คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ฎีกา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,024 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6790/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการฎีกาในข้อเท็จจริงตามทุนทรัพย์ และประเด็นผู้มีส่วนได้เสียในรถยนต์ที่ใช้ในการประกันภัย
คดีนี้มีทุนทรัพย์ในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาทจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความมาตรา248วรรคแรกศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าข้อเท็จจริงฟังได้ว่าขณะที่โจทก์รับประกันภัยรถยนต์จนถึงวันเกิดเหตุรถยนต์คันดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของห้างหุ้นส่วนจำกัดส. และว. เป็นผู้มีสิทธิครอบครองโดยว. ทำสัญญาซื้อรถยนต์คันดังกล่าวจากห้างหุ้นส่วนจำกัดส. ไม่ได้ความว่าพ. ผู้เอาประกันภัยมีส่วนเกี่ยวข้องกับรถยนต์คันดังกล่าวในฐานะใดทั้งสิ้นพ.จึงไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียในรถยนต์คันดังกล่าวโจทก์ฎีกาว่าตามคำเบิกความพยานโจทก์ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าพ. เป็นผู้เช่าซื้อรถยนต์คันเกิดเหตุเป็นผู้มีส่วนได้เสียฎีกาดังกล่าวเป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ในข้อทีว่าพ. มีส่วนเกี่ยวข้องกับรถคันเกิดเหตุในฐานะผู้เช่าซื้อหรือไม่จึงเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงเพื่อไปสู่การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่าพ. เป็นผู้มีส่วนได้เสียหรือไม่ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามกฎหมายดังกล่าวศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาไม่ชอบศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6754/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อยกเว้นการห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง: คดีทุนทรัพย์เกิน 200,000 บาท
คดีนี้ทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาคือราคาที่พิพาทจำนวน 162,000บาท และค่าเสียหายอันเกี่ยวเนื่องกับที่พิพาทจนถึงวันฟ้องจำนวน 40,200 บาท รวมเป็นเงิน 202,200 บาท ซึ่งเป็นคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้เกิน 200,000 บาท จึงไม่ต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ.มาตรา 248 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6754/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินและการคิดมูลค่าคดีเพื่อการฎีกา
คดีนี้ทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาคือราคาที่พิพาทจำนวน162,000 บาท และค่าเสียหายอันเกี่ยวเนื่องกับที่พิพาทจนถึงวันฟ้องจำนวน 40,200 บาท รวมเป็นเงิน 202,200 บาท ซึ่งเป็นคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้เกิน 200,000 บาทจึงไม่ต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6754/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ที่ดินและการครอบครอง: ทุนทรัพย์เกิน 200,000 บาท จึงฎีกาได้
คดีนี้ทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาคือราคาที่พิพาทจำนวน162,000บาทและค่าเสียหายอันเกี่ยวเนื่องกับที่พิพาทจนถึงวันฟ้องจำนวน40,200บาทรวมเป็นเงิน202,200บาทซึ่งเป็นคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้เกิน200,000บาทจึงไม่ต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา248วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6754/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพาทเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ที่ดินและค่าเสียหาย การคำนวณทุนทรัพย์เพื่อการฎีกา
คดีนี้ทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาคือราคาที่พิพาทจำนวน162,000บาทและค่าเสียหายอันเกี่ยวเนื่องกับที่พิพาทจนถึงวันฟ้องจำนวน40,200บาทรวมเป็นเงิน202,200บาทซึ่งเป็นคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้เกิน200,000บาทจึงไม่ต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา248วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 670/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงวันที่ในเช็ค - ข้อจำกัดการสืบพยานในชั้นอุทธรณ์และฎีกา
โจทก์ฟ้องว่า จ. ได้สลักหลังโอนเช็คพิพาทชำระหนี้แก่โจทก์โดยเช็คดังกล่าวจำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายแล้วนำมาแลกเงินสดไปจากจ. เมื่อวันที่5ธันวาคม2532แต่จำเลยลงวันที่สั่งจ่ายผิดไปเป็นวันที่5มกราคม2532ความจริงเป็นวันที่5มกราคม2533จำเลยไม่ได้ให้การปฏิเสธทั้งในชั้นพิจารณาเมื่อโจทก์นำพยานเข้าสืบในประเด็นนี้จำเลยก็ไม่ได้นำสืบโต้แย้งหรือคัดค้านฎีกาจำเลยที่ว่าโจทก์นำพยานบุคคลเข้าสืบเพื่อเปลี่ยนแปลงวันที่สั่งจ่ายจากวันที่5มกราคม2532เป็นวันที่5มกราคม2533ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา94(ข)จึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นแม้จำเลยจะยกขึ้นในชั้นอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยให้จำเลยก็ไม่มีสิทธิฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6641/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์ (น้ำเสียรั่ว) ไม่เป็นคดีมีทุนทรัพย์ อนุญาตฎีกาในข้อเท็จจริงได้
