พบผลลัพธ์ทั้งหมด 886 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1451/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทราบคำฟ้องและการต่อสู้คดีของผู้ร้องสอด การยกข้อไม่ได้รับสำเนาฟ้องหลังยื่นคำให้การแล้วเป็นประโยชน์ที่ได้เปรียบ
ชั้นแรกโจทก์ได้ฟ้องผู้อื่นเป็นจำเลย และมีผู้ร้องสอดขอเข้าเป็นจำเลยและยื่นคำให้การต่อสู้คดีโจทก์อย่างชัดเจน ดังนี้แสดงว่า ผู้ร้องได้ทราบคำฟ้องและสำเนาหนังสือสัญญาท้ายฟ้องดีแล้ว ผู้ร้องสอดจะฎีกาว่าไม่ได้รับสำเนาฟ้อง และสำเนาสัญญาท้ายฟ้องไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1442/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาคดีลักทรัพย์: ความสอดคล้องของวันเวลาเกิดเหตุตามคำฟ้องและพยานหลักฐาน
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยทำผิดคืนวันที่ 3 เมษายน 2491เวลากลางคืน พยานโจทก์ว่าเกิดเหตุคืนวันแรม 9 ค่ำ เดือน4 เวลาประมาณ 5 นาฬิกา รุ่งขึ้นเป็นวันแรม 10 ค่ำซึ่งตรงกับวันที่ 3 เมษายน ดังนี้ ข้อเท็จจริงที่ได้ความตามทางพิจารณา หาต่างกับฟ้องไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 126/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องฐานยักยอกต้องชัดเจนว่าจำเลยขายทรัพย์สินแล้ว หากยังไม่ได้ขายถือว่าไม่ได้ยักยอก
คดีหาว่า จำเลยยักยอกแหวนของโจทก์ที่ฝากจำเลยขายนั้นคำฟ้องของโจทก์จะต้องปรากฏให้แจ้งชัดว่า จำเลยได้ขายแหวนที่ได้รับมอบหมายไปจากโจทก์แล้ว มิฉะนั้นจะกล่าวหาว่าจำเลยยักยอกแหวนมิได้
ฟ้องกล่าวว่า จำเลยรับแหวนไปแล้ว ไม่เอาแหวนหรือเงินมาให้โจทก์ครั้นโจทก์ทวงถามกลับโต้เถียงว่าคืนให้แล้วนั้น เป็นแต่แสดงเหตุที่ทำให้โจทก์รู้สึกตัวว่าถูกโกงเท่านั้น หาใช่เป็นการยืนยันข้อเท็จจริงว่าจำเลยไม่ได้ขายแหวน แต่ยักยอกเสีย อันเป็นองค์ความผิดฐานยักยอกแหวนให้แน่ชัดลงไปไม่ จึงเป็นฟ้องที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และศาลจะสั่งให้โจทก์แก้ หรือเพิ่มเติมข้อเท็จจริงขึ้นใหม่ก็ไม่ได้เพราะฟ้องขาดข้อเท็จจริงที่เป็นองค์ความผิด ทั้งโจทก์ก็ไม่ได้ขอแก้ฟ้อง ต้องพิพากษายกฟ้อง
ฟ้องกล่าวว่า จำเลยรับแหวนไปแล้ว ไม่เอาแหวนหรือเงินมาให้โจทก์ครั้นโจทก์ทวงถามกลับโต้เถียงว่าคืนให้แล้วนั้น เป็นแต่แสดงเหตุที่ทำให้โจทก์รู้สึกตัวว่าถูกโกงเท่านั้น หาใช่เป็นการยืนยันข้อเท็จจริงว่าจำเลยไม่ได้ขายแหวน แต่ยักยอกเสีย อันเป็นองค์ความผิดฐานยักยอกแหวนให้แน่ชัดลงไปไม่ จึงเป็นฟ้องที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และศาลจะสั่งให้โจทก์แก้ หรือเพิ่มเติมข้อเท็จจริงขึ้นใหม่ก็ไม่ได้เพราะฟ้องขาดข้อเท็จจริงที่เป็นองค์ความผิด ทั้งโจทก์ก็ไม่ได้ขอแก้ฟ้อง ต้องพิพากษายกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 992/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องคดีแพ่งไม่เคลือบคลุม แม้ไม่ระบุวันเดือนปีเกิดสัญญา หากข้อหาและข้อต่อสู้ชัดเจน
ข้อความที่จะต้องกล่าวในคำฟ้องที่แพ่งนั้น ย่อมต่างกับฟ้องคดีอาญา เพราะในคดีแพ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสิทธิหน้าที่และความรับผิดชอบ ฉะนั้นรายละเอียดเกี่ยวกับเวลาสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำบางอย่าง จึงมิใช่ข้อสำคัญที่จะต้องกล่าวในคำฟ้องคดีแพ่งอย่างที่บังคับไว้ในมาตรา 158 ป.ม.วิ.อาญาในคดีแพ่งมีบทบังคับไว้ในมาตรา 172 ป.ม.วิ.แพ่งแล้ว
