พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,640 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1238/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์หลักฐานในคดีอาญา: การยกฟ้องเนื่องจากหลักฐานไม่เพียงพอ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้ยกฟ้องโจทก์โจทก์ฎีกาศาลชั้นต้นสั่งรับเป็นฎีกา แต่ส่งสำเนาให้จำเลยไม่ได้ จึงส่งสำนวนมายังศาลฎีกา เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าฎีกาโจทก์ต้องห้ามตาม กฎหมาย ศาลฎีกาจะพิพากษาให้ยกฎีกาโจทก์เสียเลยก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1031/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความคดีภาษี และความผิดฐานสมรู้ร่วมคิดในคดีบัญชี การยกฟ้องจำเลยที่ 2
จำเลยผู้ทำการโรงสีไม่ได้ทำบัญชีข้าวและข้าวเปลือกตามที่บัญญัติไว้ในประมวลรัษฎากร มาตรา 201 อันมีโทษตาม มาตรา 208แต่ขณะพิจารณาคดีได้ประกาศใช้ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ.2496 บังคับแล้ว พระราชบัญญัตินี้ได้ยกเลิกและบัญญัติเรื่องการทำบัญชีข้าวและข้าวเปลือกใหม่ตาม มาตรา 40 โดยแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร มาตรา 87ทวิขึ้นใหม่และมีบทลงโทษตาม มาตรา 93 ซึ่งมีโทษเบากว่า การกระทำของจำเลยจึงต้องนำ มาตรา 87ทวิและ มาตรา 93 มาใช้บังคับและต้องนำอายุความสำหรับบทลงโทษ ตามกฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะพิจารณาคดีซึ่งมีโทษเบากว่ามาใช้บังคับแก่คดีด้วย
หน้าที่ทำบัญชีตาม พระราชบัญญัติบัญชีนั้นเป็นหน้าที่เฉพาะบุคคลตามที่ระบุไว้ใน พระราชบัญญัติการบัญชี มาตรา 7บุคคลอื่นที่ไม่มีหน้าที่ทำบัญชีจะเรียกว่าเป็นผู้ละเว้นกระทำไม่ได้ และจะช่วยสมรู้หรือสมคบในการไม่กระทำตามหน้าที่ของคนอื่นก็ไม่ได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ที่ 2 ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยที่ 1 ผู้เดียว โจทก์ฝ่ายเดียวอุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ด้วย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานสมรู้กระทำผิดกับจำเลยที่ 1 ดังนี้ แม้จำเลยที่ 1 มิได้อุทธรณ์ฎีกาถ้าเป็นเหตุในลักษณะคดีแล้ว ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจแก้ไขคำพิพากษาให้เป็นผลดีแก่จำเลยที่ 1 ได้
หน้าที่ทำบัญชีตาม พระราชบัญญัติบัญชีนั้นเป็นหน้าที่เฉพาะบุคคลตามที่ระบุไว้ใน พระราชบัญญัติการบัญชี มาตรา 7บุคคลอื่นที่ไม่มีหน้าที่ทำบัญชีจะเรียกว่าเป็นผู้ละเว้นกระทำไม่ได้ และจะช่วยสมรู้หรือสมคบในการไม่กระทำตามหน้าที่ของคนอื่นก็ไม่ได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ที่ 2 ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยที่ 1 ผู้เดียว โจทก์ฝ่ายเดียวอุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ด้วย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานสมรู้กระทำผิดกับจำเลยที่ 1 ดังนี้ แม้จำเลยที่ 1 มิได้อุทธรณ์ฎีกาถ้าเป็นเหตุในลักษณะคดีแล้ว ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจแก้ไขคำพิพากษาให้เป็นผลดีแก่จำเลยที่ 1 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1031/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความและหน้าที่ทำบัญชี: ศาลยกฟ้องฐานสมรู้ร่วมคิดหากไม่มีหน้าที่ตามกฎหมายเฉพาะ
