คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ผู้เสียหาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,243 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 619/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหมิ่นประมาทต้องพิจารณาจากบุคคลทั่วไป ไม่ใช่ผู้เสียหาย และต้องมีเจตนาเฉพาะเจาะจง
การกระทำซึ่งจะทำให้เกิดความเสียหายแก่ชื่อเสียงถูกดูหมิ่นเกลียดชัง อันเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทนั้น ต้องถือตามความรู้สึกนึกคิดของบุคคลธรรมดาทั่วไป มิใช่ถือเอาแต่ความรู้สึกของผู้ที่อ้างว่าตนเป็นผู้เสียหาย
จำเลยลงภาพวาดมีข้อความกำกับในหนังสือพิมพ์ซึ่งจำเลยเป็นเจ้าของและบรรณาธิการ และมีสำนักงานอยู่ในเขตเทศบาลเมืองยะลากล่าวหาว่ามีการทุจริตในเทศบาล แต่หนังสือพิมพ์ของจำเลยลงข่าวเหตุการณ์และจำหน่ายทั่วไปในจังหวัดภาคใต้ มิได้จำหน่ายเฉพาะในเมืองยะลา และข้อความนั้นไม่มีตอนใดพาดพิงถึงเทศบาลเมืองยะลาโดยเฉพาะเจาะจงหรืออาจเข้าใจได้ว่าเป็นการหมิ่นประมาทใส่ความนายกเทศมนตรีกับคณะเทศมนตรีเมืองยะลาในขณะนั้น ทั้งในช่วงระยะปีเศษก่อน มีการโฆษณาภาพและข้อความนั้น เทศบาลเมืองยะลาก็มีการเปลี่ยนคณะเทศมนตรีถึง 7 ชุด คณะเทศมนตรีเมืองยะลาในขณะนั้นจึงไม่เป็นผู้เสียหายอันจะฟ้องร้องให้ลงโทษจำเลยฐานหมิ่นประมาทได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2639-2641/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวฐานใช้เอกสารปลอม: การกระทำต่อผู้เสียหายหลายคนในคราวเดียวกัน และบัตรอนุญาตไม่ใช่เอกสารสิทธิ
จำเลยพบกับผู้เสียหายทั้งสอง เมื่อผู้เสียหายทั้งสองบอกว่าจะมาหาบัตรขึ้นเขาศูนย์ จำเลยก็บอกว่า ทำให้ได้ แต่ต้องเสียเงินคนละ 400 บาท แล้วจำเลยเอารูปถ่ายของผู้เสียหายไป ต่อมาราว30 นาที จำเลยเอาบัตรปลอมมาให้ผู้เสียหายคนละฉบับ ผู้เสียหายจ่ายเงินให้จำเลยไป ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำอันเดียวกันโดยจำเลยมีเจตนากระทำต่อผู้เสียหายรวม 2 คน ในคราวเดียวกันจึงเป็นกรรมเดียว (ฐานใช้เอกสารปลอม)
บัตรอนุญาตให้ผ่านเข้าเขาศูนย์ เป็นเอกสารแสดงว่าผู้ที่มีบัตรนั้นได้รับอนุญาตให้ผ่านเข้าออกในบริเวณเขาศูนย์ได้เท่านั้น มิได้เป็นหลักฐานแห่งการก่อเปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือระงับซึ่งสิทธิแต่อย่างใดจึงมิใช่เอกสารสิทธิตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา1(9)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2174/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งความเท็จและการเป็นผู้เสียหาย: โจทก์ไม่เสียหายจากการแจ้งความเท็จ เพราะยังมีสิทธิเรียกร้องจากเช็คค้ำประกัน
ปัญหาที่ว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายหรือไม่ เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลอุทธรณ์ยกขึ้นอ้างได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสองแม้จะไม่ได้ยกขึ้นในศาลชั้นต้นก็ตาม
