พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,266 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3403/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผิดสัญญาเช่าโรงงานสุราและการเรียกค่าเสียหายจากนายจ้างเดิม รวมถึงการชำระภาษีเงินได้แทน
จำเลยไม่ยอมรับโจทก์ซึ่งเป็นพนักงานของโรงงานสุราบางยี่ขันเข้าทำงานกับจำเลยตามสัญญาเช่าโรงงานสุราบางยี่ขันระหว่างกรมโรงงานอุตสาหกรรมกับจำเลยซึ่งจำเลยได้ให้สัญญาว่าจะรับพนักงานของโรงงานสุราบางยี่ขันและเมื่อโจทก์ซึ่งมีคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้ในสัญญาดังกล่าวได้แสดงความจำนงจะเข้าทำงานกับจำเลยแล้วนั้นจำเลยจึงตกเป็นผู้ผิดสัญญาต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ ค่าเสียหายของโจทก์ในกรณีนี้คือเงินที่โจทก์พึงได้รับจากจำเลยหากจำเลยรับโจทก์เข้าทำงานและเมื่อโจทก์มีรายได้จากการทำงานกับบริษัทอื่นหลังจากที่จำเลยไม่ยอมรับโจทก์เข้าทำงานแล้วก็ต้องนำรายได้นั้นมาหักจากจำนวนเงินที่โจทก์พึงได้จากจำเลยดังกล่าวด้วย ปัญหาตามฎีกาของจำเลยที่ว่าโจทก์ฟ้องคดีนี้ต่อศาลแพ่งเป็นการไม่ชอบเพราะโจทก์ต้องฟ้องต่อศาลแรงงานกลางตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ.2522มาตรา9นั้นจำเลยมิได้ยกขึ้นกล่าวอ้างในคำให้การคดีจึงไม่มีประเด็นในเรื่องนี้แม้จะเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแต่ศาลฎีกาไม่เห็นสมควรจะยกขึ้นวินิจฉัยจึงไม่วินิจฉัยให้ โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชดใช้ค่าภาษีเงินได้ที่โจทก์จะต้องชำระแก่กรมสรรพากรแทนโจทก์มาด้วยโจทก์ก็ต้องเสียค่าขึ้นศาลในทุนทรัพย์ที่เรียกร้องโจทก์จะมาอ้างว่าเป็นเรื่องที่จำเลยจะต้องเสียภาษีเงินได้ของโจทก์ต่อกรมสรรพากรแล้วขอคืนเงินค่าขึ้นศาลดังกล่าวหาได้ไม่ ตามสัญญาเช่าโรงงานสุราบางยี่ขันฯระบุให้จำเลยจ่ายบำเหน็จแก่พนักงานของจำเลยเท่านั้นโจทก์มิได้เป็นพนักงานของจำเลยเนื่องจากจำเลยไม่ยอมรับโจทก์เข้าทำงานแล้วจึงไม่มีสิทธิเรียกเงินบำเหน็จดังกล่าวสิทธิของโจทก์มีเพียงเรียกค่าเสียหายอันเกิดแต่การผิดสัญญาเท่านั้นและหากจะถือว่าโจทก์เรียกร้องเงินบำเหน็จมาในฐานะเป็นค่าเสียหายเมื่อค่าเสียหายที่ศาลกำหนดให้มาเหมาะสมแล้วโจทก์จึงไม่สมควรได้รับเงินบำเหน็จนั้นในฐานะเป็นค่าเสียหายอีก ศาลล่างทั้งสองให้จำเลยชำระภาษีเงินได้แทนโจทก์ตามที่โจทก์ต้องชำระต่อกรมสรรพากรในยอดค่าเสียหายที่ศาลกำหนดให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์เมื่อปรากฏว่าตามสัญญาเช่าโรงงานสุราบางยี่ขันฯระบุให้จำเลยมีหน้าที่ชำระภาษีเงินได้แทนพนักงานหรือคนงานของจำเลยเท่านั้นจำเลยจึงไม่มีหน้าที่ชำระภาษีเงินได้ดังกล่าวแทนโจทก์และเมื่อค่าเสียหายที่ศาลกำหนดให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์เป็นจำนวนพอสมควรแล้วจำเลยจึงไม่ต้องชำระค่าภาษีเงินได้ดังกล่าวแทนโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3092/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาเช่าและการคืนเงินค่าก่อสร้าง สัญญาเช่าระงับเมื่อยินยอมรับเงินคืน
