คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ทรัพย์สิน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,615 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 113/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้จัดการมรดกทุจริต จดทะเบียนโอนทรัพย์สินเป็นของตนเอง เสียหายแก่ทายาท
จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาล มีหน้าที่จัดการแบ่งปันทรัพย์มรดกให้แก่ทายาทตามสิทธิของแต่ละคน (ไม่มีสิทธิจดทะเบียนโอนมรดกที่ดินพิพาทมาเป็นของจำเลยแต่เพียงผู้เดียวการกระทำของจำเลยจึงเป็นกรณีที่จำเลยซึ่งได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สินของผู้อื่นตามคำสั่งศาลกระทำหน้าที่ด้วยการจดทะเบียนโอนทรัพย์สินนั้นเป็นของตนจนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินของผู้นั้น) ทายาทส่วนใหญ่ไม่รู้มาก่อนว่าจำเลยได้ยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกเพราะได้มอบหมายให้โจทก์ร่วมเป็นผู้จัดการแบ่งปันทรัพย์มรดก เอกสารหลักฐานทรัพย์มรดกทั้งหมด โจทก์ร่วมเป็นผู้เก็บรักษาไว้ ซึ่งจำเลยก็รู้เห็นแต่จำเลยกลับไปแจ้งความว่าตราจองที่ดินพิพาทสูญหาย ขอให้เจ้าพนักงานที่ดินออกใบแทน แล้วจำเลยได้จดทะเบียนโอนมรดกที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยแต่เพียงผู้เดียวโดยอ้างว่าควรจะเป็นของจำเลย จำเลยไม่ยินยอมที่จะให้เอาชื่อทายาทอื่นเป็นผู้รับมรดกร่วมกับจำเลย แสดงให้เห็นว่าจำเลยกระทำผิดหน้าที่ในฐานะเป็นผู้จัดการมรดกด้วยการจดทะเบียนโอนทรัพย์มรดกที่ดินพิพาทเป็นของตนจึงเป็นการกระทำโดยทุจริต มีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 353 ประกอบด้วย มาตรา 354

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 955/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายทอดตลาดชอบด้วยกฎหมาย แม้ปิดประกาศไม่ตรงที่ทรัพย์สิน หากเจ้าหนี้ทราบวันขายทอดตลาด
ระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยการบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดี พ.ศ. 2522 ข้อ 68 วรรคแรก กำหนดให้เจ้าพนักงานบังคับคดีจัดการปิดประกาศขายทอดตลาดไว้โดยเปิดเผย ณ สถานที่ที่ทรัพย์ที่จะขายตั้งอยู่ด้วย แต่ข้อกำหนดดังกล่าวก็เพื่อประสงค์ให้บุคคลภายนอกที่สนใจมาประมูลซื้อทรัพย์ในการขายทอดตลาดเท่านั้นระเบียบดังกล่าวหาได้เป็นกฎหมายไม่ แม้เจ้าพนักงานบังคับคดีนำประกาศขายทอดตลาดไปปิดไว้ที่อื่น ไม่ใช่ที่ที่ทรัพย์ที่จะขายทอดตลาดตั้งอยู่ แต่ตามรายงานการขายทอดตลาดครั้งแรกของเจ้าพนักงานบังคับคดีโจทก์รับว่าได้มอบอำนาจให้ผู้แทนโจทก์มาในวันขายทอดตลาดดังกล่าวและผู้แทนโจทก์ได้ลงชื่อรับทราบวันประกาศขายทอดตลาดที่เลื่อนไปในรายงานดังกล่าวแล้ว ถือได้ว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้แจ้งวันขายทอดตลาดให้โจทก์ ซึ่งมีส่วนได้เสียในการบังคับคดีแก่ทรัพย์พิพาทที่จะขายทอดตลาดทราบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 306 แล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 89/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สินเดิมของภริยาและการทำพินัยกรรมยกทรัพย์สิน
