พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,314 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 426/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องค่าชดเชยเป็นมรดก ทายาทมีสิทธิเรียกค่าชดเชยทั้งหมดจากนายจ้างได้
สิทธิเรียกร้องค่าชดเชยเป็นสิทธิอย่างหนึ่งซึ่งถือได้ว่า เป็นมรดก ย่อมตกทอดแก่โจทก์ซึ่งเป็นทายาทของลูกจ้างผู้ถึงแก่กรรมได้
สิทธิเรียกร้องค่าชดเชยนี้ทายาททุกคนมีสิทธิเรียกร้องการชำระหนี้โดยทำนองซึ่งแต่ละคนอาจจะเรียกให้ชำระหนี้สิ้นเชิงได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 298 โจทก์เป็นทายาทคนหนึ่งของลูกจ้างผู้ถึงแก่กรรมจึงมีสิทธิเรียกร้องค่าชดเชยทั้งหมดจากจำเลยได้โดยไม่จำต้องได้รับความยินยอมจากทายาทอื่น
สิทธิเรียกร้องค่าชดเชยนี้ทายาททุกคนมีสิทธิเรียกร้องการชำระหนี้โดยทำนองซึ่งแต่ละคนอาจจะเรียกให้ชำระหนี้สิ้นเชิงได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 298 โจทก์เป็นทายาทคนหนึ่งของลูกจ้างผู้ถึงแก่กรรมจึงมีสิทธิเรียกร้องค่าชดเชยทั้งหมดจากจำเลยได้โดยไม่จำต้องได้รับความยินยอมจากทายาทอื่น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3889/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสภาพหนี้ทายาทตามสัญญากู้: การกระทำแสดงเจตนาชัดเจนเพียงพอ แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ
จำเลยทั้งหกเป็นทายาทผู้รับมรดกของเจ้ามรดกซึ่งเป็นหนี้เงินกู้โจทก์ตามสัญญากู้ การที่จำเลยทั้งหกรับว่าจะชดใช้หรือให้โจทก์และได้ขอยืมโฉนดที่โจทก์ยึดถือไว้เป็นประกันไปจากโจทก์เพื่อนำไปขอจดทะเบียนรับมรดกแล้วนำมาคืนให้โจทก์ยึดถือไว้ตามเดิมนั้น ถือได้ว่าเป็นการกระทำอันปราศจากเคลือบคลุมสงสัยตระหนักเป็นปริยายว่ายอมรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 หาจำต้องทำหลักฐานเป็นหนังสือเสมอไปไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3174/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีจัดการมรดก: ทายาทมีสิทธิฟ้องภายใน 5 ปีนับแต่การจัดการมรดกสิ้นสุด
จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาล โดยจำเลยอ้างว่าไม่มีพินัยกรรมถ้าปรากฏว่าเจ้ามรดกได้ทำพินัยกรรมไว้ โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับพินัยกรรมก็เป็นทายาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1603 จำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกต้องรับผิดต่อทายาทตามมาตรา 1720 โดยลักษณะตัวแทนตัวการ การที่จำเลยครอบครองทรัพย์มรดกในระหว่างจัดการถือได้ว่าเป็นการครอบครองแทนทายาท จำเลยจะยกอายุความตาม มาตรา 1754 ขึ้นต่อสู้ทายาทไม่ได้ ดังนั้นโจทก์จึงมีสิทธิฟ้องคดีเกี่ยวกับการจัดการมรดกไม่เกินกว่าห้าปีนับแต่การจัดการมรดกสิ้นสุดลงตาม มาตรา 1733 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3174/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีจัดการมรดก: ทายาทมีสิทธิฟ้องภายใน 5 ปีนับจากจัดการมรดกสิ้นสุด
จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาล โดยจำเลยอ้างว่าไม่มีพินัยกรรมถ้าปรากฏว่าเจ้ามรดกได้ทำพินัยกรรมไว้ โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับพินัยกรรมก็เป็นทายาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1603 จำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกต้องรับผิดต่อทายาทตามมาตรา 1720 โดยลักษณะตัวแทนตัวการ การที่จำเลยครอบครองทรัพย์มรดกในระหว่างจัดการถือได้ว่าเป็นการครอบครองแทนทายาท จำเลยจะยกอายุความตาม มาตรา 1754 ขึ้นต่อสู้ทายาทไม่ได้ ดังนั้นโจทก์จึงมีสิทธิฟ้องคดีเกี่ยวกับการจัดการมรดกไม่เกินกว่าห้าปีนับแต่การจัดการมรดกสิ้นสุดลงตาม มาตรา 1733วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2683/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินมรดก: สิทธิของทายาทและการพิสูจน์การได้รับมรดก
