คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คดีแพ่ง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,220 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2692/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องคดีแพ่งไม่จำเป็นต้องใช้ถ้อยคำตามกฎหมาย แต่ต้องแจ้งชัดถึงสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับ
การบรรยายฟ้องคดีแพ่งนั้นไม่จำต้องใช้ถ้อยคำตามกฎหมายเสมอไป
โจทก์บรรยายฟ้องเป็นใจความว่า จำเลยได้เช่าที่ดินจากบิดาโจทก์ เมื่อบิดามารดาโจทก์ถึงแก่กรรมแล้ว โจทก์ได้รับมรดกที่ดินนั้นและให้จำเลยเช่าต่อมา โดยไม่มีกำหนดเวลาเช่า โจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยเช่าต่อไป และได้บอกเลิกสัญญาเช่าให้จำเลยรื้อห้องแถวออกไปจากที่ดินที่เช่าแล้ว แต่จำเลยเพิกเฉยยังคงอยู่ในที่ดินของโจทก์โดยไม่มีข้ออ้างตามกฎหมายที่จะอยู่ได้ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับขับไล่จำเลยและให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ดังนี้ เป็นการบรรยายโดยแจ้งชัดแล้วว่าสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับของโจทก์มีว่าอย่างไร และโจทก์อ้างอะไรเป็นหลักแห่งข้อหา แม้โจทก์มิได้ใช้ถ้อยคำในบทกฎหมายว่าจำเลยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ แต่ก็เข้าใจได้จากคำฟ้องของโจทก์ว่าเมื่อสัญญาเช่าระงับไปเพราะการบอกเลิกโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว จำเลยยังคงครอบครองทรัพย์สินของโจทก์อยู่ โดยไม่มีสิทธิอันจะอ้างได้ตามกฎหมายเป็นการจงใจกระทำต่อโจทก์โดยผิดกฎหมายให้โจทก์เสียหาย คำฟ้องของโจทก์จึงหาเคลือบคลุมไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2060/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้พยานหลักฐานจากคดีอาญาในคดีแพ่ง และการยกอายุความต้องยกขึ้นต่อสู้ตั้งแต่ชั้นต้น
โจทก์กับจำเลยที่ 1 ตกลงกันให้ถือเอาพยานหลักฐานต่าง ๆ ในคดีอาญาอีกเรื่องหนึ่งมาเป็นพยานหลักฐานในคดีนี้ โดยโจทก์ไม่ขอสืบพยานอื่นอีกจนศาลได้พิพากษาไปแล้วนั้น จำเลยที่ 2 ซึ่งขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาจะโต้แย้งว่าข้อตกลงและคำพิพากษา ไม่ผูกพันจำเลยที่ 2 ไม่ได้ เพราะโจทก์มีสิทธิที่จะนำพยานหลักฐานใด ๆ มาสืบได้ ไม่จำต้องสืบพยานบุคคลเสมอไป และการนี้โจทก์ขอถือเอาพยานหลักฐานต่าง ๆ ในคดีอาญาเป็นพยานหลักฐานในคดีนี้ก็ถือได้ว่าโจทก์ได้สืบพยานแล้วใช้เป็นพยานหลักฐานประกอบการพิจารณาชี้ขาดคดีได้
จำเลยให้การว่า จำเลยออกเช็คให้กับผู้มีชื่อเป็นเวลากว่า 5 ปีแล้ว โจทก์กระทำการโดยไม่สุจริต ลงวันที่ในเช็คเองโดยจำเลยมิได้ยินยอม ถือว่าโจทก์มีเช็คไว้ครอบครองโดยมิชอบ จึงเป็นผู้ทรงโดยมิชอบคำให้การเช่นนี้ไม่ถือว่าเป็นการยกอายุความขึ้นต่อสู้ เมื่อจำเลยมิได้ยกอายุความขึ้นต่อสู้ไว้ในศาลชั้นต้น จะยกขึ้นต่อสู้ในชั้นฎีกาไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2060/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้พยานหลักฐานจากคดีอาญาในคดีแพ่ง และข้อจำกัดในการยกอายุความในชั้นฎีกา
โจทก์กับจำเลยที่ 1 ตกลงกันให้ถือเอาพยานหลักฐานต่างๆ ในคดีอาญาอีกเรื่องหนึ่งมาเป็นพยานหลักฐานในคดีนี้ โดยโจทก์ไม่ขอสืบพยานอื่นอีกจนศาลได้พิพากษาไปแล้วนั้น จำเลยที่ 2 ซึ่งขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาจะโต้แย้งว่าข้อตกลงและคำพิพากษา ไม่ผูกพันจำเลยที่ 2 ไม่ได้ เพราะโจทก์มีสิทธิที่จะนำพยานหลักฐานใดๆ มาสืบได้ ไม่จำต้องสืบพยานบุคคลเสมอไป และการนี้โจทก์ขอถือเอาพยานหลักฐานต่างๆ ในคดีอาญาเป็นพยานหลักฐานในคดีนี้ก็ถือได้ว่าโจทก์ได้สืบพยานแล้ว ใช้เป็นพยานหลักฐานประกอบการพิจารณาชี้ขาดคดีได้