โจทก์กล่าวในคำฟ้องได้ความว่า เมื่อวันเวลาใดจำไม่ได้ราวเดือน มีนาคม 2489 จำเลยได้ตกลงขายนาให้โจทก์ บัดนี้ถึงกำหนดโอนกันแล้ว จำเลยกลับบิดพริ้วไม่ยอมโอน ทั้งฝ่ายจำเลยให้การต่อสู้ว่า จำเลยไม่ได้ทำสัญญาจะขายที่นาให้แก่โจทก์ดังฟ้องเลย ดังนี้ สภาพแห่งข้อหาของโจทก์ก็ดี ข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นก็ดี ได้ปรากฏแจ้งชัดในคำฟ้องนั้นแล้ว โดยจำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี จึงได้ปฏิเสธว่าไม่เคยทำสัญญาเช่นว่านั้นกับโจทก์เลย ฟ้องของโจทก์จึงถูกต้องตามกฎหมายแล้ว
โจทก์กล่าวในคำฟ้องได้ความว่า เมื่อวันเวลาใดจำไม่ได้ราวเดือน มีนาคม 2489 จำเลยได้ตกลงขายนาให้โจทก์ บัดนี้ถึงกำหนดโอนกันแล้ว จำเลยกลับบิดพริ้วไม่ยอมโอน ทั้งฝ่ายจำเลยให้การต่อสู้ว่า จำเลยไม่ได้ทำสัญญาจะขายที่นาให้แก่โจทก์ดังฟ้องเลย ดังนี้ สภาพแห่งข้อหาของโจทก์ก็ดี ข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นก็ดี ได้ปรากฏแจ้งชัดในคำฟ้องนั้นแล้ว โดยจำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี จึงได้ปฏิเสธว่าไม่เคยทำสัญญาเช่นว่านั้นกับโจทก์เลย ฟ้องของโจทก์จึงถูกต้องตามกฎหมายแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 992/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องคดีแพ่งไม่จำเป็นต้องระบุวันเดือนปีที่แน่นอน หากข้อหาและข้อต่อสู้ชัดเจน
ข้อความที่จะต้องกล่าวในคำฟ้องคดีแพ่งนั้น ย่อมต่างกับฟ้องคดีอาญาเพราะในคดีแพ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสิทธิหน้าที่และความรับผิดฉะนั้นรายละเอียดเกี่ยวกับเวลาสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำบางอย่าง จึงมิใช่ข้อสำคัญที่จะต้องกล่าวในคำฟ้องคดีแพ่ง อย่างที่บังคับไว้ในมาตรา 158 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาในคดีแพ่งมีบทบังคับไว้ในมาตรา 172 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งแล้ว
โจทก์กล่าวในคำฟ้องได้ความว่าเมื่อวันเวลาใดจำไม่ได้ราวเดือนมีนาคม 2489 จำเลยได้ตกลงขายนาให้โจทก์บัดนี้ถึงกำหนดโอนกันแล้วจำเลยกลับบิดพริ้วไม่ยอมโอน ทั้งฝ่ายจำเลยให้การต่อสู้ว่า จำเลยไม่ได้ทำสัญญาจะขายที่นาให้แก่โจทก์ดังฟ้องเลย ดังนี้ สภาพแห่งข้อหาของโจทก์ก็ดี ข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นก็ดี ได้ปรากฏแจ้งชัดในคำฟ้องนั้นแล้ว โดยจำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี จึงได้ปฏิเสธว่าไม่เคยทำสัญญาเช่นว่านั้นกับโจทก์เลย ฟ้องของโจทก์จึงถูกต้องตามกฎหมายแล้ว
โจทก์กล่าวในคำฟ้องได้ความว่าเมื่อวันเวลาใดจำไม่ได้ราวเดือนมีนาคม 2489 จำเลยได้ตกลงขายนาให้โจทก์บัดนี้ถึงกำหนดโอนกันแล้วจำเลยกลับบิดพริ้วไม่ยอมโอน ทั้งฝ่ายจำเลยให้การต่อสู้ว่า จำเลยไม่ได้ทำสัญญาจะขายที่นาให้แก่โจทก์ดังฟ้องเลย ดังนี้ สภาพแห่งข้อหาของโจทก์ก็ดี ข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นก็ดี ได้ปรากฏแจ้งชัดในคำฟ้องนั้นแล้ว โดยจำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี จึงได้ปฏิเสธว่าไม่เคยทำสัญญาเช่นว่านั้นกับโจทก์เลย ฟ้องของโจทก์จึงถูกต้องตามกฎหมายแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 875/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อแตกต่างเล็กน้อยในคำฟ้องไม่ถึงขั้นทำให้ศาลต้องยกฟ้อง หากไม่เป็นสาระสำคัญ
การต่างกันในข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณากับที่ปรากฏในฟ้อง ซึ่งเป็นเหตุให้ศาลต้องยกฟ้องตาม ป.ม.วิ.อาญา มาตรา 192 วรรค 2 นั้น จะต้องเป็นข้อเท็จจริงที่เป็นสาระสำคัญในคำฟ้อง