โจทก์ฟ้องว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ทั้งแปลงโดยบิดามารดาแบ่งให้ จำเลยซึ่งเป็นพี่สาวโจทก์บุกรุกแย่งการครอบครองที่พิพาท ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยให้การว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยโดยบิดายกให้ ทางพิจารณาฟังได้ว่าที่พิพาทเป็นของบิดามารดาโจทก์จำเลยและยังมิได้ยกให้โจทก์หรือจำเลยตามฟ้องและคำให้การ เมื่อบิดาถึงแก่กรรม ที่พิพาทส่วนของบิดาจึงเป็นมรดกตกทอดแก่ทายาท ต่อมาเมื่อมารดาถึงแก่กรรม ที่พิพาทส่วนของมารดาก็เป็นมรดกตกทอดแก่ทายาทอีกโจทก์เป็นทายาทโดยธรรมด้วยผู้หนึ่ง ย่อมได้รับมรดกของบิดามารดาด้วยแต่คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ผู้เดียวมิได้ตั้งรูปคดีว่าที่พิพาทเป็นมรดกประกอบกับที่พิพาทส่วนที่เป็นมรดกของบิดามารดามีเพียงใดไม่มีประเด็นให้รับฟังเป็นยุติได้จึงไม่อาจชี้ขาดถึงส่วนได้ของโจทก์ ในชั้นนี้สมควรพิพากษาแต่เพียงว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่พิพาทส่วนที่เป็นมรดกในฐานะทายาทผู้รับมรดกเท่านั้น ข้อที่ว่าโจทก์มีส่วนอยู่เพียงใด ชอบที่จะว่ากล่าวกันในทางมรดกต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2683/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินมรดก: การพิสูจน์สิทธิในฐานะทายาทและขอบเขตการรับมรดก
โจทก์ฟ้องว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ทั้งแปลงโดยบิดามารดาแบ่งให้ จำเลยซึ่งเป็นพี่สาวโจทก์บุกรุกแย่งการครอบครองที่พิพาทขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์จำเลยให้การว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยโดยบิดายกให้ทางพิจารณาฟังได้ว่าที่พิพาทเป็นของบิดามารดาโจทก์จำเลยและยังมิได้ยกให้โจทก์หรือจำเลยตามฟ้องและคำให้การ เมื่อบิดาถึงแก่กรรม ที่พิพาทส่วนของบิดาจึงเป็นมรดกตกทอดแก่ทายาทต่อมาเมื่อมารดาถึงแก่กรรม ที่พิพาทส่วนของมารดาก็เป็นมรดกตกทอดแก่ทายาทอีก โจทก์เป็นทายาทโดยธรรมด้วยผู้หนึ่ง ย่อมได้รับมรดกของบิดามารดาด้วย แต่คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ผู้เดียว มิได้ตั้งรูปคดีว่าที่พิพาทเป็นมรดกประกอบกับที่พิพาทส่วนที่เป็นมรดกของบิดามารดามีเพียงใดไม่มีประเด็นให้รับฟังเป็นยุติได้จึงไม่อาจชี้ขาดถึงส่วนได้ของโจทก์ ในชั้นนี้สมควรพิพากษาแต่เพียงว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่พิพาทส่วนที่เป็นมรดกในฐานะทายาทผู้รับมรดกเท่านั้นข้อที่ว่าโจทก์มีส่วนอยู่เพียงใด ชอบที่จะว่ากล่าวกันในทางมรดกต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2245/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้เงินกู้และจำนอง: อายุความ, การรับผิดของทายาท, ฟ้องเคลือบคลุม, และดอกเบี้ยผิดนัด
โจทก์ฟ้องจำเลยในฐานะทายาทผู้รับมรดกให้ชำระหนี้เงินกู้และไถ่ถอนจำนอง เป็นหนี้เหนือบุคคล มิใช่ คดีเกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์หรือเกี่ยวด้วยสิทธิแห่งสภาพบุคคลหรือสิทธิในครอบครัว เมื่อคดีมีทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกิน 20,000 บาท จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
ฟ้องทายาทให้ไถ่ถอนจำนองที่ผู้ตายได้ทำไว้ หลังจากผู้ตายถึงแก่กรรมเกิน 1 ปีคดีขาดอายุความตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 วรรคสาม แล้วก็ตาม แต่บทบัญญัติดังกล่าวก็ยกเว้นมิให้บังคับในกรณีสิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ตาม มาตรา189 โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยเพื่อบังคับชำระหนี้ให้โจทก์จาก ทรัพย์สินที่จำนองได้
สัญญาจำนองระบุว่าให้ส่งดอกเบี้ยเดือนละ 1 ครั้ง ย่อม เป็นที่เข้าใจว่าระหว่างผู้ตายมีชีวิตอยู่อาจจะชำระดอกเบี้ยไปบ้างแล้วก็ได้ เมื่อฟ้องโจทก์ไม่ยืนยันว่าตั้งแต่ทำสัญญาจำนองแล้ว ผู้ตายไม่ได้ชำระดอกเบี้ยเลยหรือ ผิดนัดไม่ชำระดอกเบี้ยตั้งแต่เมื่อใด ไม่สามารถคำนวณดอกเบี้ยได้ถูกต้อง ฟ้องโจทก์เกี่ยวกับดอกเบี้ยจึงไม่ชัดแจ้ง เป็นฟ้องเคลือบคลุม โจทก์จะเรียกให้จำเลยชำระดอกเบี้ยที่ค้างไม่ได้
