พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,182 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 982/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับผิดของโจทก์จากการเชิดตัวแทนที่ไม่ได้รับมอบอำนาจ และผลของการทำหลักฐานรับสภาพหนี้ต่ออายุความ
เมื่อโจทก์ได้เชิด ป. หรือรู้แล้วยังยอมให้ ป. เชิดตัวเองออกแสดงว่าเป็นตัวแทนของโจทก์ โจทก์ย่อมต้องรับผิดต่อจำเลยผู้สุจริตซึ่งมิได้ล่วงรู้ถึงความจริงเสมือนว่า บ. เป็นตัวแทนของโจทก์
จำเลยได้ตกลงซื้อรถพิพาทจาก บ. เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2511 ยังชำระเงินไม่ครบ ต่อมาจำเลยได้ทำหลักฐานเป็นหนังสือให้โจทก์ไว้เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2512 ว่าจำเลยได้รับรถพิพาทไปในวันนั้นเองการกระทำของจำเลยเช่นนี้ฟังตระหนักเป็นปริยายได้ว่าจำเลยยอมรับสภาพแล้วว่ายังเป็นหนี้ค่าซื้อรถพิพาทกับโจทก์อยู่ในวันนั้น โจทก์ฟ้องเรียกค่ารถยนต์และค่าเสียหายเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2514 คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
จำเลยได้ตกลงซื้อรถพิพาทจาก บ. เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2511 ยังชำระเงินไม่ครบ ต่อมาจำเลยได้ทำหลักฐานเป็นหนังสือให้โจทก์ไว้เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2512 ว่าจำเลยได้รับรถพิพาทไปในวันนั้นเองการกระทำของจำเลยเช่นนี้ฟังตระหนักเป็นปริยายได้ว่าจำเลยยอมรับสภาพแล้วว่ายังเป็นหนี้ค่าซื้อรถพิพาทกับโจทก์อยู่ในวันนั้น โจทก์ฟ้องเรียกค่ารถยนต์และค่าเสียหายเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2514 คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 759/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเคลือบคลุม, สัญญาจ้างเหมา, ตัวแทน, ความรับผิดทางสัญญา, การพิสูจน์ข้อเท็จจริง
คดีฟ้องเรียกให้ชำระค่าก่อสร้าง บรรยายฟ้องเกี่ยวกับงานก่อสร้างเพิ่มเติมแต่เพียงว่า จำเลยผิดนัดไม่ชำระเงินค่าก่อสร้างเพิ่มเติมอีกเป็นเงิน 14,600 บาท โดยมิได้บรรยายรายละเอียดว่า จำเลยตกลงจ้างโจทก์ก่อสร้างเพิ่มเติมเมื่อไร เป็นงานอะไร คิดค่าจ้างเพิ่มเป็นเงินเท่าใด และจำเลยชำระแล้วเท่าใด เป็นฟ้องที่มิได้แสดงแจ้งชัดเพื่อมิได้แสดงแจ้งชัดซึ่งสภาพของข้อหา และข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นนั้น ฟ้องในส่วนนี้จึงเคลือบคลุม
ฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 2 มอบให้จำเลยที่ 1 ว่าจ้างเหมาะโจทก์ก่อสร้างตึกแถวพิพาทตามสัญญาจ้างเหมาท้ายฟ้องซึง่ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้องนั้นปรากฏว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้ว่าจ้างโจทก์ในนามของจำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิดตามสัญญา เพราะทำในฐานะจำเลยที่ 1 ก็มิได้โต้แย้งแต่อย่างใดว่าจำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิดตามสัญญา เพราะทำในฐานะตัวแทน ดังนี้ หากข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นตัวการทำสัญญาจ้างเหมารายพิพาทนี้เองแล้ว