เอกสารที่โจทก์แนบมาพร้อมฎีกา โดยมิได้ระบุไว้ในบัญชีพยานเป็นการฝ่าฝืนต่อ ป.วิ.พ. มาตรา 88 ศาลฎีกาไม่รับฟัง โจทก์จำเลยเป็นบุตร นาย ป. และนาง ช. ซึ่งสมรสกันก่อนใช้ ป.พ.พ. บรรพ 5 พ.ศ. 2477 นาย ป. ถึงแก่กรรมก่อน นาง ช.แม้ นาย ป. จะถึงแก่กรรมขณะที่ ป.พ.พ. บรรพ 5 พ.ศ. 2477 ใช้บังคับก็ตามแต่การแบ่งทรัพย์สินระหว่างสามีภริยามิใช่ความสัมพันธ์ในครอบครัวอันเกิดแต่การสมรสนั้น จึงต้องบังคับตามกฎหมายลักษณะผัวเมีย บทที่ 68 คือให้คืนสินเดิมแก่แต่ละฝ่าย ดังนั้น เมื่อที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์สินที่ นาง ช. มีมาก่อนสมรส อันเป็นสินเดิมของ นาง ช.จึงต้องคืนแก่นางช. ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทแต่ผู้เดียวย่อมมีสิทธิทำพินัยกรรมยกให้แก่จำเลยได้ พินัยกรรมในส่วนที่พิพาทจึงมีผลสมบูรณ์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 89/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สินเดิมของภริยาและสิทธิทำพินัยกรรม: ศาลยืนตามพินัยกรรมยกทรัพย์สินให้บุตร
โจทก์จำเลยเป็นพี่น้องกัน บิดามารดาโจทก์จำเลยสมรสกันก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 แม้บิดาโจทก์จำเลยจะถึงแก่กรรม ขณะที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 พ.ศ. 2477ใช้บังคับการแบ่งทรัพย์สินระหว่างสามีภรรยาก็ต้องบังคับตามกฎหมายลักษณะผัวเมีย บทที่ 68 คือให้คืนสินเดิมแก่แต่ละฝ่ายที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์ที่มารดามีมาก่อนแต่งงานกับบิดาจึงเป็นสินเดิมของมารดา มารดาซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทแต่ผู้เดียวย่อมมีสิทธิทำพินัยกรรมยกที่ดินพิพาทให้จำเลยได้ พินัยกรรมในส่วนที่ดินพิพาทจึงมีผลสมบูรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 854/2534 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการโอนทรัพย์ในคดีล้มละลาย: เจ้าหนี้เดิม vs. ผู้รับโอนสุจริต
การร้องขอเพิกถอนการโอนตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 115นั้น ต้องเป็นการโอนให้แก่เจ้าหนี้ซึ่งมีฐานะเป็นเจ้าหนี้อยู่ก่อนมีการโอน และการโอนเช่นนั้นทำให้เจ้าหนี้อื่น ๆ ของจำเลยเสียเปรียบ เพราะการที่จำเลยนำทรัพย์เท่าที่มีไปชำระเจ้าหนี้คนใดโดยเฉพาะเป็นการให้เปรียบเจ้าหนี้คนนั้น และทำให้เจ้าหนี้คนอื่นเสียเปรียบ กฎหมายมุ่งคุ้มครองบรรดาเจ้าหนี้ด้วยกัน ซึ่งเป็นหนี้อยู่ก่อนมิให้ได้เปรียบแก่กัน จำเลยโอนขายฝากที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้แก่ ช.ก่อนโจทก์ฟ้องคดีล้มละลายไม่ถึง 1 เดือน แม้จะเป็นการโอนตามสัญญาต่างตอบแทนซึ่งทำให้ช.มีฐานะเป็นเจ้าหนี้ตามสัญญาขายฝากก็ตาม แต่เมื่อ ช.ผู้รับโอนมิได้มีฐานะเป็นเจ้าหนี้ของจำเลยก่อนทำสัญญาขายฝาก และ ช.ผู้รับโอนเข้าทำสัญญากับจำเลยโดยไม่ทราบความมีหนี้สินล้นพ้นตัวของจำเลย จึงเพิกถอนการโอนรายนี้ตามมาตรา 115 ไม่ได้
พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 114 และมาตรา 115 ต่างก็มีวัตถุประสงค์คุ้มครองบุคคลภายนอกผู้สุจริตและเสียค่าตอบแทนเช่นกัน ต่างกันเพียงว่า ถ้าโอนภายในสามเดือนก่อนมีการขอให้ล้มละลาย จำเลยมุ่งให้เจ้าหนี้เดิมคนหนึ่งคนใดได้เปรียบเจ้าหนี้อื่นแล้ว อาศัยเพียงความมุ่งหมายของจำเลยฝ่ายเดียวก็พอให้เพิกถอนได้ โดยไม่ต้องให้เจ้าหนี้เดิมพิสูจน์ว่าตนสุจริตและมีค่าตอบแทน เพราะเจ้าหนี้เช่นนี้รู้หรือควรจะรู้แล้วถึงสภาพมีหนี้สินล้นพ้นตัวของจำเลย แต่ถ้าเป็นการโอนภายในสามเดือนก่อนมีการขอให้ล้มละลาย โดยผู้รับโอนซึ่งไม่เป็นเจ้าหนี้อยู่เดิมและโดยไม่สุจริตและไม่มีค่าตอบแทน ก็ยังเพิกถอนได้ตามมาตรา 114ไม่อยู่ในบังคับตามมาตรา 115 ตรงกันข้าม ถ้าผู้รับโอนเช่นนี้รับโอนโดยสุจริตและมีค่าตอบแทนจะนำมาตรา 115 มาใช้บังคับไม่ได้ เพราะมิได้เป็นเจ้าหนี้ลูกหนี้กันมาก่อน อีกประการหนึ่งจะถือว่าผู้รับโอนได้เปรียบเจ้าหนี้อื่นไม่ได้
(วรรคแรกวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 2/2534)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 853/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการโอนทรัพย์ในคดีล้มละลาย ต้องพิจารณาว่าเป็นการโอนให้เจ้าหนี้เดิมหรือไม่ และผู้รับโอนสุจริตหรือไม่
พ.ร.บ. ล้มละลายฯมาตรา 115 ที่บัญญัติให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ร้องขอเพิกถอนการโอนได้ในกรณีที่จำเลยมุ่งหมายให้เจ้าหนี้คนใดคนหนึ่งได้เปรียบแก่เจ้าหนี้อื่นนั้น มีความหมายว่าการโอนทรัพย์สินต้องเป็นการโอนให้แก่เจ้าหนี้ซึ่งเป็นเจ้าหนี้อยู่ก่อนแล้วและการโอนเช่นนั้นทำให้เจ้าหนี้อื่น ๆ ของจำเลยเสียเปรียบ เนื่องจากบรรดาเจ้าหนี้เหล่านั้นต่างก็จะไม่ได้รับชำระหนี้หรือไม่ได้รับชำระหนี้เต็ม จำนวนจากจำเลยเพราะสภาพการมีหนี้สินล้นพ้นตัวซึ่งบรรดาเจ้าหนี้เหล่านั้นได้รับความเสียหายอยู่ก่อนแล้ว เมื่อจำเลยนำทรัพย์สินเท่าที่มีไปชำระหนี้ให้เจ้าหนี้คนหนึ่งโดยเฉพาะ จึงเป็นการให้เปรียบเทียบแก่เจ้าหนี้คนนั้นและทำให้เจ้าหนี้อื่นเสียเปรียบ เพราะได้รับความเสียหายเพิ่มขึ้นเนื่องจากไม่มีโอกาสได้รับชำระหนี้โดยเฉลี่ยจากทรัพย์ที่โอนไปกฎหมายจึงมุ่งคุ้มครองบรรดาเจ้าหนี้ซึ่งเป็นเจ้าหนี้อยู่ก่อนมิให้ได้เปรียบเสียเปรียบซึ่งกันและกัน เมื่อผู้รับโอนมิได้เป็นเจ้าหนี้ของจำเลยมาก่อน จึงไม่มีกรณีที่เจ้าหนี้คนใดคนหนึ่งได้เปรียบแก่เจ้าหนี้อื่นแต่อย่างใด จะนำมาตรานี้มาเพิกถอนการโอนรายนี้ไม่ได้และเมื่อผู้รับโอนได้รับโอนมาโดยสุจริต และเสียค่าตอบแทน ก็ไม่อาจเพิกถอนการโอนตาม พ.ร.บ. ล้มละลายฯ มาตรา 114 ได้เช่นกัน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 834/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทเรื่องยืมหรือซื้อขายทรัพย์สิน การพิสูจน์ข้อเท็จจริงตามสัญญาซื้อขายมีน้ำหนักกว่า
