คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เจตนา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4,077 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5464/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาค้ำประกันการเช่าซื้อ แม้ไม่ได้ระบุชื่อคู่สัญญาครบถ้วน ศาลยังถือเป็นหลักฐานผูกพันได้ หากมีเจตนาเข้าค้ำประกันชัดเจน
สัญญาค้ำประกันระบุชื่อจำเลยที่2เป็นผู้ค้ำประกันมีข้อความครบถ้วนแสดงว่าเป็นการค้ำประกันการเช่าซื้อโดยยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมแม้จะมิได้เติมชื่อบริษัทโจทก์และจำเลยที่1ลงในช่องว่างที่เว้นไว้ แต่สัญญาค้ำประกันดังกล่าวเป็นแบบพิมพ์อยู่ในกระดาษแผ่นเดียวกับสัญญาเช่าซื้อระหว่างโจทก์ผู้เช่าซื้อและจำเลยที่1ผู้เช่าซื้อเพียงแต่อยู่ด้านหลังของสัญญาเช่าซื้อและจำเลยที่2ก็เบิกความยอมรับว่าได้ลงชื่อในสัญญาค้ำประกันดังกล่าวแสดงว่าจำเลยที่2ตกลงเข้าค้ำประกันหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อที่จำเลยที่1ทำไว้ต่อโจทก์โจทก์จึงมีฐานะเป็นคู่สัญญาและเจ้าหนี้ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยที่2ให้รับผิดตามสัญญาค้ำประกันดังกล่าวได้ ฟ้องโจทก์ได้บรรยายเกี่ยวกับตัวจำเลยที่2ว่าจำเลยที่2ได้ทำสัญญาค้ำประกันการเช่าซื้อที่จำเลยที่1ทำไว้ต่อโจทก์โดยยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมตามสัญญาเช่าซื้อและสัญญาค้ำประกันท้ายฟ้องต่อมาจำเลยที่1ผิดสัญญาเช่าซื้อต้องรับผิดชำระค่าเสียหายจำเลยที่2จึงต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่1ด้วยคำฟ้องโจทก์จึงแจ้งชัดพอที่จำเลยที่2จะเข้าใจและต่อสู้คดีได้แม้สัญญาค้ำประกันท้ายฟ้องจะมิได้ระบุชื่อโจทก์และจำเลยที่1ก็หาทำให้เป็นคำฟ้องที่เคลือบคลุมไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5461/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเจ้าของที่ดินข้างเคียงคัดค้านแนวเขต, ไม่ถือเป็นการละเมิดหากไม่มีเจตนาแกล้ง
จำเลยทั้งสองไม่ยอมรับรองแนวเขตก็เพราะจำเลยทั้งสองโต้แย้งว่าหลักเดิมไม่ได้สูญหาย และหลักที่ปักใหม่ไม่ถูกต้อง การคัดค้านของจำเลยทั้งสองจึงเป็นการใช้สิทธิในฐานะเจ้าของที่ดินข้างเคียง ตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 69 ทวิ วรรคสาม ซึ่งหากจำเลยทั้งสองไม่ยอมตกลงตามที่เจ้าพนักงานที่ดินไกล่เกลี่ยแล้ว เจ้าพนักงานที่ดินก็มีอำนาจแจ้งให้คู่กรณีไปฟ้องศาลภายใน 90 วันตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 69 ทวิ วรรคห้า ทั้งตามพยานที่โจทก์นำสืบไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองมีเจตนากลั่นแกล้งโจทก์ การกระทำของจำเลยทั้งสองยังไม่พอฟังว่าเป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 421 ไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5433/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสนับสนุนการกระทำผิดฐานฆ่าผู้อื่น: จำเลยให้ความสะดวกแก่ผู้กระทำผิดหลบหนี ไม่พบเจตนาสมคบคิด
คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายแล้ววิ่งไปซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่จำเลยจอดรออยู่หลบหนีไปด้วยกันโจทก์ไม่มีพยานนำสืบให้เห็นว่าจำเลยได้ร่วมสมคบกับคนร้ายวางแผนและตระเตรียมมาฆ่าผู้ตายจุดที่จำเลยจอดรถจักรยานยนต์อยู่ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ200เมตรไม่สามารถมองเห็นที่เกิดเหตุเป็นไปไม่ได้ที่จำเลยจะคอยดูต้นทางให้คนร้ายทั้งข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ร่วมกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดอันพึงถือได้ว่าเป็นการแบ่งหน้าที่กันจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นตัวการร่วมกระทำผิดการกระทำของจำเลยเป็นเพียงการช่วยเหลือและให้ความสะดวกแก่คนร้ายหลบหนีเพื่อให้พ้นจากการจับกุมเท่านั้นจำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำผิดฐานฆ่าผู้อื่น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5350/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เงินวางมัดจำกับการกู้ยืม: การพิสูจน์เจตนาของคู่สัญญาเพื่อกำหนดลักษณะของธุรกรรม
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระหนี้เงินกู้จำนวน 277,000 บาทตามเอกสารสัญญากู้ยืมเงิน จำเลยให้การว่าโจทก์จะซื้อที่ดินจากจำเลย ได้วางเงินมัดจำ 277,000 บาท แก่จำเลยเอกสารสัญญากู้ยืมเงินไม่ใช่หลักฐานการกู้เงิน จำเลยจึงนำสืบข้อเท็จจริงตามคำให้การได้ว่าเงินตามที่ระบุไว้ในเอกสารดังกล่าว เป็นเงินมัดจำที่โจทก์วางไว้แก่จำเลยเพราะเป็นการนำสืบถึงความไม่มีมูลหนี้ที่จำเลยต้องรับผิดหรืออีกนัยหนึ่งหนี้ที่ระบุในสัญญากู้ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 วรรคท้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5317/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะขายฝากมีผลบังคับใช้ได้หากมีเจตนาชัดเจน แม้จะยังไม่ได้จดทะเบียน และศาลสามารถบังคับคดีได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
สัญญาพิพาทมีข้อความระบุไว้ชัดตั้งแต่ชื่อของสัญญาตลอดจนข้อสัญญาทุกข้อว่าเป็นสัญญาจะขายฝาก เพียงแต่ไม่มีกำหนดเวลาว่าจะไปทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เมื่อใดเท่านั้น จึงไม่อาจถือได้ว่าเป็นสัญญาขายฝากเพราะตามสัญญาได้ระบุความรับผิดของทั้งสองฝ่ายไว้ในกรณีไม่ไปทำหนังสือและจดทะเบียนตามกำหนด แสดงถึงเจตนาของคู่สัญญาว่ามิได้มีเจตนาจะทำสัญญาขายฝาก หากแต่ต้องการให้เป็นเพียงสัญญาจะขายฝากซึ่งจะต้องได้มีการทำหนังสือจดทะเบียนกันให้ถูกต้องอีกครั้งหนึ่ง จึงกำหนดหน้าที่ความรับผิดของคู่สัญญาไว้ ส่วนที่กำหนดเวลาไถ่คืนไว้ในสัญญานี้ด้วยก็เพื่อให้เป็นการแน่นอนว่า ถ้าได้ทำหนังสือจดทะเบียนโดยถูกต้องแล้วกำหนดเวลาไถ่คืนต้องเป็นไปตามนั้นทั้งโฉนดที่ดินที่จะขายฝากอยู่ที่บุคคลภายนอก จึงจำเป็นอยู่เองที่คู่กรณีจะต้องทำเป็นสัญญาจะขายฝากไว้ก่อน เมื่อได้โฉนดที่ดินมาแล้วจึงไปทำสัญญากันในภายหลัง ดังนั้นเมื่อสัญญาพิพาทมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสำคัญแล้ว โจทก์ก็ฟ้องร้องให้บังคับคดีได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 522/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คขีดคร่อมระบุชื่อผู้รับ สั่งจ่ายเจตนาชำระหนี้ให้ผู้รับโดยตรง ผู้รับเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบ
