พบผลลัพธ์ทั้งหมด 953 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 288/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของร่วมมรดกมีสิทธิเรียกร้องแบ่งทรัพย์จากผู้รับพินัยกรรมคนอื่นได้ การโอนสิทธิเรียกร้องมรดกทำได้
ทำพินัยกรรม์ยกทรัพย์สินให้แก่บุคคลหลายคนเป็นผู้รับ เมื่อเจ้ามรดกตายสิทธิในทรัพย์ย่อมตกได้แก่ผู้รับพินัยกรรม์ บรรดาผู้รับพินัยกรรม์จึงได้ชื่อว่า เป็นเจ้าของร่วมในทรัพย์มรดกฉะนั้นการที่ผู้รับพินัยกรรม์คนหนึ่งจัดการเรียกร้องทรัพย์มรดกได้มาจากบุคคลอื่นแล้วจะกีดกันเอาไว้แต่ผู้เดียวมิได้ จำต้องแบ่งกันระหว่างผู้รับพินัยกรรม์ตามส่วน
ผู้รับพินัยกรรมคนหนึ่งทำหนังสือยอมมอบสิทธิการรับทรัพย์มรดกตามพินัยกรรม์ของตน ซึ่งตกอยู่กับผู้รับมรดกอีกคนหนึ่งให้แก่ผู้รับพินัยกรรมอีกคนหนึ่ง นั้นมิใช่เป็นการสละมรดก และการโอนเช่นนี้ถือว่าใช้ได้ ผู้รับโอนย่อมมีสิทธิฟ้องเรียกมรดกส่วนที่โอนนั้นจากผู้ยึดถือทรัพย์มรดกนั้นอยู่ได้
ผู้รับพินัยกรรมคนหนึ่งทำหนังสือยอมมอบสิทธิการรับทรัพย์มรดกตามพินัยกรรม์ของตน ซึ่งตกอยู่กับผู้รับมรดกอีกคนหนึ่งให้แก่ผู้รับพินัยกรรมอีกคนหนึ่ง นั้นมิใช่เป็นการสละมรดก และการโอนเช่นนี้ถือว่าใช้ได้ ผู้รับโอนย่อมมีสิทธิฟ้องเรียกมรดกส่วนที่โอนนั้นจากผู้ยึดถือทรัพย์มรดกนั้นอยู่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 288/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งทรัพย์มรดกตามพินัยกรรม และการโอนสิทธิในมรดก
ทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินให้แก่บุคคลหลายคนเป็นผู้รับเมื่อเจ้ามรดกตายสิทธิในทรัพย์ย่อมตกได้แก่ผู้รับพินัยกรรม
บรรดาผู้รับพินัยกรรมจึงได้ชื่อว่า เป็นเจ้าของร่วมในทรัพย์มรดกฉะนั้นการที่ผู้รับพินัยกรรมคนหนึ่งจัดการเรียกร้องทรัพย์มรดกได้มาจากบุคคลอื่นแล้วจะกีดกันเอาไว้แต่ผู้เดียวมิได้ จำต้องแบ่งกันระหว่างผู้รับพินัยกรรมตามส่วน
ผู้รับพินัยกรรมคนหนึ่งทำหนังสือยอมมอบสิทธิการรับทรัพย์มรดกตามพินัยกรรมของตน ซึ่งตกอยู่กับผู้รับมรดกอีกคนหนึ่งให้แก่ผู้รับพินัยกรรมอีกคนหนึ่ง นั้น มิใช่เป็นการสละมรดก และการโอนเช่นนี้ถือว่าใช้ได้ ผู้รับโอนย่อมมีสิทธิฟ้องเรียกมรดกส่วนที่โอนนั้นจากผู้ยึดถือทรัพย์มรดกนั้นอยู่ได้
บรรดาผู้รับพินัยกรรมจึงได้ชื่อว่า เป็นเจ้าของร่วมในทรัพย์มรดกฉะนั้นการที่ผู้รับพินัยกรรมคนหนึ่งจัดการเรียกร้องทรัพย์มรดกได้มาจากบุคคลอื่นแล้วจะกีดกันเอาไว้แต่ผู้เดียวมิได้ จำต้องแบ่งกันระหว่างผู้รับพินัยกรรมตามส่วน