จำเลยให้การว่า จำเลยออกเช็คให้กับผู้มีชื่อเป็นเวลากว่า 5 ปีแล้ว โจทก์กระทำการโดยไม่สุจริต ลงวันที่ในเช็คเองโดยจำเลยมิได้ยินยอม ถือว่าโจทก์มีเช็คไว้ครอบครองโดยมิชอบ จึงเป็นผู้ทรงโดยมิชอบ คำให้การเช่นนี้ไม่ถือว่าเป็นการยกอายุความขึ้นต่อสู้ เมื่อจำเลยมิได้ยกอายุความขึ้นต่อสู้ไว้ในศาลชั้นต้น จะยกขึ้นต่อสู้ในชั้นฎีกาไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1821/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารสัญญากู้ที่มิได้ปิดอากรแสตมป์ใช้เป็นหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ แม้จำเลยไม่ได้ให้การรับ
โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้ตามสัญญากู้จำนวนเงิน 2,000 บาท จำเลยให้การต่อสู้ว่า เงินจำนวนที่ฟ้องเป็นเงินมัดจำที่โจทก์จะต้องชำระให้แก่จำเลยตามสัญญาซื้อขาย เพื่อเป็นการตอบแทนในการที่จำเลยยอมถอนการจับจองที่ดินแล้วให้โจทก์เข้าจับจองแทนเงินมัดจำดังกล่าวได้ทำเป็นสัญญากู้กันไว้ ดังนี้ จะถือว่าจำเลยได้ให้การรับแล้วว่าได้กู้เงินโจทก์ดังที่กล่าวอ้างไม่ได้ โจทก์จึงยังมีหน้าที่นำสืบตามข้ออ้างของโจทก์อยู่
เอกสารสัญญากู้ที่โจทก์อ้างส่งศาลปรากฏว่ามิได้ปิดอากรแสตมป์ไว้ย่อมใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118 คดีจึงไม่อาจรับฟังได้ว่าโจทก์มีเอกสารสัญญากู้หรือมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดซึ่งมีลายมือชื่อจำเลยว่าเป็นผู้ยืมเงินโจทก์มาแสดง โจทก์ย่อมไม่อาจขอให้ศาลบังคับคดีตามคำขอของโจทก์ได้
ประมวลรัษฎากรมาตรา 118 เป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับการรับฟังพยานเอกสารเป็นการวางกฎเกณฑ์เพิ่มเติมขึ้นจากหลักทั่วไปที่มีบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งศาลจึงมีหน้าที่ที่จะต้องวินิจฉัยและรับฟังพยานหลักฐานต่าง ๆ ให้เป็นไปตามตัวบทกฎหมาย เมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยและรับฟังพยานหลักฐานผิดแผกไปจากตัวบทกฎหมาย จำเลยก็ชอบที่จะยกปัญหานี้ขึ้นอ้างอิงในชั้นอุทธรณ์ได้ เพราะจำเลยย่อมไม่อาจจะรู้ได้ล่วงหน้าจนกว่าจะได้รับทราบคำพิพากษาของศาลชั้นต้นนับได้ว่าเป็นพฤติการณ์นอกเหนือที่จำเลยไม่อาจบังคับได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1700/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของการท้าสาบานในคดีแพ่ง: การยอมแพ้คดีทั้งหมดและการรับผิดค่าเสียหาย
โจทก์ฟ้องอ้างว่านาพิพาทเป็นของโจทก์ ได้มาโดยนางสีทามารดายกให้แก่โจทก์แต่ผู้เดียว จำเลยบุกรุกเข้าแย่งทำนาของโจทก์ ขอให้ศาลพิพากษาว่านาพิพาทเป็นของโจทก์ให้จำเลยและบริวารออกไปจากที่พิพาท และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายปีละ 2,500 บาทจนกว่าจะออกไปจากที่พิพาท จำเลยให้การปฏิเสธว่านางสีทามารดาไม่ได้ยกนาพิพาทให้แก่โจทก์ โจทก์จำเลยครอบครองนาพิพาทร่วมกันมาเป็นส่วนสัด จำเลยไม่ได้เข้าแย่งทำนาของโจทก์ โจทก์ไม่ได้รับความเสียหาย ระหว่างสืบพยาน โจทก์จำเลยตกลงท้ากันว่า ถ้าโจทก์ยอมสาบานและดื่มน้ำสาบานต่อหน้าพระสังกัดจายวัดสระทอง ว่านางสีทายกนาพิพาทให้โจทก์ทั้งหมด จำเลยยอมแพ้คดี ถ้าโจทก์ไม่ยอมสาบานและดื่มน้ำสาบาน โจทก์ยอมแพ้คดี ดังนี้ เมื่อโจทก์ได้สาบานและดื่มน้ำสาบานตามคำท้าแล้วจำเลยย่อมจะต้องแพ้คดีทั้งหมด รวมทั้งต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ทั้งหมดตามฟ้อง