จำเลยสั่งจ่ายเช็คขีดคร่อมระบุชื่อโจทก์และขีดฆ่าคำว่า"หรือผู้ถือ"ออกถือได้ว่าจำเลยออกเช็คพิพาทโดยมีเจตนาชำระหนี้ให้แก่โจทก์เท่านั้นโจทก์จึงเป็นผู้ทรงโดยชอบตามป.พ.พ.มาตรา904จำเลยให้การว่าโจทก์และบุคคลอื่นได้โอนเช็คโดยการสมคบกันฉ้อฉลจำเลยก็ไม่ปรากฏว่าสมคบกันฉ้อฉลอย่างไรหรือหนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไรไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา177วรรคสองไม่ก่อให้เกิด ประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีการที่ศาลให้ งดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีจึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5094/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานทำร้ายร่างกายและการข่มขู่เรียกทรัพย์ กรณีพิพาทเรื่องเงินค่าบริการทางเพศ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าไม่มีเจตนาข่มขู่เรียกทรัพย์
จำเลยที่2เข้าไปในห้องของโรงแรมกับผู้เสียหายและพร้อมที่จะให้ผู้เสียหายร่วมประเวณีเพื่อจะได้เงินตอบแทนแล้วแม้ผู้เสียหายจะได้ร่วมประเวณีกับจำเลยที่2หรือไม่ก็ตามจำเลยที่2ก็คิดว่าตนควรจะได้รับค่าร่วมประเวณีกับผู้เสียหาย100บาทเต็มจำนวนเมื่อผู้เสียหายไม่ยอมจ่ายเงินให้ครบตามที่ตกลงและยังขู่ว่าจะนำตำรวจมาจับจำเลยที่2จึงได้ใช้ท่อน้ำประปาตีขาผู้เสียหายโดยผู้เสียหายกับจำเลยที่2ได้ทะเลาะวิวาทกันเรื่องเงินค่าร่วมประเวณีที่หน้าโรงเรียนจึงได้ทำร้ายกันที่จำเลยที่2ทวงเงินได้จากผู้เสียหายไป100บาทจึงไม่เป็นการใช้กำลังประทุษร้ายขู่เอาทรัพย์จากผู้เสียหายโดยมีเจตนาทุจริตเมื่อผู้เสียหายถูกจำเลยที่2ตีแล้วขณะกำลังยืนเจ็บอยู่วิ่งไปตามจำเลยที่1และที่3มาจำเลยที่1ขู่ว่าจะให้หรือไม่และชกผู้เสียหาย1ทีและจำเลยที่3พูดว่าให้เขาไปเถอะเงิน100บาทเท่านั้นผู้เสียหายจึงยอมให้เงินจำเลยที่3ไป100บาทเพื่อเอาไปให้จำเลยที่2เป็นเรื่องที่จำเลยที่1และที่3เข้ามาเกี่ยวข้องในภายหลังมิได้สมรู้ร่วมคิดกับจำเลยที่2ในเรื่องที่เกิดขึ้นมาก่อนเมื่อจำเลยที่2มิได้ใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อขู่เข็ญให้ผู้เสียหายส่งเงินให้100บาทโดยมีเจตนาทุจริตแล้วจำเลยที่1และที่3ก็ไม่มีความผิดฐานร่วมกับจำเลยที่2ปล้นทรัพย์ผู้เสียหายจำเลยที่1และที่3คงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา391

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5082/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้มาซึ่งภารจำยอมโดยการใช้สิทธิโดยปรปักษ์ต้องมีเจตนาให้เป็นภารจำยอม การใช้เพียงเพื่อความคุ้นเคยหรือเข้าใจผิดไม่ถือเป็นการใช้สิทธิโดยปรปักษ์