โจทก์ทำสัญญาเช่าห้องพิพาทจากจำเลย โดยยอมชำระเงินค่าก่อสร้างให้จำเลยเป็นการตอบแทนที่จำเลยยอมให้เช่าห้องพิพาท ต่อมาจำเลยได้มีหนังสือบอกเลิกการเช่าไปยังโจทก์และได้ออกเช็ค 2 ฉบับกับตั๋วแลกเงิน 1 ฉบับ เป็นจำนวนเงินเท่ากับเงินค่าก่อสร้างคืนให้โจทก์ แสดงว่าจำเลยประสงค์แต่จะเลิกสัญญากับโจทก์เท่านั้น โดยไม่ถือว่าโจทก์ผิดสัญญา จึงได้ยอมคืนเงินค่าก่อสร้างแก่โจทก์ทั้งหมดปรากฏว่าโจทก์ไม่ยอมรับเช็คและตั๋วแลกเงินดังกล่าว จำเลยจึงต้องมีหนังสือยืนยันและคืนเช็คพร้อมตั๋วแลกเงินให้โจทก์อีก แม้ต่อมาโจทก์ยอมรับตั๋วแลกเงินและเช็คไว้ก็ตาม แต่โจทก์ก็มิได้นำไปขึ้นเงิน จึงเป็นการบอกเลิกสัญญาของจำเลยแต่ฝ่ายเดียวไม่มีผลทางกฎหมายแต่อย่างใด ภายหลังโจทก์จึงนำตั๋วแลกเงินและเช็ค 2 ฉบับของจำเลยไปขึ้นเงิน แต่ขึ้นเงินตามเช็คไม่ได้เพราะเช็คขาดอายุความ แสดงว่าโจทก์ตกลงเลิกสัญญากับจำเลยแล้ว และยินดีรับเงินค่าก่อสร้างที่จำเลยคืนให้ ซึ่งเป็นการใช้สิทธิในฐานะผู้เช่าห้องพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต สัญญาเช่าห้องพิพาทเป็นอันระงับ จำเลยจึงต้องชำระเงินที่ค้างอยู่ให้แก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3092/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาเช่าและการคืนเงินค่าก่อสร้าง ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์
โจทก์ทำสัญญาเช่าห้องพิพาทจากจำเลย โดยยอมชำระเงินค่าก่อสร้างให้จำเลยเป็นการตอบแทนที่จำเลยยอมให้เช่าห้องพิพาทต่อมาจำเลยได้มีหนังสือบอกเลิกการเช่าไปยังโจทก์และได้ออกเช็ค 2 ฉบับกับตั๋วแลกเงิน 1 ฉบับ เป็นจำนวนเงินเท่ากับเงินค่าก่อสร้างคืนให้โจทก์ แสดงว่าจำเลยประสงค์แต่จะเลิกสัญญากับโจทก์เท่านั้นโดยไม่ถือว่าโจทก์ผิดสัญญา จึงได้ยอมคืนเงินค่าก่อสร้างแก่โจทก์ทั้งหมดปรากฏว่าโจทก์ไม่ยอมรับเช็คและตั๋วแลกเงินดังกล่าว จำเลยจึงต้องมีหนังสือยืนยันและคืนเช็คพร้อมตั๋วแลกเงินให้โจทก์อีก แม้ต่อมาโจทก์ยอมรับตั๋วแลกเงินและเช็คไว้ก็ตาม แต่โจทก์ก็มิได้นำไปขึ้นเงินจึงเป็นการบอกเลิกสัญญาของจำเลยแต่ฝ่ายเดียวไม่มีผลทางกฎหมายแต่อย่างใดภายหลังโจทก์จึงนำตั๋วแลกเงินและเช็ค 2 ฉบับของจำเลยไปขึ้นเงินแต่ขึ้นเงินตามเช็คไม่ได้เพราะเช็คขาดอายุความแสดงว่าโจทก์ตกลงเลิกสัญญากับจำเลยแล้วและยินดีรับเงินค่าก่อสร้างที่จำเลยคืนให้ ซึ่งเป็นการใช้สิทธิในฐานะผู้เช่าห้องพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต สัญญาเช่าห้องพิพาทเป็นอันระงับ จำเลยจึงต้องชำระเงินที่ค้างอยู่ให้แก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3092/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาเช่าและการคืนเงินค่าก่อสร้าง การยอมรับเงินค่าก่อสร้างหลังฟ้องคดีถือเป็นการตกลงเลิกสัญญา
โจทก์ทำสัญญาเช่าห้องพิพาทจากจำเลยโดยยอมชำระเงินค่าก่อสร้างให้จำเลยเป็นการตอบแทนที่จำเลยยอมให้เช่าห้องพิพาทต่อมาจำเลยได้มีหนังสือบอกเลิกการเช่าไปยังโจทก์และได้ออกเช็ค2ฉบับกับตั๋วแลกเงิน1ฉบับเป็นจำนวนเงินเท่ากับเงินค่าก่อสร้างคืนให้โจทก์แสดงว่าจำเลยประสงค์แต่จะเลิกสัญญากับโจทก์เท่านั้นโดยไม่ถือว่าโจทก์ผิดสัญญาจึงได้ยอมคืนเงินค่าก่อสร้างแก่โจทก์ทั้งหมดปรากฏว่าโจทก์ไม่ยอมรับเช็คและตั๋วแลกเงินดังกล่าวจำเลยจึงต้องมีหนังสือยืนยันและคืนเช็คพร้อมตั๋วแลกเงินให้โจทก์อีกแม้ต่อมาโจทก์ยอมรับตั๋วแลกเงินและเช็คไว้ก็ตามแต่โจทก์ก็มิได้นำไปขึ้นเงินจึงเป็นการบอกเลิกสัญญาของจำเลยแต่ฝ่ายเดียวไม่มีผลทางกฎหมายแต่อย่างใดภายหลังโจทก์จึงนำตั๋วแลกเงินและเช็ค2ฉบับของจำเลยไปขึ้นเงินแต่ขึ้นเงินตามเช็คไม่ได้เพราะเช็คขาดอายุความแสดงว่าโจทก์ตกลงเลิกสัญญากับจำเลยแล้วและยินดีรับเงินค่าก่อสร้างที่จำเลยคืนให้ซึ่งเป็นการใช้สิทธิในฐานะผู้เช่าห้องพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมายไม่เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตสัญญาเช่าห้องพิพาทเป็นอันระงับจำเลยจึงต้องชำระเงินที่ค้างอยู่ให้แก่โจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2692/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาเช่า, ค่าเสียหายจากการครอบครองปรปักษ์, และดุลพินิจศาลในการกำหนดค่าเสียหาย