ผู้รับพินัยกรรมคนหนึ่งทำหนังสือยอมมอบสิทธิการรับทรัพย์มรดกตามพินัยกรรมของตน ซึ่งตกอยู่กับผู้รับมรดกอีกคนหนึ่งให้แก่ผู้รับพินัยกรรมอีกคนหนึ่ง นั้น มิใช่เป็นการสละมรดก และการโอนเช่นนี้ถือว่าใช้ได้ ผู้รับโอนย่อมมีสิทธิฟ้องเรียกมรดกส่วนที่โอนนั้นจากผู้ยึดถือทรัพย์มรดกนั้นอยู่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1077/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมไม่สมบูรณ์ตามแบบ แต่ใช้ได้ตามแบบธรรมดา หากข้อขีดฆ่าไม่สำคัญ และศาลมีดุลพินิจอนุญาต
พินัยกรรม์ฝ่ายเมืองนั้นแม้จะไม่ถูกต้องตามแบบตาม ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 1658 ถ้าเป็นการถูกต้องอย่างพินัยกรรม์แบบธรรมดาแล้ว ก็ต้องถือว่าพินัยกรรม์นั้นสมบูรณ์ตามแบบธรรมดาไว้
พินัยกรรม์มีรอยขีดฆ่า แล้วมิได้เซ็นชื่อกำกับไว้ ถ้าปรากฎว่าข้อความที่ขีดฆ่านั้นเป็นข้อหยุมหยิมเล็กน้อย ไม่ใช่ข้อสำคัญมิได้ทำให้เสียถ้อยกะทงความตรงไหนแต่อย่างใด เพียงเท่านี้ หาทำให้พินัยกรรม์ทั้งฉะบับนั้นเสียไปไม่คงถือว่าพินัยกรรม์ฉะบับนั้นมีผลสมบูรณ์อยู่
ในกรณีที่คู่ความมิได้ต่อสู้ไว้ การที่ศาลจะยกข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนขึ้นอ้างเองนั้น ศาลย่อมกระทำในเมื่อเห็นสมควร มิใช่ว่าถ้าเห็นเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ฯลฯ แล้ว ศาลจะต้องยกขึ้นเองเสมอไป
พินัยกรรม์มีรอยขีดฆ่า แล้วมิได้เซ็นชื่อกำกับไว้ ถ้าปรากฎว่าข้อความที่ขีดฆ่านั้นเป็นข้อหยุมหยิมเล็กน้อย ไม่ใช่ข้อสำคัญมิได้ทำให้เสียถ้อยกะทงความตรงไหนแต่อย่างใด เพียงเท่านี้ หาทำให้พินัยกรรม์ทั้งฉะบับนั้นเสียไปไม่คงถือว่าพินัยกรรม์ฉะบับนั้นมีผลสมบูรณ์อยู่
ในกรณีที่คู่ความมิได้ต่อสู้ไว้ การที่ศาลจะยกข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนขึ้นอ้างเองนั้น ศาลย่อมกระทำในเมื่อเห็นสมควร มิใช่ว่าถ้าเห็นเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ฯลฯ แล้ว ศาลจะต้องยกขึ้นเองเสมอไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1077/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของพินัยกรรม: พินัยกรรมไม่เป็นแบบ/มีแก้ไข, ดุลยพินิจศาล
พินัยกรรมฝ่ายเมืองนั้นแม้จะไม่ถูกต้องตามแบบตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1658 ถ้าเป็นการถูกต้องอย่างพินัยกรรมแบบธรรมดาแล้ว ก็ต้องถือว่าพินัยกรรมนั้นสมบูรณ์ตามแบบธรรมดาได้
พินัยกรรมมีรอยขีดฆ่า แล้วมิได้เซ็นชื่อกำกับไว้ ถ้าปรากฏว่าข้อความที่ขีดฆ่านั้นเป็นข้อหยุมหยิมเล็กน้อย ไม่ใช่ข้อสำคัญมิได้ทำให้เสียถ้อยกะทงความตรงไหนแต่อย่างใด เพียงเท่านี้ หาทำให้พินัยกรรมทั้งฉบับนั้นเสียไปไม่ คงต้องถือว่าพินัยกรรมฉบับนั้นมีผลสมบูรณ์อยู่