จำเลยผู้ทำการโรงสีไม่ได้ทำบัญชีข้าวและข้าวเปลือกตามที่บัญญัติไว้ในประมวลรัษฎากร มาตรา 201 อันมีโทษตาม มาตรา 208แต่ขณะพิจารณาคดีได้ประกาศใช้ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ.2496 บังคับแล้ว พระราชบัญญัตินี้ได้ยกเลิกและบัญญัติเรื่องการทำบัญชีข้าวและข้าวเปลือกใหม่ตาม มาตรา 40 โดยแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร มาตรา 87ทวิขึ้นใหม่และมีบทลงโทษตาม มาตรา 93 ซึ่งมีโทษเบากว่า การกระทำของจำเลยจึงต้องนำ มาตรา 87ทวิและ มาตรา 93 มาใช้บังคับและต้องนำอายุความสำหรับบทลงโทษ ตามกฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะพิจารณาคดีซึ่งมีโทษเบากว่ามาใช้บังคับแก่คดีด้วย
หน้าที่ทำบัญชีตาม พระราชบัญญัติบัญชีนั้นเป็นหน้าที่เฉพาะบุคคลตามที่ระบุไว้ใน พระราชบัญญัติการบัญชี มาตรา 7บุคคลอื่นที่ไม่มีหน้าที่ทำบัญชีจะเรียกว่าเป็นผู้ละเว้นกระทำไม่ได้ และจะช่วยสมรู้หรือสมคบในการไม่กระทำตามหน้าที่ของคนอื่นก็ไม่ได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ที่ 2 ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยที่ 1 ผู้เดียว โจทก์ฝ่ายเดียวอุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ด้วย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานสมรู้กระทำผิดกับจำเลยที่ 1 ดังนี้ แม้จำเลยที่ 1 มิได้อุทธรณ์ฎีกาถ้าเป็นเหตุในลักษณะคดีแล้ว ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจแก้ไขคำพิพากษาให้เป็นผลดีแก่จำเลยที่ 1 ได้
หน้าที่ทำบัญชีตาม พระราชบัญญัติบัญชีนั้นเป็นหน้าที่เฉพาะบุคคลตามที่ระบุไว้ใน พระราชบัญญัติการบัญชี มาตรา 7บุคคลอื่นที่ไม่มีหน้าที่ทำบัญชีจะเรียกว่าเป็นผู้ละเว้นกระทำไม่ได้ และจะช่วยสมรู้หรือสมคบในการไม่กระทำตามหน้าที่ของคนอื่นก็ไม่ได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ที่ 2 ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยที่ 1 ผู้เดียว โจทก์ฝ่ายเดียวอุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ด้วย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานสมรู้กระทำผิดกับจำเลยที่ 1 ดังนี้ แม้จำเลยที่ 1 มิได้อุทธรณ์ฎีกาถ้าเป็นเหตุในลักษณะคดีแล้ว ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจแก้ไขคำพิพากษาให้เป็นผลดีแก่จำเลยที่ 1 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 868/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ศาลอุทธรณ์มีอำนาจยกฟ้องแม้โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษหนักขึ้น หากเห็นว่าจำเลยไม่มีความผิด
คดีอาญา ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลย โจทก์อุทธรณ์ฝ่ายเดียวขอให้ศาลวางโทษหนักขึ้นอีก เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าการกระทำของจำเลยไม่มีความผิด ก็พิพากษายกฟ้องเสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 868/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ศาลอุทธรณ์มีอำนาจยกฟ้องแม้โจทก์ไม่ได้อุทธรณ์ขอให้ลงโทษหนักขึ้น
คดีอาญา ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลย โจทก์อุทธรณ์ฝ่ายเดียวขอให้ศาลวางโทษหนักขึ้นอีกเมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าการกระทำของจำเลยไม่มีความผิดก็พิพากษายกฟ้องเสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 833/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องละเมิดตัดต้นไม้ในที่ดินสาธารณะ ศาลต้องวินิจฉัยเฉพาะประเด็นที่ฟ้องขอเท่านั้น การวินิจฉัยนอกประเด็นเป็นเหตุให้ต้องยกฟ้อง