จำเลยจะอ้างว่าศาลอาจกำหนดค่าเสียหายให้ได้ตามสมควรหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1279/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหลอกลวงเกี่ยวกับค่านายหน้าไม่ทำให้เกิดความผิดอาญา หากไม่ได้เงินจากโจทก์โดยตรง คดีเป็นเรื่องแพ่ง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ให้โจทก์เป็นนายหน้าหาคนซื้อที่ดินของจำเลยที่ 1 โดยตกลงให้ค่านายหน้าแก่โจทก์ร้อยละ 10 โจทก์ชักนำให้จำเลยที่ 2 ไปซื้อ จำเลยที่ 2 พา บ. และ ก. ไปซื้อ โดยโจทก์เป็นผู้จัดการให้จำเลยที่ 2 นำไปซื้อ ต่อมาเมื่อโจทก์สอบถามจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันทุจริตแจ้งข้อความอันเป็นเท็จปกปิดความจริงต่อโจทก์ โดยบอกว่ายังไม่ได้ขายที่ดินให้ใคร ซึ่งความจริงได้ขายให้ บ. และ ก. ไปแล้ว การแจ้งเท็จและปกปิดความจริง ทำให้จำเลยทั้งสองได้ไปซึ่งค่านายหน้าอันเป็นสิทธิของโจทก์เป็นเงิน 3,500 บาท ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ดังนี้ หากจะฟังว่าจำเลยหลอกลวงโจทก์ตามฟ้องจริง การหลอกลวงเช่นนั้นก็มิได้ทำให้จำเลยได้เงินไปจากโจทก์ซึ่งอ้างว่าถูกหลอกลวงหรือจากบุคคลที่สามแต่อย่างใด เงินที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ไปนั้นเป็นเพียงเงินค่านายหน้าซึ่งโจทก์ถือว่าตนมีสิทธิจะได้ และจำเลยไม่ชำระให้เท่านั้นเป็นเรื่องที่โจทก์จะต้องว่ากล่าวกันในทางแพ่ง การกระทำของจำเลยไม่มีมูลเป็นความผิดตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1251/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าฤชาธรรมเนียมในคดีที่จำเลยเป็นข้าราชการและแต่งตั้งอัยการเป็นทนาย
จำเลยถูกฟ้องเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ราชการ และได้แต่งตั้งพนักงานอัยการให้เป็นทนายความแก้ต่างตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 61 เมื่อจำเลยชนะคดี ศาลมีอำนาจที่จะให้โจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายแพ้คดีเสียค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงรวมทั้งค่าทนายความตามตาราง 6 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ให้แก่จำเลยได้ตามมาตรา 161 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1229/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องคดีละเมิดจากความประมาทเลินเล่อในคดีแพ่ง ต้องแสดงให้เห็นการกระทำที่ประมาทโดยชัดเจน
การฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อละเมิดอันเกิดจากความประมาทเลินเล่อในคดีแพ่งนั้น ต่างกับการฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานกระทำผิดอาญาโดยประมาท ซึ่งโจทก์จะต้องบรรยายฟ้องถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดโดยแน่ชัดดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158สำหรับคดีแพ่ง เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องแสดงว่าการละเมิดของผู้ทำละเมิดเป็นการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ก็พอทำให้เข้าใจได้แล้วว่าข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาของโจทก์มีอย่างไร
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังในการขับรถยนต์ของผู้ขับขี่รถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ล.บ.03951ของจำเลยที่ 3 กับ ย. ลูกจ้างขับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียนส.ค.00331 ของจำเลยที่ 1, 2 เป็นเหตุให้รถยนต์ทั้งสองคันดังกล่าวชนกัน และเนื่องจากการชนกันนี้เป็นเหตุให้ถังบรรจุขวดเบียร์และโซดาซึ่งบรรทุกอยู่บนรถยนต์บรรทุกคันหมายเลขทะเบียน ส.ค.00331 หล่นลงบนรถยนต์คันที่โจทก์ขับและเกิดระเบิดขึ้น เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตรายสาหัสเป็นการแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 892/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการเป็นโจทก์ร่วมในคดีอาญาของผู้เสียหายที่ได้รับกระทบจากคำเบิกความเท็จ ซึ่งเชื่อมโยงกับคดีแพ่งเรียกค่าเสียหาย
