พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,243 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2414/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนเงินของกลางที่ผู้เสียหายมิได้เป็นเจ้าของ และการคำนวณค่าสินไหมทดแทนที่ถูกต้อง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยปล้นเอาธนบัตร 4,000 บาทของเจ้าทรัพย์ไป ต่อมาจับจำเลยได้และได้ธนบัตรรวม 1,780 บาทจากจำเลยที่ 2 เป็นของกลาง ขอให้ลงโทษและคืนธนบัตร 1,780 บาทของกลางแก่เจ้าทรัพย์และให้จำเลยคืนหรือใช้ธนบัตรอีก 2,220 บาท ที่ยังไม่ได้คืนแก่เจ้าทรัพย์ด้วย เมื่อเงินของกลาง 1,780 บาทนี้ผู้เสียหายมิได้เป็นเจ้าของ แม้จะเป็นของคนร้ายที่ร่วมปล้นซึ่งต้องใช้คืนผู้เสียหายอยู่แล้ว การที่จะพิพากษาให้คืนแก่ผู้เสียหายนั้น ย่อมไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 49, 50 และเมื่อเงินของกลางนี้ไม่อาจถือว่าเป็นค่าสินไหมทดแทนอันผู้เสียหายจะพึงได้รับด้วยการที่ศาลสั่งคืนให้แล้วก็ย่อมไม่ต้องนำไปหักออกจากจำนวนค่าเสียหายทั้งหมดที่โจทก์คิดคำนวณมาในฟ้อง จำนวนเงิน 1,780 บาทนี้จึงกลับไปรวมอยู่ในจำนวนค่าเสียหาย 4,000 บาทซึ่งโจทก์ฟ้องว่าผู้เสียหายพึงได้รับค่าสินไหมทดแทน ศาลย่อมพิพากษาให้จำเลยร่วมกันคืนหรือใช้เงิน 4,000 บาท แก่ผู้เสียหายธนบัตรของกลาง 1,780 บาทให้คืนจำเลยที่ 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2197/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าบริการโรงแรมไม่ใช่ทรัพย์สินที่สูญเสียไปจากความผิดอาญา ผู้เสียหายไม่มีสิทธิเรียกร้อง
เงินค่าเข้าอยู่ในโรงแรมเป็นเพียงเงินค่าบริการที่ผู้เสียหายควรจะได้มาเท่านั้น ไม่ใช่ทรัพย์สินหรือราคาที่ผู้เสียหายได้สูญเสียไปเนื่องจากการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 345พนักงานอัยการจึงไม่มีสิทธิเรียกเงินดังกล่าวแทนผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2025/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยายามกรรโชก: การข่มขู่เรียกทรัพย์สินและการปฏิเสธของผู้เสียหาย
จำเลยที่ 1 กับ ส. เข้าไปในร้านของผู้เสียหายส. พูดกับผู้เสียหายว่าขอเงิน 100 บาท จะเอาไปซ่อมปืน ผู้เสียหายตอบว่าไม่มี ส. พูดว่าให้คิดให้ดี ๆ ชีวิตผู้เสียหายสำคัญกว่า พวกของ ส. มีมาก และชี้ให้ดูพวกที่ยืนอยู่ที่ถนนนอกร้านประมาณ 20 คน พอดีมีคนเข้ามาในร้าน ผู้เสียหายจึงถือโอกาสหลบหนีไป ต่อมาอีก 2 วัน จำเลยที่ 1 ถือจดหมายของ ส. มาอ่านให้ผู้เสียหายฟังว่าต้องการเงิน 500 บาทผู้เสียหายบอกว่าไม่มีเงิน จำเลยที่ 1 ว่า เย็นนี้รู้กัน หลังจากนั้นจำเลยที่ 1 ไปที่ร้านผู้เสียหายอีกและถูกตำรวจจับได้ การที่ผู้เสียหายตอบจำเลยที่ 1 ว่าไม่มีเงินย่อมเห็นได้ชัดว่าเป็นคำตอบปฏิเสธว่าไม่ยอมให้เงินหรือยอมรับว่าจะให้เงินแก่จำเลยที่ 1 กับพวกตามที่จำเลยที่ 1 กับพวกขู่เข็ญข่มขืนใจ การกระทำของจำเลยที่ 1 อยู่ในขั้นพยายามกระทำความผิดฐานกรรโชก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1880/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีอาญาจากเอกสารที่ถูกปกปิด: โจทก์ไม่เป็นผู้เสียหายโดยตรง