โจทย์ฟ้องหาว่าจำเลยละเมิดเข้ามาตัดฟันต้นสาคูและใบจากในที่ดินของโจทก์ขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิของโจทก์ และเรียกค่าเสียหาย ทางพิจารณาได้ความว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน โจทก์จะมีกรรมสิทธิไม่ได้ ดังนั้นศาลจะวินิจฉัยว่าต้นสาคูที่ปลูกอยู่ทางฝั่งใต้ของที่พิพาทเป็นของโจทก์และฝั่งเหนือเป็นของจำเลยแล้วพิพากษาห้ามจำเลยกับบริวารมิให้เข้าไปเกี่ยวข้องทางฝั่งใต้ จึงเป็นการนอกฟ้องนอกประเด็น เพราะโจทก์มิได้มีคำขอเช่นนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 377/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้ป้องกันตัวและการป้องกันผู้อื่นเมื่อถูกรุกรานในเคหสถาน ศาลยกฟ้องเมื่อการกระทำไม่เกินสมควร
ผู้เสียหายเข้าไปท้าทายและทำร้ายจำเลยถึงในบ้านจำเลยจำเลยจึงต่อสู้ป้องกันตนและบิดาให้พ้นภยันตราย ซึ่งผู้เสียหายเป็นผู้ก่อขึ้นโดยผิด ก.ม.โดยใช้มีดโต้ต่อสู้กับตะบองโตเท่าแขนยาววาเศษ การกระทำของจำเลยไม่เกินกว่าเหตุ
แม้จำเลยจะไม่ได้ฎีกาขึ้นมาเมื่อปรากฎว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิด อันเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษายกฟ้องปล่อยจำเลยได้
แม้จำเลยจะไม่ได้ฎีกาขึ้นมาเมื่อปรากฎว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิด อันเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษายกฟ้องปล่อยจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 377/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้ป้องกันตัวในบ้านพักศาลฎีกายกฟ้องเมื่อการกระทำไม่เกินสมควร
ผู้เสียหายเข้าไปท้าทายและทำร้ายจำเลยถึงในบ้านจำเลยจำเลยจึงต่อสู้ป้องกันตนและบิดาให้พ้นภยันตรายซึ่งผู้เสียหายเป็นผู้ก่อขึ้นโดยผิดกฎหมาย โดยใช้มีดโต้ต่อสู้กับตะบองโตเท่าแขนยาววาเศษการกระทำของจำเลยไม่เกินกว่าเหตุ
แม้จำเลยจะไม่ได้ฎีกาขึ้นมาเมื่อปรากฏว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิด อันเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดีศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษายกฟ้องปล่อยจำเลยได้
แม้จำเลยจะไม่ได้ฎีกาขึ้นมาเมื่อปรากฏว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิด อันเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดีศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษายกฟ้องปล่อยจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 225/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญาโดยไม่ตรงกับข้อเท็จจริงตามการพิจารณา ศาลต้องยกฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานวิวาททำให้ตายในที่วิวาทโดยไม่ระบุว่าใครทำใคร ตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 253แต่เมื่อทางพิจารณาปรากฏว่าไม่ใช่เรื่องวิวาทกัน แต่เป็นเรื่องที่ผู้ตายออกมาห้ามแต่โดยดี กลับถูกจำเลยผู้มีชื่อคนหนึ่ง แทงเอาถึงตายดังนี้ เป็นเรื่องข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องจะลงโทษจำเลยไม่ได้ ต้องพิพากษายกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2019/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องอาญาฐานบุกรุกและทำร้ายร่างกาย จำเป็นต้องพิสูจน์ความเป็นเจ้าของเคหสถานก่อน หากพิสูจน์ไม่ได้ ศาลต้องยกฟ้อง
โจทก์กล่าวในฟ้องว่าจำเลยบุกรุกเข้าไปในเคหสถานของผู้เสียหาย แต่ทางพิจารณาได้ความว่าเคหสถานที่เกิดเหตุนั้นไม่ใช่ของผู้เสียหายศาลก็ต้องยกฟ้อง