จำเลยที่ 1 ย่อมต้องรับผิดต่อโจทก์ ศาลจะยกฟ้องจำเลยที่ 1 เสียโดยวินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดในฐานะเป็นตัวแทน แต่ไม่ได้บรรยายมาในคำฟ้องว่ามีเหตุอย่างใดที่จำเลยที่ 1 จะต้องรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกโดยลำพังสภาพแห่งข้อหาของโจทก์ที่เกี่ยวกับจำเลยทึ 1 จึงไม่อาจบังคับจำเลยที่ 1 ตามที่ขอมาได้นั้นข้อหาไม่
ฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 2 มอบให้จำเลยที่ 1 ว่าจ้างเหมาะโจทก์ก่อสร้างตึกแถวพิพาทตามสัญญาจ้างเหมาท้ายฟ้องซึง่ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้องนั้นปรากฏว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้ว่าจ้างโจทก์ในนามของจำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิดตามสัญญา เพราะทำในฐานะจำเลยที่ 1 ก็มิได้โต้แย้งแต่อย่างใดว่าจำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิดตามสัญญา เพราะทำในฐานะตัวแทน ดังนี้ หากข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นตัวการทำสัญญาจ้างเหมารายพิพาทนี้เองแล้ว จำเลยที่ 1 ย่อมต้องรับผิดต่อโจทก์ ศาลจะยกฟ้องจำเลยที่ 1 เสียโดยวินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดในฐานะเป็นตัวแทน แต่ไม่ได้บรรยายมาในคำฟ้องว่ามีเหตุอย่างใดที่จำเลยที่ 1 จะต้องรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกโดยลำพังสภาพแห่งข้อหาของโจทก์ที่เกี่ยวกับจำเลยทึ 1 จึงไม่อาจบังคับจำเลยที่ 1 ตามที่ขอมาได้นั้นข้อหาไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 759/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเคลือบคลุม, สัญญาจ้างเหมา, ตัวแทน/ตัวการ, ความรับผิดตามสัญญา, การพิสูจน์ข้อเท็จจริง
คดีฟ้องเรียกให้ชำระค่าก่อสร้าง บรรยายฟ้องเกี่ยวกับงานก่อสร้างเพิ่มเติมแต่เพียงว่า จำเลยผิดนัดไม่ชำระเงินค่าก่อสร้างเพิ่มเติมอีกเป็นเงิน 14,600 บาท โดยมิได้บรรยายรายละเอียดว่าจำเลยตกลงจ้างโจทก์ก่อสร้างเพิ่มเติมเมื่อไร เป็นงานอะไรบ้าง คิดค่าจ้างเพิ่มเป็นเงินเท่าใดและจำเลยชำระแล้วเท่าใด เป็นฟ้องที่มิได้แสดงแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา และข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นนั้น ฟ้องในส่วนนี้จึงเคลือบคลุม
ฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนจำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 2 มอบให้จำเลยที่ 1 ว่าจ้างเหมาโจทก์ก่อสร้างตึกแถวพิพาทตามสำเนาสัญญาท้ายฟ้อง ขอให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันรับผิดต่อโจทก์แต่ตามสัญญาจ้างเหมาท้ายฟ้องซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้องนั้นปรากฏว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้ว่าจ้างโจทก์ในนามของจำเลยที่ 1 เอง ทั้งจำเลยที่ 1 ก็มิได้โต้แย้งแต่อย่างใดว่าจำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิดตามสัญญา เพราะทำในฐานะตัวแทน ดังนี้ หากข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นตัวการทำสัญญาจ้างเหมารายพิพาทนี้เองแล้วจำเลยที่ 1 ย่อมต้องรับผิดต่อโจทก์ ศาลจะยกฟ้องจำเลยที่ 1 เสียโดยวินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดในฐานะเป็นตัวแทน แต่ไม่ได้บรรยายมาในคำฟ้องว่ามีเหตุอย่างใดที่จำเลยที่ 1 จะต้องรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกโดยลำพังสภาพแห่งข้อหาของโจทก์ที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 จึงไม่อาจบังคับจำเลยที่ 1 ตามที่ขอมาได้นั้นหาได้ไม่
ฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนจำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 2 มอบให้จำเลยที่ 1 ว่าจ้างเหมาโจทก์ก่อสร้างตึกแถวพิพาทตามสำเนาสัญญาท้ายฟ้อง ขอให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันรับผิดต่อโจทก์แต่ตามสัญญาจ้างเหมาท้ายฟ้องซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้องนั้นปรากฏว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้ว่าจ้างโจทก์ในนามของจำเลยที่ 1 เอง ทั้งจำเลยที่ 1 ก็มิได้โต้แย้งแต่อย่างใดว่าจำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิดตามสัญญา เพราะทำในฐานะตัวแทน ดังนี้ หากข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นตัวการทำสัญญาจ้างเหมารายพิพาทนี้เองแล้วจำเลยที่ 1 ย่อมต้องรับผิดต่อโจทก์ ศาลจะยกฟ้องจำเลยที่ 1 เสียโดยวินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดในฐานะเป็นตัวแทน แต่ไม่ได้บรรยายมาในคำฟ้องว่ามีเหตุอย่างใดที่จำเลยที่ 1 จะต้องรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกโดยลำพังสภาพแห่งข้อหาของโจทก์ที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 จึงไม่อาจบังคับจำเลยที่ 1 ตามที่ขอมาได้นั้นหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 520/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบอำนาจโดยปริยายและการผูกพันตามสัญญา: สัญญาที่ตัวแทนลงนามผูกพันเจ้าหนี้หรือไม่
ห้างหุ้นส่วนจำกัดโจทก์ มี ช. เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ พ. บุตรของ ช. เป็นหุ้นส่วนและเป็นพนักงานของห้างโจทก์ พ. คิดเงินที่จำเลยซื้อของไปจากห้องโจทก์แล้วค้างชำระ และ พ. กับจำเลยได้ตกลงเรื่องจำนวนเงินที่เป็นหนี้กันทันที โดยยินยอมให้จำเลยผ่อนชำระหนี้ได้ด้วย ซึ่งวันนั้นเอง พ. กับจำเลยได้ทำสัญญายอมให้จำเลยผ่อนชำระหนี้เป็นงวด ๆ พฤติการณ์ดังนี้ส่อแสดงให้เห็นว่า ช. ได้มอบอำนาจให้ พ. กระทำการของห้างโจทก์แทน ช. ได้ในระหว่างที่ ช. ไม่อยู่ ห้างโจทก์จึงต้องผูกพันตามสัญญานั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 520/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบอำนาจโดยปริยายและการผูกพันตามสัญญา: กรณีตัวแทนกระทำการเกินขอบเขต