ในกรณีที่คู่ความมิได้ต่อสู้ไว้ การที่ศาลจะยกข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนขึ้นอ้างเองนั้นศาลย่อมกระทำในเมื่อเห็นสมควร มิใช่ว่าถ้าเห็นเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ฯลฯ แล้วศาลจะต้องยกขึ้นเองเสมอไป
พินัยกรรมมีรอยขีดฆ่า แล้วมิได้เซ็นชื่อกำกับไว้ ถ้าปรากฏว่าข้อความที่ขีดฆ่านั้นเป็นข้อหยุมหยิมเล็กน้อย ไม่ใช่ข้อสำคัญมิได้ทำให้เสียถ้อยกะทงความตรงไหนแต่อย่างใด เพียงเท่านี้ หาทำให้พินัยกรรมทั้งฉบับนั้นเสียไปไม่ คงต้องถือว่าพินัยกรรมฉบับนั้นมีผลสมบูรณ์อยู่
ในกรณีที่คู่ความมิได้ต่อสู้ไว้ การที่ศาลจะยกข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนขึ้นอ้างเองนั้นศาลย่อมกระทำในเมื่อเห็นสมควร มิใช่ว่าถ้าเห็นเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ฯลฯ แล้วศาลจะต้องยกขึ้นเองเสมอไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 999/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมยกทรัพย์และการยินยอมให้มอบทรัพย์หลังพินัยกรรมมีผลใช้บังคับ
เอกสารที่ผู้ทำ ทำยกทรัพย์ให้บุตร ได้ทำตามแบบพินัยกรรม์ความตอนต้นก็บ่งว่าผู้ทำ ทำพินัยกรรม์เป็นคำสั่งเด็ดขาดและจะยกทรัพย์ให้ต่อเมื่อตนตายแล้ว ตอนท้ายก็มีบันทึกของผู้นั่งพินัยกรรม์ตามแบบเดิม และเซ็นชื่อผู้นั่งพินัยกรรม์ถึง 6 คน ดังนี้ย่อมถือว่าเป็นพินัยกรรม์
ทำพินัยกรรม์ยกทรัพย์ให้แก่บุตร แล้วภายหลังสั่งให้ผู้รับฝากทรัพย์ตามพินัยกรรม์ให้มอบทรัพย์นั้นแก่บุตรไปในระวห่างที่ตนมีชีวิตอยู่ ก็หาเป็นเหตุลบล้างลักษณะของเอกสารนั้นให้กลับไม่เป็นพินัยกรรม์ได้ไม่
ผู้รับฝากทรัพย์ของเขาไว้เพื่อมอบให้แก่บุตรของผู้ฝากภายหลังได้มอบทรัพย์นั้นแก่บุตรของผู้ฝาก ๆ รู้แล้วมิได้คัดค้านย่อมถือได้ว่าผู้ฝากยินยอมให้ผู้รับฝากมอบทรัพย์ให้แก่บุตรผู้รับฝากย่อมพ้นหน้าที่รับผิดชอบใน ทรัพย์ส่วนนี้ และผู้ฝากก็สิ้นสิทธิที่จะเรียกทรัพย์ส่วนนี้คืนจากผู้รับฝาก
ทำพินัยกรรม์ยกทรัพย์ให้แก่บุตร แล้วภายหลังสั่งให้ผู้รับฝากทรัพย์ตามพินัยกรรม์ให้มอบทรัพย์นั้นแก่บุตรไปในระวห่างที่ตนมีชีวิตอยู่ ก็หาเป็นเหตุลบล้างลักษณะของเอกสารนั้นให้กลับไม่เป็นพินัยกรรม์ได้ไม่
ผู้รับฝากทรัพย์ของเขาไว้เพื่อมอบให้แก่บุตรของผู้ฝากภายหลังได้มอบทรัพย์นั้นแก่บุตรของผู้ฝาก ๆ รู้แล้วมิได้คัดค้านย่อมถือได้ว่าผู้ฝากยินยอมให้ผู้รับฝากมอบทรัพย์ให้แก่บุตรผู้รับฝากย่อมพ้นหน้าที่รับผิดชอบใน ทรัพย์ส่วนนี้ และผู้ฝากก็สิ้นสิทธิที่จะเรียกทรัพย์ส่วนนี้คืนจากผู้รับฝาก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 999/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมยกทรัพย์และการยินยอมให้มอบทรัพย์ก่อนตาย ทำให้สิ้นสิทธิเรียกร้องคืน