ศาลหมายเรียกเอกสารไปยังจำเลยให้ส่งมาศาลตามคำขอของโจทก์ (ราษฎร) เมื่อจำเลยไม่ส่งเอกสารมาให้โดยอ้างว่าเอกสารนั้นไม่มี ทั้งที่เอกสารนั้นมีอยู่ก็เป็นความผิดที่กระทำต่อศาลซึ่งเป็นเจ้าพนักงานในการยุติธรรม โจทก์หาใช่ผู้เสียหายโดยตรงในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 170 ไม่ และการกระทำของจำเลยไม่เข้าลักษณะเป็นความผิด ตามมาตรา 187, 188
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1718/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องอาญาฐานนำสืบพยานหลักฐานเท็จต้องมีผู้เสียหายโดยตรงและเอกสารเท็จต้องถูกนำสืบต่อศาล
เดิม จำเลยที่ 1 เป็นลูกหนี้ ร. ตามคำพิพากษา โจทก์เข้าเป็นผู้ค้ำประกันการชำระหนี้ของจำเลยที่ 1 ระหว่างอุทธรณ์ ต่อมาคดีถึงที่สุดร. ดำเนินการบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยที่ 1 และของโจทก์ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกัน เพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้ จำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 3ผู้รับมอบอำนาจได้ร้องขัดทรัพย์ที่ยึดของจำเลยที่ 1 อ้างว่าเป็นของจำเลยที่ 2 ซื้อจากจำเลยที่ 1 โดยมีหนังสือสัญญาซื้อขาย แต่ก่อนที่จะมีการพิจารณาคดีมูลกรณีจะเป็นเอกสารผู้ร้องขัดทรัพย์ได้ถอนคำร้องขัดทรัพย์ และร. ได้ถอนการยึดทรัพย์ของจำเลยที่ 1 แม้หนังสือสัญญาซื้อขายนั้นอันเป็นเอกสารเท็จ แต่จำเลยยังไม่ทันได้อ้างต่อศาลในการพิจารณาคดีร้องขัดทรัพย์ ทั้งในคดีร้องขัดทรัพย์นั้น โจทก์หาได้เป็นคู่ความด้วยไม่ โจทก์จึงยังไม่ได้รับความเสียหาย ไม่อยู่ในฐานะเป็นผู้เสียหายที่จะมีอำนาจฟ้องจำเลยฐานนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 180 ได้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 103/2496)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11-15/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้รับเช็คที่ชำระหนี้แทนภายหลังเช็คเด้ง ไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจร้องทุกข์
จำเลยออกเช็คชำระหนี้ค่าซื้อยาให้แก่บริษัท ท. เมื่อเช็คขึ้นเงินไม่ได้เพราะธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ม. ผู้จัดการบริษัท ท.ได้เอาเงินส่วนตัวของ ม. ชำระให้บริษัท ท. แทนไปแล้วรับเช็คดังกล่าวมา ดังนี้ม. ได้รับเช็คนั้นมาหลังจากความผิดเกิดขึ้นแล้ว ม. จึงไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีอำนาจร้องทุกข์หรือเข้าร่วมเป็นโจทก์ในคดีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11-15/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีเช็ค: ผู้รับเช็คที่ชำระเงินแทน ไม่ใช่ผู้เสียหายและไม่มีอำนาจร้องทุกข์