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยยืมเครื่องรับ-ส่งวิทยุไปแล้วไม่คืนขอให้บังคับจำเลยคืนทรัพย์ที่ยืมหรือใช้ค่าเสียหาย เป็นการฟ้องอ้างมูลเรื่องยืมเป็นหลักแห่งคำขอบังคับจำเลย เมื่อทางนำสืบฟังได้ว่า โจทก์จำเลยตกลงซื้อขายเครื่องรับ-ส่งวิทยุพิพาทเสร็จเด็ดขาดแล้ว ถือว่าโจทก์นำสืบไม่ได้ตามฟ้อง จึงบังคับจำเลยตามคำขอของโจทก์ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 759/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการขอรับชำระหนี้จากทรัพย์สิน ศาลยกคำร้องเนื่องจากหนี้เป็นหนี้สามัญ ไม่ใช่หนี้บุริมสิทธิ
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จากเงินที่ขายทอดตลาดทรัพย์สิน ของจำเลยก่อนเจ้าหนี้รายอื่นโดยอ้างว่าผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ค่าภาษีการค้าที่จำเลยค้างชำระอยู่ อันเป็นหนี้บุริมสิทธิเมื่อ ทางพิจารณา ได้ความ ว่า หนี้ค่าภาษีการค้าที่ค้างชำระนั้นเป็นหนี้สามัญ ศาล ก็ ต้อง ยกคำร้อง ของผู้ร้องเสีย โดยไม่ต้องพิจารณาว่าตามคำร้องเป็น กรณี ขอเฉลี่ยทรัพย์ ของจำเลยตาม ป.วิ.พ. มาตรา 290 ด้วยหรือไม่ เพราะเป็นการนอกฟ้องนอกประเด็นในคดีนี้ ผู้ร้องยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้ก่อนโดยอาศัยอำนาจแห่ง บุริมสิทธิตาม ป.วิ.พ. มาตรา 289 ซึ่งเป็นคดีมีทุนทรัพย์ตามจำนวน ทุนทรัพย์ ที่เรียกร้อง ผู้ร้องต้องเสียค่าขึ้นศาลตามตาราง 1(1) ท้าย ป.วิ.พ..

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 757/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินวัดโดยความยินยอมโดยปริยายและขาดเจตนาทุจริต
วัดเป็นเสมือนสมบัติส่วนกลางซึ่งชาวบ้านใช้สอยร่วมกันและแม้แต่สถานที่ของวัดชาวบ้านก็ร่วมกันใช้ประกอบกิจการต่าง ๆอันเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมดังกรณีสาธิต การทำปุ๋ยหมักในวันเกิดเหตุการจับปลาในสระของวัดก็เช่นกัน เกิดจากอาหารไม่เพียงพอในการเลี้ยงดูสำหรับมื้อกลางวัน จึงปรารภกันทอดแหจับปลาในสระของวัดขึ้นมาประกอบอาหารด้วยความรู้สึกร่วมกันโดยปริยายว่าเจ้าอาวาสยินยอมให้กระทำได้ดังที่เจ้าอาวาสได้พูดไว้ก่อนหน้าวันเกิดเหตุให้ใช้ของวัดในกรณีขาดแคลนได้ ดังนี้เมื่อจำเลยกับพวกร่วมกันจับปลาขึ้นมาประกอบอาหารรับประทานกัน พฤติการณ์จึงเป็นการกระทำด้วยวิสาสะขาดเจตนาทุจริต.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 723/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจการยึดของกลางและการตรวจสอบสิทธิในทรัพย์สิน ผู้ซื้อสุจริต
โจทก์ซื้อเพลารถยนต์เก่าของกลางจากพ่อค้าซึ่งขายของเก่าโดยสุจริตในตลาดเทศบาลเมืองหาดใหญ่ ของกลางดังกล่าวจึงใม่ใช่สิ่งของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร เจ้าพนักงานของจำเลยไม่มีอำนาจยึดไว้ ต้องคืนแก่เจ้าของ
การที่จำเลยยึดของกลางไว้เป็นการกระทำตามอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย เมื่อโจทก์ยื่นคำร้องขอคืนของกลาง จำเลยก็ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบหลักฐานก่อน เพราะโจทก์อ้างว่าของกลางเป็นของที่ซื้อมาจากการขายทอดตลาดก่อนถูกยึดถึง 2 ปี โจทก์ฟ้องเรียกของกลางคืนหลังจากยื่นคำร้องเพียง 1 เดือนเศษ ถือไม่ได้ว่าจำเลยจงใจหรือประมาทเลินเล่อไม่คืนของกลางให้แก่โจทก์
of 262