เอกสารที่ผู้ทำ ทำยกทรัพย์ให้บุตร ได้ทำตามแบบพินัยกรรมความตอนต้นก็บ่งว่าผู้ทำ ทำพินัยกรรมเป็นคำสั่งเด็ดขาดและจะยกทรัพย์ให้ต่อเมื่อตนตายแล้ว ตอนท้ายก็มีบันทึกของผู้นั่งพินัยกรรมตามแบบเดิม และเซ็นชื่อผู้นั่งพินัยกรรมถึง 6 คน ดังนี้ย่อมถือว่าเป็นพินัยกรรม
ทำพินัยกรรมยกทรัพย์ให้แก่บุตร แล้วภายหลังสั่งให้ผู้รับฝากทรัพย์ตามพินัยกรรมให้มอบทรัพย์นั้นแก่บุตรไปในระหว่างที่ตนมีชีวิตอยู่ ก็หาเป็นเหตุลบล้างลักษณะของเอกสารนั้นให้กลับไม่เป็นพินัยกรรมได้ไม่
ผู้รับฝากทรัพย์ของเขาไว้เพื่อมอบให้แก่บุตรของผู้ฝากภายหลังได้มอบทรัพย์นั้นแก่บุตรของผู้ฝาก ผู้ฝากรู้แล้วมิได้คัดค้านย่อมถือได้ว่าผู้ฝากยินยอมให้ผู้รับฝากมอบทรัพย์ให้แก่บุตร ผู้รับฝากย่อมพ้นหน้าที่รับผิดชอบในทรัพย์ส่วนนี้ และผู้ฝากก็สิ้นสิทธิที่จะเรียกทรัพย์ส่วนนี้คืนจากผู้รับฝาก
ทำพินัยกรรมยกทรัพย์ให้แก่บุตร แล้วภายหลังสั่งให้ผู้รับฝากทรัพย์ตามพินัยกรรมให้มอบทรัพย์นั้นแก่บุตรไปในระหว่างที่ตนมีชีวิตอยู่ ก็หาเป็นเหตุลบล้างลักษณะของเอกสารนั้นให้กลับไม่เป็นพินัยกรรมได้ไม่
ผู้รับฝากทรัพย์ของเขาไว้เพื่อมอบให้แก่บุตรของผู้ฝากภายหลังได้มอบทรัพย์นั้นแก่บุตรของผู้ฝาก ผู้ฝากรู้แล้วมิได้คัดค้านย่อมถือได้ว่าผู้ฝากยินยอมให้ผู้รับฝากมอบทรัพย์ให้แก่บุตร ผู้รับฝากย่อมพ้นหน้าที่รับผิดชอบในทรัพย์ส่วนนี้ และผู้ฝากก็สิ้นสิทธิที่จะเรียกทรัพย์ส่วนนี้คืนจากผู้รับฝาก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 891/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมด้วยวาจาต้องแจ้งโดยมิชักช้า หากแจ้งล่าช้าและไม่มีเหตุผลพิเศษ ศาลไม่ถือเป็นพินัยกรรมโดยชอบ
เจ้ามรดกเจ็บครรภ์จะคลอดบุตร นั่งรถ 3 ล้อไปโรงพยาบาล ในระหว่างทางเจ้ามรดกสั่งพยานที่ไปส่งด้วยว่า ถ้าเป็นอะไรให้ยกทรัพย์ให้จำเลย แล้วต่อมาเจ้ามรดกก็ตายที่โรงพยาบาลพยานเพิ่งนำความไปแจ้งแก่กรมการอำเภอภายหลังที่สั่งไว้ถึง 8 วัน ทั้งที่บ้านพยานก็อยู่ใกล้อำเภอเช่นนี้ จะปรับเข้าตามมาตรา 1663 แห่ง ป.ม.แพ่งไม่ได้ เพราะไม่มีเหตุผลที่จะถือว่ามีพฤติการณ์พิเศษซึ่งเจ้ามรดกไม่สามารถทำพินัยกรรมได้ประการหนึ่ง และเป็นการขัดกับความในววค 3 แห่ง มาตรา 1663 ที่บัญญัติว่า ให้ไปแจ้งโดยมิชักช้า จึงจะถือเป็นนิติกรรมโดยชอบไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 891/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมด้วยวาจาต้องแจ้งโดยเร็ว พยานแจ้งล่าช้าเกิน 8 วัน ไม่ถือเป็นพินัยกรรมโดยชอบ