ฟ้องทายาทให้ไถ่ถอนจำนองที่ผู้ตายได้ทำไว้ หลังจากผู้ตายถึงแก่กรรมเกิน 1 ปีคดีขาดอายุความตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 วรรคสาม แล้วก็ตาม แต่บทบัญญัติดังกล่าวก็ยกเว้นมิให้บังคับในกรณีสิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ตาม มาตรา189 โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยเพื่อบังคับชำระหนี้ให้โจทก์จาก ทรัพย์สินที่จำนองได้
สัญญาจำนองระบุว่าให้ส่งดอกเบี้ยเดือนละ 1 ครั้ง ย่อม เป็นที่เข้าใจว่าระหว่างผู้ตายมีชีวิตอยู่อาจจะชำระดอกเบี้ยไปบ้างแล้วก็ได้ เมื่อฟ้องโจทก์ไม่ยืนยันว่าตั้งแต่ทำสัญญาจำนองแล้ว ผู้ตายไม่ได้ชำระดอกเบี้ยเลยหรือ ผิดนัดไม่ชำระดอกเบี้ยตั้งแต่เมื่อใด ไม่สามารถคำนวณดอกเบี้ยได้ถูกต้อง ฟ้องโจทก์เกี่ยวกับดอกเบี้ยจึงไม่ชัดแจ้ง เป็นฟ้องเคลือบคลุม โจทก์จะเรียกให้จำเลยชำระดอกเบี้ยที่ค้างไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2208/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประนีประนอมยอมความไม่ผูกพันทายาทอื่น กรณีเจ้าของรวมไม่ใช้สิทธิครอบครองต่อสู้บุคคลภายนอก
โจทก์ฟ้องจำเลยในฐานะส่วนตัวและทายาทผู้รับมรดกของ ก.ขอให้พิพากษาว่าที่พิพาท 2 แปลง เป็นของโจทก์มีสิทธิครอบครอง เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าที่พิพาททั้ง 2 แปลง ดังกล่าวมีบุคคลอื่นซึ่งเป็นทายาทผู้รับมรดกของ ก. มีสิทธิครอบครองรวมอยู่ด้วยการที่จำเลยตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ยอมรับว่าที่พิพาททั้ง 2 แปลง เป็นของโจทก์ยินยอมเปลี่ยนแปลงชื่อทางทะเบียนในเอกสารสิทธิให้โจทก์ จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการที่เจ้าของรวมคนหนึ่งใช้สิทธิอันเกิดแต่กรรมสิทธิ์ครอบไปถึงทรัพย์สินทั้งหมดเพื่อต่อสู้บุคคลภายนอกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1359 และการที่ศาลชั้นต้นพิพากษาเสร็จเด็ดขาดไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความก็มิใช่คำพิพากษาที่วินิจฉัยถึงกรรมสิทธิ์ของที่พิพาท อันจะมีผลใช้ยันทายาทของ ก. ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้ คำพิพากษาตามยอมมีผลผูกพันเฉพาะจำเลยซึ่งเป็นคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคแรกเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2208/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลผูกพันของคำพิพากษาตามยอมต่อทายาทผู้รับมรดก: สิทธิในทรัพย์สินร่วม
โจทก์ฟ้องจำเลยในฐานะส่วนตัวและทายาทผู้รับมรดกของ ก.ขอให้พิพากษาว่าที่พิพาท 2 แปลงเป็นของโจทก์มีสิทธิครอบครอง เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าที่พิพาททั้ง 2 แปลงดังกล่าวมีบุคคลอื่นซึ่งเป็นทายาทผู้รับมรดกของ ก. มีสิทธิครอบครองรวมอยู่ด้วยการที่จำเลยตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ยอมรับว่าที่พิพาททั้ง 2 แปลงเป็นของโจทก์ยินยอมเปลี่ยนแปลงชื่อทางทะเบียนในเอกสารสิทธิให้โจทก์ จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการที่เจ้าของรวมคนหนึ่งใช้สิทธิอันเกิดแต่กรรมสิทธิ์ครอบไปถึงทรัพย์สินทั้งหมดเพื่อต่อสู้บุคคลภายนอกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1359 และการ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาเสร็จเด็ดขาดไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความก็มิใช่คำพิพากษาที่วินิจฉัยถึงกรรมสิทธิ์ของที่พิพาทอันจะมีผลใช้ยันทายาทของ ก.ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้คำพิพากษาตามยอมมีผลผูกพันเฉพาะจำเลยซึ่งเป็นคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคแรกเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1754/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิทายาทรับผิดหนี้สินของผู้ตาย โจทก์ฟ้องทายาทรายเดียวไม่ถือใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
จำเลยเป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายมีสิทธิรับมรดกที่โจทก์เลือกฟ้องจำเลยให้ชำระหนี้ที่ผู้ตายยืมเงินโจทก์ โดยไม่ฟ้องทายาทอื่น หาเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตแต่อย่างใดไม่ ทั้งกองมรดกมิใช่บุคคลตามกฎหมายที่จะถูกฟ้องร้องบังคับคดีได้