การบอกเลิกการเช่าซึ่งโจทก์บอกกล่าวแก่ห้างจำเลยที่ 1 โดยส่งหนังสือบอกกล่าวไปยังจำเลยที่ 2 ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับฝ่ายจำเลยไม่ยอมรับถือว่าได้บอกกล่าวโดยชอบแล้ว
โจทก์เรียกค่าเสียหายโดยอ้างว่าที่พิพาทอยู่ในย่านชุมชน มีรถประจำทางผ่านหลายสาย ถ้าโจทก์นำไปสร้างศูนย์การค้าหรืออาคารชุด (คอนโดมิเนียม) จะมีรายได้เดือนละ 20,000 บาท แต่เป็นเพียงความคาดหมายไม่แน่นอนว่าจะมีรายได้เท่านั้นจริงศาลมีอำนาจกำหนดค่าเสียหายที่โจทก์จะพึงได้รับตามที่เห็นสมควร
ความรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความในคดีเป็นดุลพินิจคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการสู้ความหรือดำเนินคดีของคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161
โจทก์เรียกค่าเสียหายโดยอ้างว่าที่พิพาทอยู่ในย่านชุมชน มีรถประจำทางผ่านหลายสาย ถ้าโจทก์นำไปสร้างศูนย์การค้าหรืออาคารชุด (คอนโดมิเนียม) จะมีรายได้เดือนละ 20,000 บาท แต่เป็นเพียงความคาดหมายไม่แน่นอนว่าจะมีรายได้เท่านั้นจริงศาลมีอำนาจกำหนดค่าเสียหายที่โจทก์จะพึงได้รับตามที่เห็นสมควร
ความรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความในคดีเป็นดุลพินิจคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการสู้ความหรือดำเนินคดีของคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2692/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาเช่า, ค่าเสียหายจากการผิดสัญญา, และการกำหนดค่าเสียหายโดยศาล
การบอกเลิกการเช่าซึ่งโจทก์บอกกล่าวแก่ห้างจำเลยที่ 1 โดยส่งหนังสือบอกกล่าวไปยังจำเลยที่ 2 ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับฝ่ายจำเลยไม่ยอมรับถือว่าได้บอกกล่าวโดยชอบแล้ว
โจทก์เรียกค่าเสียหายโดยอ้างว่าที่พิพาทอยู่ในย่านชุมชนมีรถประจำทางผ่านหลายสาย ถ้าโจทก์นำไปสร้างศูนย์การค้าหรืออาคารชุด (คอนโดมิเนียม) จะมีรายได้เดือนละ 20,000 บาท แต่เป็นเพียงความคาดหมายไม่แน่นอนว่าจะมีรายได้เท่านั้นจริงศาลมีอำนาจกำหนดค่าเสียหายที่โจทก์จะพึงได้รับตามที่เห็นสมควร
ความรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความในคดีเป็นดุลพินิจคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการสู้ความหรือดำเนินคดีของคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161
โจทก์เรียกค่าเสียหายโดยอ้างว่าที่พิพาทอยู่ในย่านชุมชนมีรถประจำทางผ่านหลายสาย ถ้าโจทก์นำไปสร้างศูนย์การค้าหรืออาคารชุด (คอนโดมิเนียม) จะมีรายได้เดือนละ 20,000 บาท แต่เป็นเพียงความคาดหมายไม่แน่นอนว่าจะมีรายได้เท่านั้นจริงศาลมีอำนาจกำหนดค่าเสียหายที่โจทก์จะพึงได้รับตามที่เห็นสมควร
ความรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความในคดีเป็นดุลพินิจคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการสู้ความหรือดำเนินคดีของคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2692/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาเช่า, การเรียกร้องค่าเสียหายจากการครอบครองปรปักษ์, และดุลพินิจศาลในการกำหนดค่าเสียหาย