เจ้ามรดกเจ็บครรภ์จะคลอดบุตร นั่งรถ 3 ล้อไปโรงพยาบาล ในระหว่างทางเจ้ามรดกสั่งพยานที่ไปส่งด้วยว่า ถ้าเป็นอะไรให้ยกทรัพย์ให้จำเลย แล้วต่อมาเจ้ามรดกก็ตายที่โรงพยาบาล พยานเพิ่งนำความไปแจ้งแก่กรมการอำเภอภายหลังที่สั่งไว้ถึง 8 วัน ทั้งที่บ้านพยานก็อยู่ใกล้อำเภอเช่นนี้ จะปรับเข้าตามมาตรา 1663 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไม่ได้เพราะไม่มีเหตุพอที่จะถือว่ามีพฤติการณ์พิเศษซึ่งเจ้ามรดกไม่สามารถทำพินัยกรรมได้ประการหนึ่ง และเป็นการขัดกับความในวรรคสาม แห่งมาตรา 1663 ที่บัญญัติว่า ให้ไปแจ้งโดยมิชักช้า จึงจะถือว่าเป็นพินัยกรรมโดยชอบไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 814/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมร่วมทำไม่ได้ตามกฎหมาย และการอ้างอิงข้อความจากพินัยกรรมที่ไม่สมบูรณ์
สามีภรรยาเป็นเจ้าของทรัพย์ร่วมกันจึงร่วมกันทำพินัยกรรมฉบับเดียวกันยกทรัพย์ในหลานนั้น เป็นการขัดกับ พ.ร.บ.ว่าด้วยการทำพินัยกรรม 2475 มาตรา 23 ที่ว่า "บุคคลสองคนหรือมากกว่านั้นจะทำพินัยกรรมโดยเอกสารฉบับเดียวกันไม่ได้"
สามีภรรยาร่วมกันทำพินัยกรรมฉบับเดียวกันยกทรัพย์หลายอย่าง ๆ ให้หลานรวมทั้งโจทก์ด้วย สำหรับโจทก์ได้ที่ดินและตึกภายหลังสามีผู้เดียวทำพินัยกรรมฉบับหลัง เพิกถอนข้อความในพินัยกรรมเดิมบางข้อในข้อที่ยกทรัพย์ให้หลานอื่นบางคน แล้วมีข้อความว่า ส่วนข้อความอื่น ๆ ในพินัยกรรมนั้นคงเป็นไปตามเดิมดังนี้ เมื่อพินัยกรรมฉบับแรกไม่สมบูรณ์ เพราะต้องห้ามตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการทำพินัยกรรม 2475 แล้วก็ต้องถือ่าไม่มีการยกที่ดินและตึกให้โจกท์ด้วย ส่วนพินัยกรรมฉบับหลังแม้จะสมบูรณ์ก็ไม่มีข้อความว่าได้ยกที่ดินและตึกให้โจทก์ เป็นแต่กล่าวว่า ส่วนข้อความอื่น ๆ ในพินัยกรรมนั้นคงเป็นไปตามเดิม ซึ่งเมื่อพินัยกรรมเดิมใช้ไม่ได้แล้ว จะอ้างข้อความในเอกสารอื่นซึ่งมิใช่พินัยกรรมมาเป็นส่วนหนึ่งของพินัยกรรม จึงไม่ได้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้ที่ดินและตึก
สามีภรรยาร่วมกันทำพินัยกรรมฉบับเดียวกันยกทรัพย์หลายอย่าง ๆ ให้หลานรวมทั้งโจทก์ด้วย สำหรับโจทก์ได้ที่ดินและตึกภายหลังสามีผู้เดียวทำพินัยกรรมฉบับหลัง เพิกถอนข้อความในพินัยกรรมเดิมบางข้อในข้อที่ยกทรัพย์ให้หลานอื่นบางคน แล้วมีข้อความว่า ส่วนข้อความอื่น ๆ ในพินัยกรรมนั้นคงเป็นไปตามเดิมดังนี้ เมื่อพินัยกรรมฉบับแรกไม่สมบูรณ์ เพราะต้องห้ามตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการทำพินัยกรรม 2475 แล้วก็ต้องถือ่าไม่มีการยกที่ดินและตึกให้โจกท์ด้วย