พบผลลัพธ์ทั้งหมด 971 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 447/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทเรื่องสัญญาซื้อฝากและสัญญากู้เงิน: ศาลอนุญาตให้สืบพยานได้หากมูลหนี้เป็นไปได้
โจทก์ฟ้องว่า สามีโจทก์ได้ขายฝากที่นาไว้กับจำเลยแต่มีเงินให้ไม่ครบ จำเลยจึงทำเป็นหนังสือสัญญากู้เงินให้แก่โจทก์ไว้ขอให้ใช้เงินศาลจะสั่งให้งดสืบพยานโจทก์เสียหาชอบไม่เพราะมูลหนี้ตามฟ้องย่อมเป็นไปได้ไม่เป็นการฝืนความจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2091/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการนำสืบพยานในคดีอาญา: การสมคบคิดกับผู้รับสารภาพและความเชื่อมโยงกับความผิดตามฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองกระทำความผิดอาญา จำเลยคนหนึ่งรับสารภาพ แต่อีกคนหนึ่งปฏิเสธโจทก์จะขอสืบพะยานว่าจำเลยคนที่ปฏิเสธได้สมคบกับจำเลยที่รับสารภาพกระทำความผิดอาญานั้นก็ได้ ฉะเพาะในความหมายของการสมคบในนัยที่ว่า จำเลยนั้นได้ลงมือกระทำผิดตามฟ้องนั้นเอง เพราะคำว่าสมคบนั้นเป็นคำที่มีความหมายกว้าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2091/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสืบพยานความผิดสมคบร่วมกันกระทำความผิดอาญา ต้องไม่เกินกรอบคำฟ้องเดิม
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองกระทำความผิดอาญา จำเลยคนหนึ่งรับสารภาพ แต่อีกคนหนึ่งปฏิเสธ โจทก์จะขอสืบพยานว่าจำเลยคนที่ปฏิเสธได้สมคบกับจำเลยที่รับสารภาพกระทำความผิดอาญานั้นก็ได้ เฉพาะในความหมายของการสมคบในนัยที่ว่า จำเลยนั้นได้ลงมือกระทำผิดตามฟ้องนั้นเอง เพราะคำว่าสมคบนั้นเป็นคำที่มีความหมายกว้าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1956/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนคำสั่งอนุญาตให้เป็นโจทก์ร่วมและการไม่อนุญาตสืบพยานเพิ่มเติมเนื่องจากเป็นการประวิงคดี
ภริยาไม่ชอบด้วยกฎหมายเข้าเป็นโจทก์ร่วมในคดีที่อัยการฟ้องว่าจำเลยฆ่าสามีโจทก์ร่วม สืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว ความปรากฏขึ้นศาลจึงถอนคำสั่งที่อนุญาตให้เข้าเป็นโจทก์ร่วม แต่ในชั้นพิจารณาทนายของโจทก์ร่วมมิได้ซักถามพยานแต่อย่างใด จึงไม่มีเหตุที่จะให้พิจารณาใหม่
ทนายจำเลยแถลงขอสืบพยานอีกคนเดียวนอกนั้นไม่ติดใจสืบเพราะไม่ใช่ข้อสำคัญ ถึงวันนัดพยานไม่มาศาล จำเลยว่าป่วย แต่ไม่มีหลักฐานแสดงว่าป่วย จำเลยกลับขอถอนทนาย และขอสืบพยานที่ทนายจำเลยแถลงไม่ติดใจสืบ ดังนี้เป็นการประวิงความศาลไม่อนุญาตให้สืบพยานจำเลยตามที่ขอ
ทนายจำเลยแถลงขอสืบพยานอีกคนเดียวนอกนั้นไม่ติดใจสืบเพราะไม่ใช่ข้อสำคัญ ถึงวันนัดพยานไม่มาศาล จำเลยว่าป่วย แต่ไม่มีหลักฐานแสดงว่าป่วย จำเลยกลับขอถอนทนาย และขอสืบพยานที่ทนายจำเลยแถลงไม่ติดใจสืบ ดังนี้เป็นการประวิงความศาลไม่อนุญาตให้สืบพยานจำเลยตามที่ขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1503/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับรองบุตรนอกกฎหมายและการสืบพยานในคดีมรดก ศาลพิจารณาจากพฤติการณ์และคำรับของคู่ความ