ห้างหุ้นส่วนจำกัดโจทก์มี ช. เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ พ. บุตรของ ช. เป็นหุ้นส่วนและเป็นพนักงานของห้างโจทก์พ. คิดเงินที่จำเลยซื้อของไปจากห้างโจทก์แล้วค้างชำระและ พ. กับจำเลยได้ตกลงเรื่องจำนวนเงินที่เป็นหนี้กันทันทีโดยยินยอมให้จำเลยผ่อนชำระหนี้ได้ด้วย ซึ่งวันนั้นเอง พ. กับจำเลยได้ทำสัญญายอมให้จำเลยผ่อนชำระหนี้เป็นงวดๆ พฤติการณ์ดังนี้ส่อแสดงให้เห็นว่า ช. ได้มอบอำนาจให้ พ. กระทำการของห้างโจทก์แทน ช.ได้ในระหว่าง ช. ไม่อยู่ห้างโจทก์จึงต้องผูกพันตามสัญญานั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 466/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวแทนกรมทางหลวงผูกพันตามราคาที่ปรองดอง แม้ขัดระเบียบภายใน
ในการจัดซื้อที่ดินเพื่อขยายถนนสุขุมวิทจากกรุงเทพฯ - ตราด ตอนศรีราชา - สัตหีบ กระทรวงพัฒนาการแห่งชาติได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการปรองดองเพื่อพิจารณาค่าทำขวัญให้แก่ เจ้าของทรัพย์สิน และที่ดินโดยให้มีอำนาจหน้าที่พิจารณาปรองดองค่าทำขวัญกับเจ้าของทรัพย์ และที่ดินเพื่อการก่อสร้างดังกล่าวได้ด้วย เมื่อต่อมาคณะกรรมการปรองดองชุดนี้ได้ตีราคาที่ดินในโซนที่ดินพิพาท เสนอกรมทางหลวง จำเลย ซึ่งเป็นราคาที่ดินปานกลาง และจำเลยเห็นชอบด้วยและอนุมัติให้ดำเนินการได้ จนโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทกับผู้รับมอบอำนาจช่วงจากจำเลยได้ทำหนังสือสัญญาแบ่งขายที่ดินพิพาทกันตามราคาปานกลางดังกล่าว และคณะกรรมการปรองดองกับโจทก์ยังได้ทำบันทึกข้อตกลงยินยอมในเรื่องค่าทดแทนที่ดินพิพาทดังกล่าวนี้ไว้อีกด้วย ต้องถือว่า คณะกรรมการปรองดองเป็นตัวแทนของจำเลย จำเลยจึงต้องผูกพันตามนั้น จำเลยจะอ้างระเบียบการภายในมาปฏิเสธความผูกพันและความรับผิดไม่ได้ และการที่ผู้รับมอบอำนาจช่วงจากจำเลยได้ทำหนังสือสัญญาแบ่งขายที่ดินพิพาทกับโจทก์ไปก็มิใช่เป็นการฉ้อฉลหรือเกินกว่าขอบอำนาจที่จำเลยได้มอบหมายให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 466/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวแทนมีอำนาจผูกพันตามสัญญา แม้มีระเบียบภายในขัดแย้ง ศาลยืนตามสัญญาซื้อขายที่ดิน
ในการจัดซื้อที่ดินเพื่อขยายถนนสุขุมวิทจากกรุงเทพฯ - ตราด ตอนศรีราชา สัตหีบ กระทรวงพัฒนาการแห่งชาติได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการปรองดองเพื่อพิจารณาค่าทำขวัญให้แก่เจ้าของทรัพย์สิน และที่ดินโดยให้มีอำนาจหน้าที่พิจารณาปรองดองค่าทำขวัญกับเจ้าของทรัพย์สิน และที่ดินเพื่อการก่อสร้างดังกล่าวได้ด้วย เมื่อต่อมาคณะกรรมการปรองดองชุดนี้ได้ตีราคาที่ดินในโซนที่ดินพิพาท เสนอกรมทางหลวง จำเลยซึ่งเป็นราคาที่ดินปานกลาง และจำเลยเห็นชอบด้วยและอนุมัติให้ดำเนินการได้จนโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทกับผู้รับมอบอำนาจช่วงจากจำเลยได้ทำหนังสือสัญญาแบ่งขายที่ดินพิพาทกันตามราคาปานกลางดังกล่าวและคณะกรรมการปรองดองกับโจทก์ยังได้ทำบันทึกข้อตกลงยินยอมในเรื่องค่าทดแทนที่ดินพิพาทดังกล่าวนั้นไว้อีกด้วย ต้องถือว่า คณะกรรมการปรองดองเป็นตัวแทนของจำเลยจำเลยจึงต้องผูกพันตามนั้น จำเลยจะอ้างระเบียบการภายในมาปฏิเสธความผูกพันและความรับผิดไม่ได้ และการที่ผู้รับมอบอำนาจช่วงจากจำเลยได้ทำหนังสือสัญญาแบ่งขายที่ดินพิพาทกับโจทก์ไปก็มิใช่เป็นการฉ้อฉลหรือเกินกว่าขอบอำนาจที่จำเลยได้มอบหมายให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2668/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องและการยอมรับของจำเลย: แม้ใบมอบอำนาจขาดอากรแสตมป์ หากจำเลยไม่โต้แย้ง ศาลย่อมรับอำนาจฟ้องของตัวแทน