จำเลยนำรถยนต์ ใบทะเบียน และคำแจ้งความเรื่องขอโอนและขอรับโอนทะเบียนรถยนต์ไปประกันเงินกู้ไว้กับโจทก์ ต่อมาจำเลยขอรับรถยนต์คืนเพื่อนำไปให้ผู้ซื้อดูโดยโจทก์ยอมรับเช็คเป็นหลักประกันแทนรถยนต์ และยอมให้จำเลยมีสิทธิขายรถยนต์นั้นได้และมีข้อตกลงว่าถ้าผู้ซื้อไม่ตกลงซื้อให้จำเลยนำรถยนต์คืนโจทก์ ถ้าผู้ซื้อตกลงซื้อให้แจ้งให้โจทก์ทราบเพื่อโจทก์จะได้นำเช็คไปขอรับเงินจากธนาคารดังนี้ การที่จำเลยไปแจ้งความว่าใบทะเบียนรถยนต์หาย และเจ้าพนักงานตำรวจได้จดไว้ในรายงานเบ็ดเสร็จประจำวันซึ่งจำเลยอาจถือเป็นหลักฐานไปขอใบแทนทะเบียนรถยนต์เพื่อใช้โอนให้บุคคลอื่นได้ก็ตาม โจทก์ก็หาได้รับความเสียหายจากการนั้นไม่เพราะเมื่อจำเลยขายหรือโอนรถยนต์ให้คนอื่นไปโจทก์ย่อมมีสิทธินำเช็คไปขอรับเงินจากธนาคารตามที่ตกลงกัน หรือบังคับการชำระเงินตามเช็คนั้นได้ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2174/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งความเท็จและการไม่เป็นผู้เสียหาย: โจทก์ไม่เสียหายจากการแจ้งความเท็จ เพราะยังมีสิทธิบังคับชำระหนี้จากเช็ค
ปัญหาที่ว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายหรือไม่ เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลอุทธรณ์ยกขึ้นอ้างได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสองแม้จะไม่ได้ยกขึ้นในศาลชั้นต้นก็ตาม
จำเลยนำรถยนต์ ใบทะเบียน และคำแจ้งความเรื่องขอโอนและขอรับโอนทะเบียนรถยนต์ไปประกันเงินกู้ไว้กับโจทก์ ต่อมาจำเลยขอรับรถยนต์คืนเพื่อนำไปให้ผู้ซื้อดูโดยโจทก์ยอมรับเช็คเป็นหลักประกันแทนรถยนต์ และยอมให้จำเลยมีสิทธิขายรถยนต์นั้นได้และมีข้อตกลงว่าถ้าผู้ซื้อไม่ตกลงซื้อ ให้จำเลยนำรถยนต์คืนโจทก์ ถ้าผู้ซื้อตกลงซื้อ ให้แจ้งให้โจทก์ทราบเพื่อโจทก์จะได้นำเช็คไปขอรับเงินจากธนาคารดังนี้ การที่จำเลยไปแจ้งความว่าใบทะเบียนรถยนต์หาย และเจ้าพนักงานตำรวจได้จดไว้ในรายงานเบ็ดเสร็จประจำวันซึ่งจำเลยอาจถือเป็นหลักฐานไปขอใบแทนทะเบียนรถยนต์เพื่อใช้โอนให้บุคคลอื่นได้ก็ตาม โจทก์ก็หาได้รับความเสียหายจากการนั้นไม่ เพราะเมื่อจำเลยขายหรือโอนรถยนต์ให้คนอื่นไปโจทก์ย่อมมีสิทธินำเช็คไปขอรับเงินจากธนาคารตามที่ตกลงกัน หรือบังคับการชำระเงินตามเช็คนั้นได้ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 19/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแย่งปืนและการป้องกันตัว: จำเลยไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่า เนื่องจากปืนเป็นของผู้เสียหายและปืนลั่นขณะแย่งกัน
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีปืนซึ่งไม่มีเครื่องหมายเลขทะเบียน1 กระบอก กับกระสุน 1 นัดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับ อนุญาตและจำเลยใช้ปืนนั้นยิงผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่า ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 กับ พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ และริบปืนกับปลอกกระสุนปืนของกลาง แต่ข้อเท็จจริงในการพิจารณากลับปรากฏว่าปืนและกระสุนปืนเป็นของผู้เสียหายผู้เสียหายควักออกมาจะยิงจำเลย จำเลยเข้าแย่งกระสุนปืนลั่นขึ้นในขณะที่กอดปล้ำแย่งปืนกัน ถูกผู้เสียหายบาดเจ็บ จำเลยจึงไม่มีความผิด แต่ปืนและกระสุนปืนของกลางยังคงต้องริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1732/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การออกเช็คโดยเจตนาทุจริตและอำนาจร้องทุกข์ของผู้เสียหายจากเช็ค