ในคดีลักทรัพย์ การแตกต่างเพียงคำนำหน้าชื่อเจ้าทรัพย์ว่า "นาย" หรือ "นาง" นั้น เป็นข้อปลีกย่อย หาทำให้จำเลยหลงผิดในการต่อสู้คดีอย่างใดไม่
ในคดีลักทรัพย์ การแตกต่างเพียงคำนำหน้าชื่อเจ้าทรัพย์ว่า "นาย" หรือ "นาง" นั้น เป็นข้อปลีกย่อย หาทำให้จำเลยหลงผิดในการต่อสู้คดีอย่างใดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 875/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อแตกต่างข้อเท็จจริงในคำฟ้องกับทางพิจารณาต้องเป็นสาระสำคัญจึงจะยกฟ้องได้
การต่างกันในข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณากับที่ปรากฏในฟ้อง ซึ่งเป็นเหตุให้ศาลต้องยกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง นั้น จะต้องเป็นข้อเท็จจริงที่เป็นสาระสำคัญในคำฟ้อง
ในคดีลักทรัพย์ การแตกต่างเพียงคำนำหน้าชื่อเจ้าทรัพย์ว่า"นาย" หรือ "นาง" นั้นเป็นข้อปลีกย่อย หาทำให้จำเลยหลงผิดในการต่อสู้คดีอย่างใดไม่
ในคดีลักทรัพย์ การแตกต่างเพียงคำนำหน้าชื่อเจ้าทรัพย์ว่า"นาย" หรือ "นาง" นั้นเป็นข้อปลีกย่อย หาทำให้จำเลยหลงผิดในการต่อสู้คดีอย่างใดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 597/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความแตกต่างของวันเกิดเหตุในคำฟ้องและคำเบิกความ ทำให้จำเลยไม่ต้องรับผิด
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยลักทรัพย์เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2490 พยานโจทก์เบิกความว่า จำเลยลักทรัพย์เมื่อวันที่12 มิถุนายน 2490 ต้องถือว่า จำเลยไม่ได้ทำความผิดดังที่กล่าวในฟ้อง ต้องยกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 285/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการฟ้องคดีที่ดิน: การจำกัดเนื้อที่พิพาทตามคำฟ้อง และผลกระทบต่อการชี้ขอบเขตที่ดิน
โจทก์ฟ้องตั้งพิพาทแต่ฉะเพาะ+ เนื้อที่ประมาณ 10 ตารางวาเท่านั้น แม้คำขอท้ายฟ้องจะขอให้ห้ามจำเลยไม่ให้เกี่ยวข้องกับที่ดินของโจทก์ ก็่ย่อมต้องหมายว่าที่ดินของโจทก์ที่พิพาทกันนั้นเท่านั้น
ในการรังวัดทำแผนที่พิพาท โจทก์จะเที่ยวนำชี้ที่ดินตอนอื่นนอกเหนือไปจากที่ดินพิพาทอย่างไรนั้น หาทำให้เป็นการแก้ฟ้องให้คลุมไปถึงที่ดินอื่นไม่
ในการรังวัดทำแผนที่พิพาท โจทก์จะเที่ยวนำชี้ที่ดินตอนอื่นนอกเหนือไปจากที่ดินพิพาทอย่างไรนั้น หาทำให้เป็นการแก้ฟ้องให้คลุมไปถึงที่ดินอื่นไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 128/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาพยานหลักฐาน ศาลต้องพิจารณาประกอบกันทั้งหมด ไม่ยึดถือเพียงพยานที่ขัดแย้งกับคำฟ้อง
ศาลจำต้องพิเคราะห์คำพยานประกอบกันทั้งหมดแล้ววินิจฉัยตามเหตุผลที่ควรจะเป็นจริง จะถือเอาคำพยานของโจทก์เพียงบางปากที่เบิกความเป็นปรปักษ์ต่อคำฟ้องของโจทก์ขึ้นชี้ขาดนั้นหาควรไม่
เจ้าทรัพย์และบุตรเบิกความในชั้นศาลว่าเกิดเหตุวันแรม2 ค่ำแต่คำพยานปากอื่นๆ ของโจทก์ตลอดจนพนักงานสอบสวนผู้สอบสวนภายหลังเกิดเหตุเพียง 2 วัน ก็ว่าประจักษ์พยานของโจทก์ทุกปาก ยืนยันในชั้นสอบสวนว่า เหตุเกิดวันแรม 1 ค่ำตรงกับฟ้องทั้งนั้น ดังนี้ ย่อมฟังได้ว่า เกิดเหตุวันแรม 1 ค่ำ
เจ้าทรัพย์และบุตรเบิกความในชั้นศาลว่าเกิดเหตุวันแรม2 ค่ำแต่คำพยานปากอื่นๆ ของโจทก์ตลอดจนพนักงานสอบสวนผู้สอบสวนภายหลังเกิดเหตุเพียง 2 วัน ก็ว่าประจักษ์พยานของโจทก์ทุกปาก ยืนยันในชั้นสอบสวนว่า เหตุเกิดวันแรม 1 ค่ำตรงกับฟ้องทั้งนั้น ดังนี้ ย่อมฟังได้ว่า เกิดเหตุวันแรม 1 ค่ำ