การบอกเลิกการเช่าซึ่งโจทก์บอกกล่าวแก่ห้างจำเลยที่1โดยส่งหนังสือบอกกล่าวไปยังจำเลยที่2ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับฝ่ายจำเลยไม่ยอมรับถือว่าได้บอกกล่าวโดยชอบแล้ว โจทก์เรียกค่าเสียหายโดยอ้างว่าที่พิพาทอยู่ในย่านชุมชนมีรถประจำทางผ่านหลายสายถ้าโจทก์นำไปสร้างศูนย์การค้าหรืออาคารชุด(คอนโดมิเนียม)จะมีรายได้เดือนละ20,000บาทแต่เป็นเพียงความคาดหมายไม่แน่นอนว่าจะมีรายได้เท่านั้นจริงศาลมีอำนาจกำหนดค่าเสียหายที่โจทก์จะพึงได้รับตามที่เห็นสมควร ความรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความในคดีเป็นดุลพินิจคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการสู้ความหรือดำเนินคดีของคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา161.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1500/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้จัดการมรดกให้เช่าทรัพย์มรดกก่อนโอนตามพินัยกรรม และสิทธิฟ้องผู้เช่าผิดสัญญา
ผู้ตายทำพินัยกรรมยกตึกพิพาทให้แก่มูลนิธิปรากฏว่าเมื่อผู้ตายถึงแก่กรรมจำเลยได้ทำสัญญาเช่าตึกดังกล่าวจากโจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของผู้ตายตั้งแต่ก่อนโอนตึกให้แก่มูลนิธิตามพินัยกรรมกรณีเช่นนี้ถือว่าการจัดการทรัพย์มรดกยังไม่เสร็จสิ้นโจทก์ยังมีสิทธิและหน้าที่ที่จะทำการอันจำเป็นเพื่อให้การเป็นไปตามคำสั่งแจ้งชัดหรือโดยปริยายแห่งพินัยกรรมเพื่อจัดการมรดกตามป.พ.พ.มาตรา1719ทั้งผู้ให้เช่าก็ไม่จำต้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ให้เช่าเมื่อผู้เช่าผิดสัญญาผู้ให้เช่าย่อมฟ้องผู้เช่าได้ กรณีผิดสัญญาเช่าจำนวนค่าเสียหายไม่จำต้องกำหนดตามอัตราค่าเช่าที่ทำกันไว้ในสัญญาเสมอไปศาลมีอำนาจกำหนดให้ตามควรแก่พฤติการณ์แห่งความเป็นจริงได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1497/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาเช่าและการพิสูจน์การบอกกล่าว การแจ้งให้ผู้เช่าออกจากอาคาร
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นแห่งคดีว่า โจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าแล้วหรือไม่ จึงถือว่าคดีมีประเด็นดังกล่าวเพียงเท่านั้น มิได้มีประเด็นขยายความไปถึงการไม่บอกกล่าวให้จำเลยชำระค่าเช่าก่อนจึงเลิกสัญญาเช่าไม่ได้ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บัญญัติไว้ใน มาตรา 560 วรรคสอง และมาตรา 566 ดังที่จำเลยฎีกา เมื่อคดีได้ความว่าโจทก์ได้บอกกล่าวเลิกสัญญาเช่าแก่จำเลยแล้ว จำเลยและบริวารจึงต้องออกไปจากตึกพิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1497/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาเช่า: ผลของการบอกกล่าวเลิกสัญญาที่ชอบด้วยกฎหมายและการปฏิเสธการรับหนังสือ
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นแห่งคดีว่า โจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าแล้วหรือไม่ จึงถือว่าคดีมีประเด็นดังกล่าวเท่านั้นมิได้มีประเด็นขยายความไปถึงการไม่บอกกล่าวให้จำเลยชำระค่าเช่าก่อน จึงเลิกสัญญาเช่าได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 560 วรรคสอง และมาตรา 566ดังที่จำเลยฎีกา เมื่อคดีได้ความว่าโจทก์ได้บอกกล่าว เลิกสัญญาเช่าแก่จำเลยแล้ว จำเลยและบริวารจึงต้องออกไป จากตึกพิพาท