จำเลยออกเช็คให้กับร้าน ม. เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเจ้าของร้าน ม. ย่อมได้รับความเสียหาย ต. และ ก.สามีภรรยาเป็นเจ้าของร้าน ม. ร่วมกัน ก.จึงเป็นผู้เสียหายด้วยผู้หนึ่งมีอำนาจร้องทุกข์ให้เจ้าพนักงาน ดำเนินคดีแก่จำเลยในความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1569/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม รวมถึงความผิดต่อเจ้าหน้าที่ การพิจารณาความผิดต้องดูที่ผู้เสียหายและข้อเท็จจริง
การกระทำของจำเลยตามที่โจทก์บรรยายมาในฟ้องเป็นความผิดอาญาอันจะลงโทษจำเลยตามบทกฎหมายที่โจทก์อ้างมาท้ายคำฟ้องได้หรือไม่ เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้คู่ความจะมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
เมื่อการกระทำของจำเลยตามที่โจทก์บรรยายมาในฟ้อง ไม่เป็นความผิดทางอาญา ศาลก็หาจำต้องไต่สวนมูลฟ้องเพื่อฟังข้อเท็จจริงต่อไปอีกไม่
จำเลยเป็นผู้ทำและลงลายมือชื่อของตนเองลงในหนังสือมอบอำนาจให้ ว. ไวยาวัจกรดำเนินคดีฟ้องแทนวัด ป. ซึ่งจำเลยเป็นเจ้าอาวาสอยู่ ซึ่งการทำเอกสารอยู่ในอำนาจหน้าที่ของจำเลยที่จะทำได้ในฐานเป็นเจ้าอาวาส แม้วัด ป.จะมีฐานะเป็น นิติบุคคลหรือไม่ก็ตาม เอกสารดังกล่าวก็เป็นของจำเลยเองมิได้ปลอมหนังสือมอบอำนาจของผู้หนึ่งผู้ใด การกระทำของจำเลยจึงไม่มีมูลความผิดฐานปลอมเอกสาร และเมื่อนำไปใช้ ย่อมไม่มีมูลความผิดฐานใช้เอกสารปลอม
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าพนักงาน ได้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และโดยทุจริต กล่าวคือทราบแล้วว่าวัด ป.ไม่ได้รับอนุมัติให้จัดตั้งเป็นวัดโดยชอบด้วยกฎหมายได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 ทำหนังสือถึงนายอำเภอเพื่อขอพระราชทานวิสุงคามสีมาให้แก่วัด ป. โดยจำเลยที่ 2 และที่ 3 ในฐานะผู้กรอกข้อความ เจตนาไม่กรอกข้อความในช่องข้อหนึ่งในแบบรายงานที่ว่า เป็นวัดที่ได้รับอนุมัติให้ตั้งจากกระทรวงศึกษาธิการและกรรมการมหาเถรสมาคมแล้ว อันเป็นสารสำคัญในการขอพระราชทานวิสุงคามสีมา แล้วจำเลยที่ 1 ในฐานผู้มีหน้าที่ตรวจข้อความ ไม่ตรวจข้อความดังกล่าว เป็นเหตุให้วัด ป.ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา และเป็นส่วนหนึ่งที่ศาลอุทธรณ์เชื่อว่าวัด ป. เป็นนิติบุคคล ทั้งนี้ จำเลยทั้งสามมีเจตนาทุจริตเพื่อให้วัด ป. ได้ที่ดินของวัดโจทก์การกระทำของจำเลย ทำให้วัดโจทก์เสียหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 นั้น หากจะถือว่าเป็นความผิด ผู้ได้รับความเสียหายก็คือเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจในการพิจารณาเรื่องราวที่ยื่นนั้น หาใช่โจทก์ไม่โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะมีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1411/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญาและการลงโทษที่เหมาะสม: กรณีผู้เสียหายอื่นที่ไม่ใช่โจทก์