โจทก์กล่าวไว้ในฟ้องว่า โจทก์ได้มอบอำนาจให้ ส. เป็นผู้ฟ้องคดีนี้แทนตามใบมอบอำนาจท้ายฟ้อง จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ในเรื่องนี้จึงถือว่าจำเลยยอมรับว่า ส. ได้รับมอบอำนาจที่ถูกต้องตามใบมอบอำนาจนั้นจริง ทั้งศาลชั้นต้นก็มิได้สงสัยว่าเป็นการมอบอำนาจที่ไม่ถูกต้อง คดีจึงฟังได้ว่าโจทก์ได้มอบอำนาจให้ ส. ฟ้องคดีนี้จริง ไม่มีประเด็นที่โจทก์จะต้องนำสืบในข้อนี้ โจทก์จึงไม่ต้องส่งใบมอบอำนาจเป็นพยานหลักฐานต่อศาลอีก ฉะนั้นแม้ใบมอบอำนาจนี้จะปิดอากรแสตมป์หรือไม่ก็ตาม ก็ไม่มีผลกระทบกระเทือนต่อการรับฟังข้อเท็จจริงที่จำเลยมิได้โต้แย้งว่า ส. มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 23/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความละเมิด: การรับรู้ของตัวแทนกรมทางหลวง และขอบเขตอำนาจมอบหมาย
แม้เจ้าหน้าที่โจทก์จะได้รับแจ้งถึงการที่มีผู้ทำละเมิดต่อโจทก์ อายุความในเรื่องละเมิดยังไม่เริ่มนับจนกว่าอธิบดีกรมโจทก์ ซึ่งเป็นผู้แทนโจทก์ได้รู้ถึงการกระทำละเมิดดังกล่าวแล้ว
กรมมอบอำนาจให้ส่วนราชการอื่นแจ้งความกล่าวโทษผู้กระทำละเมิด แต่เมื่อมิได้มอบให้ติดตามเรียกร้องค่าเสียหายหรือดำเนินคดีฟ้องเรียกค่าเสียหายด้วย การที่ส่วนราชการผู้รับมอบอำนาจรู้เรื่องการกระทำละเมิด ไม่ถือว่ากรมรู้ด้วย
กรมมอบอำนาจให้ส่วนราชการอื่นแจ้งความกล่าวโทษผู้กระทำละเมิด แต่เมื่อมิได้มอบให้ติดตามเรียกร้องค่าเสียหายหรือดำเนินคดีฟ้องเรียกค่าเสียหายด้วย การที่ส่วนราชการผู้รับมอบอำนาจรู้เรื่องการกระทำละเมิด ไม่ถือว่ากรมรู้ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1999/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเป็นตัวแทนเชิด แม้ไม่มีหลักฐานหนังสือ ก็ผูกพันจำเลยได้
การเชิญบุคคลใดเป็นตัวแทน หาจำต้องทำหลักฐานเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 798 ไม่
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยซื้อหิน ดินลูกรัง จากโจทก์และจ้างโจทก์ขน แม้จะได้ความตามที่โจทก์นำสืบว่า จำเลยเชิญ ป.เป็นตัวแทนของจำเลย ก็ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม และการที่ป.ซื้อหิน ดินลูกรัง และจ้างโจทก์ขน ก็เสมือนจำเลยเป็นผู้กระทำเช่นนั้นเอง ศาลจึงพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ให้โจทก์ได้ไม่เป็นการนอกฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยซื้อหิน ดินลูกรัง จากโจทก์และจ้างโจทก์ขน แม้จะได้ความตามที่โจทก์นำสืบว่า จำเลยเชิญ ป.เป็นตัวแทนของจำเลย ก็ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม และการที่ป.ซื้อหิน ดินลูกรัง และจ้างโจทก์ขน ก็เสมือนจำเลยเป็นผู้กระทำเช่นนั้นเอง ศาลจึงพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ให้โจทก์ได้ไม่เป็นการนอกฟ้อง