เมื่อโจทก์สืบพยานไปบ้างแล้วโจทก์จำเลยต่างแถลงรับเอกสารและข้อเท็จจริงบางอย่างแล้วต่างแถลงไม่สืบพยานต่อไปโดยไม่ปรากฎว่ามีคำท้ากันอย่างใด ดังนี้ต้องพิเคราะห์คดีไปตามพฤติการณ์เท่าที่โจทก์สืบมาแล้วประกอบกับคำร้องทั้ง 2 ฝ่ายประกอบกัน
บุตรนอกกฎหมายเกิดแต่บิดาซึ่งแต่งงานกับมารดาโดยเปิดเผยแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสและอยู่กินด้วยกันจนตายจากกันไป สูติบัตรก็ปรากฎว่าเป็นสูติบัตรของเด็กซึ่งบิดาไปแจ้งไว้ พฤติการณ์เช่นนี้ฟังได้ว่าบิดาได้รับรองบุตรนั้นตาม ป.พ.พ.ม.1627 แล้ว
บุตรนอกกฎหมายเกิดแต่บิดาซึ่งแต่งงานกับมารดาโดยเปิดเผยแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสและอยู่กินด้วยกันจนตายจากกันไป สูติบัตรก็ปรากฎว่าเป็นสูติบัตรของเด็กซึ่งบิดาไปแจ้งไว้ พฤติการณ์เช่นนี้ฟังได้ว่าบิดาได้รับรองบุตรนั้นตาม ป.พ.พ.ม.1627 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1247-1248/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีความเสียหายจากการเดินเรือ: การยกข้อต่อสู้หลังการสืบพยาน
ข้อต่อสู้ของจำเลยที่ว่าคดีโจทก์ขาดอายุความตาม พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 ม.308 นั้น ไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน จำเลยจะยกขึ้นต่อสู้หลังจากวันชี้สองสถานและสืบพยานโจทก์ไปแล้วไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1058/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระบุพยานนอกกำหนด & การสืบพยานเพิ่มเติม: ศาลไม่ชอบด้วยกฎหมายหากจำเลยไม่โต้แย้งคำสั่ง
จำเลยมิได้ระบุพยานตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคหนึ่ง โดยอ้างว่าเพิ่งไปหาทนายว่าต่างและขอระบุพยานในวันสืบพยาน ศาลสั่งว่าไม่มีเหตุสมควร ไม่อนุญาตตามมาตรา 88 วรรคสาม เมื่อจำเลยมิได้โต้แย้งคำสั่งนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 แต่ประการใด ดังนี้ จะอุทธรณ์ฎีกาคำสั่งนั้นไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 529/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อัตราโทษความผิดพยายามข่มขืนชำเราและขอบเขตการสืบพยาน
แม้ความผิดฐานข่มขืนชำเราตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 244วรรคต้นมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงถึง 10 ปีแต่ความผิดฐานพยายามตามมาตรา 244 นั้น อย่างสูงศาลจะพิพากษาโทษได้6 ปี 8 เดือนเท่านั้นจึงเป็นคดีที่ไม่จำเป็นต้องฟังพยานโจทก์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา176 ก่อน เมื่อจำเลยรับสารภาพศาลก็ย่อมพิพากษาลงโทษจำเลยได้ทีเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 148/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับบัญชีระบุพยานล่าช้า: ศาลมีอำนาจใช้ดุลยพินิจรับฟังพยานหลักฐานเพื่อความยุติธรรม แม้มีเหตุผลด้านการดำเนินการที่ล่าช้า
ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับบัญชีระบุพยาน โดยเห็นว่าไม่ได้ยื่นก่อนกำหนดวันสืบพยาน 3 วันฝ่ายนั้นจึงยื่นคำร้องแสดงเหตุผลต่างๆ ขอให้ศาลสั่งรับบัญชีพยานเพื่อสืบพยานของตนต่อไปนั้นถือได้ว่าเป็นการโต้แย้งคำสั่งตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(2) แล้ว
จำเลยยื่นบัญชีระบุพยานช้าไปเพียงวันเดียว โดยมิได้จงใจฝ่าฝืน แต่เป็นเรื่องรู้เท่าไม่ถึงการเพียงเท่านี้จะปรับลงโทษถึงกับไม่ยอมให้จำเลยมีโอกาสสืบพยานที่เดียว เป็นการรุนแรงไปเมื่อโจทก์ไม่เสียเปรียบก็พอถือได้ว่ากรณีมีเหตุสมควรเพื่อความยุติธรรมที่จะรับฟังพยานหลักฐานจำเลยได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 87(2)
แม้จำเลยจะอุทธรณ์คัดค้านในข้อกฎหมายเพียงว่า การยื่นบัญชีระบุพยานของจำเลย ไม่ผิดต่อกฎหมายเท่านั้นและแม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยว่าการยื่นบัญชีระบุพยานของจำเลยยังไม่ถูกต้องตามกฎหมายก็ดี เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นกรณีมีเหตุสมควรเพื่อความยุติธรรมแล้วศาลอุทธรณ์ก็ย่อมมีอำนาจยกเหตุสมควรเพื่อความยุติธรรมที่จะรับฟังพยานหลักฐานของจำเลยได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 87(2) ไม่ถือว่าเป็นการเกินคำขอ
จำเลยยื่นบัญชีระบุพยานช้าไปเพียงวันเดียว โดยมิได้จงใจฝ่าฝืน แต่เป็นเรื่องรู้เท่าไม่ถึงการเพียงเท่านี้จะปรับลงโทษถึงกับไม่ยอมให้จำเลยมีโอกาสสืบพยานที่เดียว เป็นการรุนแรงไปเมื่อโจทก์ไม่เสียเปรียบก็พอถือได้ว่ากรณีมีเหตุสมควรเพื่อความยุติธรรมที่จะรับฟังพยานหลักฐานจำเลยได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 87(2)
แม้จำเลยจะอุทธรณ์คัดค้านในข้อกฎหมายเพียงว่า การยื่นบัญชีระบุพยานของจำเลย ไม่ผิดต่อกฎหมายเท่านั้นและแม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยว่าการยื่นบัญชีระบุพยานของจำเลยยังไม่ถูกต้องตามกฎหมายก็ดี เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นกรณีมีเหตุสมควรเพื่อความยุติธรรมแล้วศาลอุทธรณ์ก็ย่อมมีอำนาจยกเหตุสมควรเพื่อความยุติธรรมที่จะรับฟังพยานหลักฐานของจำเลยได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 87(2) ไม่ถือว่าเป็นการเกินคำขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1131/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขาดนัดพิจารณาจากความผิดทนายจำเลย ศาลไม่จำเป็นต้องไต่สวน และไม่อนุญาตให้สืบพยานเพิ่มเติม
ศาลพิจารณาสืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว นัดเลื่อนไปสืบพยานจำเลย ถึงกำหนดนัดจำเลย ทนายและพยานไม่มาศาล รุ่งขึ้นจำเลยมายื่นคำร้องว่า เป็นเพราะทนายจำเลยพลั้งเผลอ จดวันนัดผิดไปดังนี้ ศาลไม่จำเป็นต้องไต่สวนว่า เป็นความจริงตามคำร้องหรือไม่ เพราะแม้เป็นความจริงตามคำร้องก็ยังเป็นความผิดของฝ่ายจำเลยเอง ศาลจึงย่อม มีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยนำพยานเข้าสืบได้ทีเดียว.