ส่วนพินัยกรรมฉบับหลังแม้จะสมบูรณ์ก็ไม่มีข้อความว่าได้ยกที่ดินและตึกให้โจทก์ เป็นแต่กล่าวว่า ส่วนข้อความอื่น ๆ ในพินัยกรรมนั้นคงเป็นไปตามเดิม ซึ่งเมื่อพินัยกรรมเดิมใช้ไม่ได้แล้ว จะอ้างข้อความในเอกสารอื่นซึ่งมิใช่พินัยกรรมมาเป็นส่วนหนึ่งของพินัยกรรม จึงไม่ได้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้ที่ดินและตึก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 814/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมร่วมเป็นโมฆะ การอ้างอิงพินัยกรรมเดิมที่ตกเป็นโมฆะไม่มีผล
สามีภรรยาเป็นเจ้าของทรัพย์ร่วมกันจึงร่วมกันทำพินัยกรรมฉบับเดียวกันยกทรัพย์ให้หลานนั้น เป็นการขัดกับ พระราชบัญญัติว่าด้วยการทำพินัยกรรม 2475 มาตรา 23 ที่ว่า 'บุคคลสองคนหรือมากกว่านั้นจะทำพินัยกรรมโดยเอกสารฉบับเดียวกันไม่ได้'
สามีภรรยาร่วมกันทำพินัยกรรมฉบับเดียวกันยกทรัพย์หลายอย่างให้หลาน รวมทั้งโจทก์ด้วย สำหรับโจทก์ได้ที่ดินและตึกภายหลังสามีผู้เดียวทำพินัยกรรมฉบับหลัง เพิกถอนข้อความในพินัยกรรมเดิมบางข้อในข้อที่ยกทรัพย์ให้หลานอื่นบางคน แล้วมีข้อความว่า ส่วนข้อความอื่นๆ ในพินัยกรรมนั้นคงเป็นไปตามเดิมดังนี้ เมื่อพินัยกรรมฉบับแรกไม่สมบูรณ์เพราะต้องห้ามตาม พระราชัญญัติว่าด้วยการทำพินัยกรรม 2475 แล้วก็ต้องถือว่าไม่มีการยกที่ดินและตึกให้โจทก์ด้วย ส่วนพินัยกรรมฉบับหลังแม้จะสมบูรณ์ก็ไม่มีข้อความว่าได้ยกที่ดินและตึกให้โจทก์ เป็นแต่กล่าวว่าส่วนข้อความอื่นๆ ในพินัยกรรมนั้นคงเป็นไปตามเดิม ซึ่งเมื่อพินัยกรรมเดิมใช้ไม่ได้แล้ว จะอ้างข้อความในเอกสารอื่นซึ่งมิใช่พินัยกรรมมาเป็นส่วนหนึ่งของพินัยกรรมจึงไม่ได้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้ที่ดินและตึก
สามีภรรยาร่วมกันทำพินัยกรรมฉบับเดียวกันยกทรัพย์หลายอย่างให้หลาน รวมทั้งโจทก์ด้วย สำหรับโจทก์ได้ที่ดินและตึกภายหลังสามีผู้เดียวทำพินัยกรรมฉบับหลัง เพิกถอนข้อความในพินัยกรรมเดิมบางข้อในข้อที่ยกทรัพย์ให้หลานอื่นบางคน แล้วมีข้อความว่า ส่วนข้อความอื่นๆ ในพินัยกรรมนั้นคงเป็นไปตามเดิมดังนี้ เมื่อพินัยกรรมฉบับแรกไม่สมบูรณ์เพราะต้องห้ามตาม พระราชัญญัติว่าด้วยการทำพินัยกรรม 2475 แล้วก็ต้องถือว่าไม่มีการยกที่ดินและตึกให้โจทก์ด้วย ส่วนพินัยกรรมฉบับหลังแม้จะสมบูรณ์ก็ไม่มีข้อความว่าได้ยกที่ดินและตึกให้โจทก์ เป็นแต่กล่าวว่าส่วนข้อความอื่นๆ ในพินัยกรรมนั้นคงเป็นไปตามเดิม ซึ่งเมื่อพินัยกรรมเดิมใช้ไม่ได้แล้ว จะอ้างข้อความในเอกสารอื่นซึ่งมิใช่พินัยกรรมมาเป็นส่วนหนึ่งของพินัยกรรมจึงไม่ได้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้ที่ดินและตึก