การจะได้สิทธิในทางพิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1401ต้องเป็นการใช้โดยความสงบโดยเปิดเผยด้วยเจตนาให้ทางพิพาทนั้นตกเป็นภารจำยอมติดต่อกันเกินกว่า10ปีบิดามารดาโจทก์และโจทก์ถือวิสาสะใช้ทางพิพาทผ่านที่ดินของจำเลยมาก่อนเพราะนับถือกันเหมือนญาติและโจทก์เองได้ใช้ทางพิพาทต่อมาเพราะเข้าใจว่าเป็นทางสาธารณะถือไม่ได้ว่าเป็นการใช้สิทธิผ่านทางพิพาทโดยปรปักษ์แม้จะใช้มาเกินกว่า10ปีทางพิพาทก็ไม่ตกเป็นภารจำยอมตามกฎหมายเมื่อจำเลยไม่ประสงค์จะให้ใช้ทางต่อไปจึงมีสิทธิทำรั้วปิดกั้นทางพิพาทได้ไม่เป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4766/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปลอมเอกสารราชการด้วยการตัดต่อภาพถ่ายในบัตรประจำตัวประชาชน มีเจตนาให้หลงเชื่อว่าเป็นของจริง
จำเลยนำภาพถ่ายของ ม. มาตัดให้พอดีกับภาพถ่ายในบัตรประจำตัวประชาชนของ น. ที่แท้จริงแล้วนำภาพถ่ายที่ตัดแล้วปิดทับภาพถ่ายของ น. ที่ติดอยู่ในบัตรประจำตัวประชาชนของ น. ดังกล่าวแล้วถ่ายภาพบัตรและนำภาพถ่ายดังกล่าวอัดพลาสติกมอบให้ ม.โดยคิดค่าทำ15บาทถือได้ว่าจำเลยกระทำโดยมีเจตนาเพื่อให้ผู้พบเห็นบัตรประจำตัวประชาชนดังกล่าวหลงเชื่อว่าภาพถ่ายของม. ในบัตรประจำตัวประชาชนที่ถ่ายมาเป็นภาพถ่ายของ น.โดยมีวันเดือนปีเกิดและภูมิลำเนาตามที่ระบุไว้ในบัตรดังกล่าวเป็นบัตรประจำตัวประชาชนที่แท้จริงจึงเป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร บัตรประจำตัวประชาชนเป็นเอกสารซึ่งเจ้าพนักงานสำนักทะเบียนบัตรประชาชนกระทรวงมหาดไทยได้ทำขึ้นจึงเป็นเอกสารราชการตามนิยามของประมวลกฎหมายอาญามาตรา1(8) แม้บัตรประชาชนที่จำเลยทำปลอมขึ้นนั้นจะเป็นเพียงภาพถ่ายเอกสารแต่การกระทำของจำเลยมีลักษณะเพื่อการใช้อย่างบัตรประจำตัวประชาชนฉบับที่แท้จริงจึงมีความผิดฐานปลอมเอกสารราชการ จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา218วรรคแรกอย่างไรก็ตามแม้จะเป็นคดีที่คู่ความฎีกาได้เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายหากศาลฎีกาเห็นว่าศาลล่างลงโทษจำเลยหนักเกินไปก็ย่อมมีอำนาจที่จะพิพากษาลงโทษจำเลยให้เหมาะสมแก่ความผิดได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4692/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การช่วยเหลือลูกค้าช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ไม่ถือเป็นความผิดร้ายแรง แม้ฝ่าฝืนระเบียบ หากมีเจตนาเพื่อประโยชน์ของธนาคาร
โจทก์มิได้ทุจริตหรือประมาทเลินเล่อในการฝ่าฝืนระเบียบและคำสั่งเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของจำเลยแต่เป็นการช่วยเหลือลูกค้าที่ประสบปัญหาจากภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจโดยจำเลยก็ได้รับผลประโยชน์จากการเบิกเงินเกินบัญชีและรับซื้อลดตั๋วเงินที่ผิดระเบียบดังกล่าวด้วยและสาขาอื่นของจำเลยก็ปฏิบัติทำนองเดียวกันเป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ของจำเลยจึงไม่อาจถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
of 408