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเบิกความเท็จในคดีอาญาที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้อง ป.ในข้อหาฐานขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายว่า ป. ขับรถยนต์มาด้วยความเร็วปกติและได้ลดความเร็วลงเมื่อถึงทางโค้ง พอรถแฉลบผู้ตายสะดุ้งตื่นร้องโวยวาย และคว้ามือ ป. เป็นเหตุให้รถแฉลบจากถนนพลิกคว่ำ ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมอ้างว่าเป็นบุตรผู้ตาย ได้ยื่นฟ้องป. เป็นคดีแพ่ง เรียกค่าเสียหายเนื่องจาก ป. ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้มารดาผู้ร้องถึงแก่ความตาย และได้เข้าเป็นโจทก์ร่วมในคดีอาญาที่ ป.เป็นจำเลยดังกล่าวเช่นนี้ ผู้ร้องเป็นผู้เสียหายในคดีนี้โดยตรงและมีสิทธิยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมได้ เพราะผู้ร้องเป็นผู้เสียหายในคดีอาญาดังกล่าว และคำเบิกความเท็จในข้อสำคัญของจำเลยนี้ในคดีอาญาดังกล่าว ย่อมกระทบกระเทือนถึงผลของคดีแพ่งที่ผู้ร้องเป็นโจทก์ฟ้องป. โดยศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคดีอาญาดังกล่าวนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 38/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าหนี้มีสิทธิยึดทรัพย์เพื่อบังคับคดีได้ แม้จำเลยมีความผิดฐานเบิกความเท็จในคดีแพ่ง
จำเลยเป็นเจ้าหนี้โจทก์ตามคำพิพากษา เมื่อโจทก์ไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาในคดีนั้นให้จำเลย จำเลยย่อมมีอำนาจตามกฎหมายที่จะขอให้ศาลชั้นต้นสั่งเจ้าพนักงานบังคับคดียึดและประกาศขายทอดตลาดทรัพย์สินของโจทก์ แม้ภายหลังโจทก์จะฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญา และศาลพิพากษาคดีอาญาถึงที่สุดว่าจำเลยมีความผิดฐานเบิกความเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล และความเท็จนั้นเป็นข้อสำคัญในคดีแพ่งเกี่ยวกับอายุความที่โจทก์ตัดฟ้องไว้คำพิพากษาคดีอาญาในเรื่องที่จำเลยเบิกความเท็จ ก็หามีผลลบล้างคำพิพากษาในคดีแพ่งไม่
จำเลยอาจกระทำละเมิดต่อโจทก์ตามผลแห่งคำพิพากษาคดีอาญา แต่โจทก์มิได้ฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทน เพราะเหตุจำเลยเบิกความเท็จ กลับฟ้องคดีโดยมีมูลฟ้องว่า จำเลยรู้อยู่แล้วว่าคดีแพ่งที่จำเลยฟ้องนั้นขาดอายุความแล้ว และจำเลยเบิกความเท็จเกี่ยวกับวันตายของผู้กู้เงิน จนศาลพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานเบิกความเท็จคดีถึงที่สุดแล้ว จำเลยยังแถลงขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์สินของโจทก์ที่จำเลยยึดไว้อีก เป็นการละเมิดต่อโจทก์ ดังนี้จำเลยมีสิทธิที่จะกระทำเช่นนั้นได้ จึงยังถือไม่ได้ว่าการที่จำเลยขอประกาศขายทรัพย์สินที่ยึดภายหลังจากจำเลยรู้ว่าจำเลยมีความผิดในคดีอาญา เป็นการกระทำโดยไม่สุจริตและละเมิดต่อโจทก์ การยึดทรัพย์เพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษา ไม่เป็นลาภมิควรได้และการถอนการบังคับคดีจะพึงกระทำได้ก็ต้องขอและว่ากล่าวกันแต่ในคดีเดิมเมื่อมีกรณีตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 295
of 122