บิดาผู้แทนโดยชอบธรรมของ ว. ผู้ตาย เป็นโจทก์ฟ้องว่าจำเลยขับรถยนต์โดยประมาทชนรถจักรยานยนต์ซึ่ง ว. ขับขี่ และมี ป. นั่งซ้อนท้ายเป็นเหตุให้ ว. ถึงแก่ความตาย และ ป.บาดเจ็บสาหัส ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกและประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291, 300, 390 ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีนี้รวมกับคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยในข้อหาความผิดอย่างเดียวกัน แล้วพิพากษายกฟ้อง โจทก์คดีนี้อุทธรณ์ ดังนี้ เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่า เหตุที่รถชนกันเกิดจากความประมาทของจำเลยฝ่ายเดียว แต่โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายในความผิดต่อพระราชบัญญัติจราจรทางบก จึงไม่มีอำนาจฟ้องก็จะพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291, 300, 390 แล้วปรับบทลงโทษจำเลยตามมาตรา 291 ซึ่งเป็นบทหนักไม่ได้ เพราะโจทก์มิใช่ผู้จัดการแทน ผู้เสียหายในความผิดที่จำเลยกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ ป. ได้รับบาดเจ็บสาหัสต้องพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 291 บทเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1261/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน: โจทก์ต้องเป็นผู้เสียหายโดยตรงจึงมีอำนาจฟ้อง
จำเลยที่ 1 กู้เงินโจทก์ไป โดยมอบใบทะเบียนเรือของตนให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นประกัน ต่อมาได้ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 2 ให้จำเลยที่ 2 ไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนว่าใบทะเบียนเรือนั้นหายไป เป็นหลักฐานซึ่งทำให้จำเลยที่ 1 ขอให้กรมเจ้าท่าออกใบทะเบียนเรือให้จำเลยที่ 1 ได้ใหม่ ซึ่งจำเลยที่ 1 จะสามารถขายเรือให้ผู้อื่นได้โดยไม่ต้องใช้ใบทะเบียนเดิมฉบับที่อยู่ที่โจทก์แต่เมื่อการแจ้งความเท็จนั้นเป็นเรื่องที่จำเลยกระทำต่อเจ้าพนักงานและตามคำแจ้งความนั้น จำเลยมิได้แจ้งเจาะจงกล่าวถึงโจทก์อันจะถือได้ว่าโจทก์ได้รับความเสียหายโดยตรง โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 2(4) ไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานแจ้งความเท็จ
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2517)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1261/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน ผู้เสียหายต้องได้รับความเสียหายโดยตรงจึงมีอำนาจฟ้อง
จำเลยที่ 1 กู้เงินโจทก์ไป โดยมอบใบทะเบียนเรือของตนให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นประกัน ต่อมาได้ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 2 ให้จำเลยที่ 2 ไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนว่าใบทะเบียนเรือนั้นหายไป เป็นหลักฐานซึ่งทำให้จำเลยที่ 1 ขอให้กรมเจ้าท่าออกใบทะเบียนเรือให้จำเลยที่ 1 ได้ใหม่ ซึ่งจำเลยที่ 1 จะสามารถขายเรือให้ผู้อื่นได้โดยไม่ต้องใช้ใบทะเบียนเดิมฉบับที่อยู่ที่โจทก์แต่เมื่อการแจ้งความเท็จนั้นเป็นเรื่องที่จำเลยกระทำต่อเจ้าพนักงานและตามคำแจ้งความนั้น จำเลยมิได้แจ้งเจาะจงกล่าวถึงโจทก์อันจะถือได้ว่าโจทก์ได้รับความเสียหายโดยตรง โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 2(4) ไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานแจ้งความเท็จ
(ประชุมใหญ่ครั้งที่7/2517)
of 125