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าเสียหายก่อนฟ้อง 78,200บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ให้แก่โจทก์ นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะโยกย้ายถังส้วมหรือปรับปรุงแก้ไขจนน้ำเสียจากบ้านจำเลยไม่ไหลซึมเข้าบ้านโจทก์ กับมีคำขอให้จำเลยย้ายถังส้วมและห้องน้ำออกไปจากบริเวณข้างบ้านโจทก์ โดยไม่ทำให้น้ำจากถังส้วมและห้องน้ำไหลซึมเข้าบ้านโจทก์ได้ หรือให้จำเลยทำถังส้วมใหม่โดยเทฐานคอนกรีตก่ออิฐมอญฉาบปูนขัดมันภายในถังส้วมของจำเลยและไม่กระทำการใด ๆ ให้น้ำเสียจากบ้านจำเลยไหลซึมเข้าบ้านโจทก์ดังนี้ ความประสงค์โดยตรงของโจทก์นั้น มุ่งที่จะขอให้บังคับจำเลยย้ายถังส้วมและห้องน้ำออกไป ถือได้ว่าเป็นคดีฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 248 วรรคสอง ซึ่งมิได้ห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง แม้จะมีคำขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายก่อนฟ้องพร้อมดอกเบี้ย ก็ไม่ทำให้เป็นคดีมีทุนทรัพย์อันจะทำให้โจทก์ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ.มาตรา 248 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 653/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นฎีกาเกินกำหนดหลังศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้ว ทำให้ฎีกาไม่รับพิจารณา
เมื่อคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ฉบับลงวันที่ 30 ธันวาคม 2535ที่วินิจฉัยในคดีที่ผู้ร้องร้องขอให้เพิกถอนการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยไว้ว่า ผู้ร้องได้อ่านหรือทราบคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีที่ผู้ร้องร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดฉบับลงวันที่ 31 มกราคม 2534 แล้ว ตั้งแต่วันที่25 ธันวาคม 2534 จึงให้ถือว่าศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ฉบับลงวันที่ 31 มกราคม 2534 ให้ผู้ร้องฟังแล้วนับแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2534ผู้ร้องไม่ได้ฎีกาคัดค้านว่าคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวไม่ชอบอย่างไรหรือไม่จึงต้องถือเป็นยุติตามคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์นั้นว่า ศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ฉบับลงวันที่ 31 มกราคม 2534 ให้ผู้ร้องฟังแล้วตั้งแต่วันที่ 25ธันวาคม 2534 การที่ผู้ร้องยื่นฎีกาฉบับลงวันที่ 8 เมษายน 2536 คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ฉบับลงวันที่ 31 มกราคม 2534 มาดังกล่าว จึงเป็นการยื่นฎีกาเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งเดือน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ผู้ร้องฟัง ฎีกาของผู้ร้องเป็นฎีกาที่ไม่ชอบจะรับไว้พิจารณาตามป.วิ.พ. มาตรา 247 ประกอบ พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 153ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6538/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในที่ดินมรดก: ข้อพิพาทราคาเกินสองแสนบาทไม่ขัดขวางการฎีกาในข้อเท็จจริง
โจทก์ทั้งสิบเอ็ดอ้างว่าที่ดินทั้งสองโฉนดตามฟ้องรวมราคา219,560 บาท (ที่ถูก 239,520 บาท) เป็นทรัพย์ในกองมรดกของนางสาหร่ายที่ยังไม่ได้แบ่งให้ทายาท จำเลยต่อสู้ว่า ที่ดินทั้งสองโฉนดเป็นของนายหนูซึ่งได้รับการแบ่งจากกองมรดกมาโดยชอบแล้ว เท่ากับโต้เถียงว่ากรรมสิทธิ์ในที่ดินทั้งสองโฉนดเป็นของนายหนูโดยชอบแล้ว มิใช่ทรัพย์ในกองมรดกของนางสาหร่าย ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้โจทก์ทั้งสิบเอ็ดชนะคดี จำเลยฎีกาเพื่อให้ได้รับผลตามข้อต่อสู้จึงเป็นคดีที่พิพาทกันในชั้นฎีกาตามราคาที่ดินทั้งสองโฉนด เมื่อที่ดินทั้งสองโฉนดมีราคารวมกันเกินกว่าสองแสนบาท จำเลยจึงไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 653/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับพิจารณาเนื่องจากยื่นพ้นกำหนดหลังศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าผู้ร้องทราบคำพิพากษาแล้ว
เมื่อคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ฉบับลงวันที่30ธันวาคม2535ที่วินิจฉัยในคดีที่ผู้ร้องร้องขอให้เพิกถอนการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยไว้ว่าผู้ร้องได้อ่านหรือทราบคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีที่ผู้ร้องร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดฉบับลงวันที่31มกราคม2534แล้วตั้งแต่วันที่25ธันวาคม2534จึงให้ถือว่าศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ฉบับลงวันที่31มกราคม2534ให้ผู้ร้องฟังแล้วนับแต่วันที่25ธันวาคม2534ผู้ร้องไม่ได้ฎีกาคัดค้านว่าคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวไม่ชอบอย่างไรหรือไม่จึงต้องถือเป็นยุติตามคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์นั้นว่าศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ฉบับลงวันที่31มกราคม2534ให้ผู้ร้องฟังแล้วตั้งแต่วันที่25ธันวาคม2534การที่ผู้ร้องยื่นฎีกาฉบับลงวันที่8เมษายน2536คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ฉบับลงวันที่31มกราคม2534มาดังกล่าวจึงเป็นการยื่นฎีกาเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ผู้ร้องฟังฎีกาของผู้ร้องเป็นฎีกาที่ไม่ชอบจะรับไว้พิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา247ประกอบพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483มาตรา153ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย
of 303