จำเลยออกเช็คชำระหนี้ให้แก่บริษัท ท. เมื่อเช็คขึ้นเงินไม่ได้เพราะธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ม. ผู้จัดการบริษัท ท.ได้เอาเงินส่วนตัวชำระให้บริษัทท. แทนแล้วรับเช็คดังกล่าวมา ดังนี้ ม. ได้รับเช็คมาหลังจากความผิดเกิดขึ้นแล้ว ม. จึงไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีอำนาจร้องทุกข์หรือเข้าร่วมเป็นโจทก์ ในคดีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 891/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ธุระจัดหาโสเภณีและการกักขัง ทำให้ผู้เสียหายปราศจากเสรีภาพ
จำเลยกับพวกพาผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิงโสเภณีอายุ 17 ปีไปอยู่ในซ่องโสเภณีของจำเลย แล้วให้รับจ้างร่วมประเวณีกับชายอื่น เช่นนี้ แม้ผู้เสียหายจะสมัครใจไปกับจำเลยและตกลงยินยอมรับจ้างร่วมประเวณีกับชายอื่นต่อมาก็ตามก็ถือว่าจำเลยเป็นธุระจัดหา ล่อไปหรือชักพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งหญิงอายุยังไม่เกิน 18 ปีมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282
ส่วนที่จำเลยกักตัวผู้เสียหายไว้ในห้อง ใส่กุญแจขังไว้ผู้เสียหายจะทำอะไรก็มีผู้ชายคอยควบคุมอยู่ตลอดเวลานั้นเป็นการทำให้ผู้เสียหายปราศจากเสรีภาพในร่างกาย จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 310อีกกระทงหนึ่งด้วย
ส่วนที่จำเลยกักตัวผู้เสียหายไว้ในห้อง ใส่กุญแจขังไว้ผู้เสียหายจะทำอะไรก็มีผู้ชายคอยควบคุมอยู่ตลอดเวลานั้นเป็นการทำให้ผู้เสียหายปราศจากเสรีภาพในร่างกาย จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 310อีกกระทงหนึ่งด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 439/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดูหมิ่นซึ่งหน้าด้วยถ้อยคำหยาบคายและอ้างอิงถึงร่างกาย ทำให้ผู้เสียหายได้รับความอับอาย
จำเลยร้องด่าผู้เสียหายว่า 'ออกมาซิกูจะจับหีมึงให้มึงดู' และ 'มึงไปเล่าใหม่ซิว่ากูจับหีมึง' ต่อหน้าคนเดินผ่านไปมาประกอบกับผู้เสียหายเป็นหญิงสาวเช่นนี้ ย่อมทำให้ผู้เสียหายได้รับความอับอายขายหน้า จึงเป็นถ้อยคำดูหมิ่นผู้เสียหายซึ่งหน้า ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2212/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องอาญา: การนับวันหยุดราชการและสิทธิฟ้องเองของผู้เสียหาย
กำหนดเวลาที่ให้ผู้เสียหายร้องทุกข์ภายใน 3 เดือนนับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำผิด มิฉะนั้นจะเป็นอันขาดอายุความนั้น เป็นบทบัญญัติสำหรับกรณีที่ผู้เสียหายจะร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ฯลฯ แต่ถ้าผู้เสียหายไม่ร้องทุกข์เสียก่อน จะใช้สิทธินำคดีมาฟ้องต่อศาลด้วยตนเองก็ย่อมกระทำได้ภายในกำหนดระยะเวลาเดียวกัน แต่เมื่อวันสุดท้ายแห่งระยะเวลาเป็นวันหยุด ซึ่งตามประเพณีงดเว้นการงานท่านให้นับวันที่เริ่มทำงานใหม่เข้าด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 161 ดังนั้น การที่ระยะเวลาที่ผู้เสียหายจะร้องทุกข์ในคดีนี้ได้สิ้นสุดลงในวันที่ 24 อันเป็นวันหยุดราชการ ผู้เสียหายยื่นฟ้องคดีต่อศาลในวันที่ 25ซึ่งเป็นวันเริ่มทำงานใหม่ ฟ้องของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