจำเลยรับโอนกิจการมาทั้งหมดดังนี้ โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระได้
การฟ้องให้ชำระหนี้ที่โจทก์ใช้แทนไปดังกล่าว ไม่ใช่เป็นการกู้ยืมตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 และไม่ใช่เรื่องที่กฎหมายให้แนบหรือแสดงเอกสารมาพร้อมฟ้อง
การที่โจทก์ผู้เป็นหุ้นส่วนรับใช้หนี้ค่าก่อสร้างโรงมหรสพที่โจทก์จำเลยและผู้อื่นซึ่งเป็นหุ้นส่วนกันแทนหุ้นส่วนไป ที่ประชุมให้จำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการเก็บรายได้ผ่อนใช้ให้โจทก์ ภายหลังหุ้นส่วนเลิกกันจำเลยรับโอนกิจการมาทั้งหมดดังนี้ โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระได้
การฟ้องให้ชำระหนี้ที่โจทก์ใช้แทนไปดังกล่าว ไม่ใช่เป็นการกู้ยืมตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 และไม่ใช่เรื่องที่กฎหมายให้แนบหรือแสดงเอกสารมาพร้อมฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 512/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งปริมาณข้าวเปลือกที่ถูกต้องตามประกาศ และความชัดเจนของข้อหาในคำฟ้อง
คำว่า เวลาตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 158(5) นั้นหมายความถึงวันเดือนปีด้วย ไม่หมายเฉพาะเวลากลางวันหรือกลางคืน
คำฟ้องที่ไม่กล่าวถึงเวลากลางวันหรือกลางคืนนั้น จะเคลือบคลุมหรือไม่ ต้องพิจารณาเป็นเรื่อง ๆ ไปว่า ฟ้องนั้นกล่าวถึงเวลาพอให้เข้าใจข้อหาได้หรือไม่
ประกาศที่ให้ผู้ครอบคอรงข้าวแต่จำนวนเท่านั้นเกวียนแจ้งปริมาณสถานที่เก็บนั้น ผู้ที่ครอบครองข้าวของผู้อื่นอยู่ด้วยก็ต้องแจ้งปริมาณตามจำนวนที่ครอบครองทั้งหมด จะแก้ตัวว่าแจ้งเฉพาะของตนนั้น ไม่พ้นผิดฐานแจ้งปริมาณเท็จ และข้าวเปลือกของกลางต้องริบทั้งหมด
คำฟ้องที่ไม่กล่าวถึงเวลากลางวันหรือกลางคืนนั้น จะเคลือบคลุมหรือไม่ ต้องพิจารณาเป็นเรื่อง ๆ ไปว่า ฟ้องนั้นกล่าวถึงเวลาพอให้เข้าใจข้อหาได้หรือไม่
ประกาศที่ให้ผู้ครอบคอรงข้าวแต่จำนวนเท่านั้นเกวียนแจ้งปริมาณสถานที่เก็บนั้น ผู้ที่ครอบครองข้าวของผู้อื่นอยู่ด้วยก็ต้องแจ้งปริมาณตามจำนวนที่ครอบครองทั้งหมด จะแก้ตัวว่าแจ้งเฉพาะของตนนั้น ไม่พ้นผิดฐานแจ้งปริมาณเท็จ และข้าวเปลือกของกลางต้องริบทั้งหมด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 511/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาความผิดนอกคำฟ้องในคดีข่มขืนกระทำชำเรา ศาลต้องยึดตามคำฟ้องเดิม
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยใช้อำนาจด้วยกำลังกายข่มขืนกระทำชำเราโจทก์จนสำเร็จความใคร่ ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 243ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยได้กอดโจทก์ แต่โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้กอดโจทก์อันเป็นความผิดตามมาตรา 246 ศาลต้องพิพากษายกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง