พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,913 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2289/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งประเมินภาษีหลังศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์มิใช่การขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย ผู้คัดค้านมีสิทธิอุทธรณ์
การที่ผู้ร้องแจ้งการประเมินเพื่อเรียกเก็บภาษีโรงเรือนและที่ดินไปยังเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ผู้คัดค้านเพื่อให้ชำระภาษีโรงเรือนและที่ดินของลูกหนี้ซึ่งเป็นเวลาภายหลังจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดลูกหนี้แล้วเป็นการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติ ภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 เพื่อให้ผู้คัดค้านซึ่งมีอำนาจจัดการทรัพย์สินของลูกหนี้ชำระภาษีดังกล่าวหรือหากเห็นว่าการประเมินไม่ถูกต้องผู้คัดค้านก็อุทธรณ์โต้แย้งการประเมินต่อผู้ร้องได้ตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินพ.ศ. 2475 ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ผู้ร้องขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายการที่ผู้คัดค้านมีหนังสือตอบผู้ร้องว่าผู้คัดค้านไม่อาจยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษี เป็นการแจ้งความคิดเห็นของผู้คัดค้านไปยังผู้ร้องเท่านั้น ไม่ทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหายตามความหมายแห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 146 สิทธิของผู้ร้องในการที่จะบังคับชำระค่าภาษีมิได้เปลี่ยนแปลงไปตามความเห็นของผู้คัดค้าน ผู้ร้องไม่อาจร้องคัดค้านเป็นคดีนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2289/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งประเมินภาษีไม่ใช่การขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย สิทธิในการบังคับชำระภาษียังคงมีอยู่
การที่ผู้ร้องแจ้งการประเมินเพื่อเรียกเก็บภาษีโรงเรือนและที่ดินไปยังผู้คัดค้าน ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ผู้ร้องขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย การที่ผู้คัดค้านมีหนังสือตอบผู้ร้องว่าผู้คัดค้านไม่อาจยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีเป็นการแจ้งความคิดเห็นของผู้คัดค้านไปยังผู้ร้องเท่านั้น ความเห็นของผู้คัดค้านดังกล่าวไม่ทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหายตามความหมายแห่งพระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 146 ผู้ร้องไม่อาจร้องคัดค้านเป็นคดีนี้ได้ ประเด็นนี้แม้คู่ความมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาก่อน แต่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2286/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจคัดค้านการขายทอดตลาดทรัพย์ในคดีล้มละลาย: จำเลยมีสิทธิคัดค้านหากราคาต่ำกว่าราคาประเมิน
การที่จำเลยในคดีล้มละลายยื่นคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาดทรัพย์ในคดีของตน เป็นกรณีที่จำเลยทั้งสองร้องคัดค้านการกระทำของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 146 ไม่ใช่เป็นเรื่องเกี่ยวกับอำนาจจัดการทรัพย์สินของจำเลยตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 22 แม้การขายทอดตลาดจะดำเนินการตามขั้นตอนโดยชอบด้วยกฎหมายแต่การที่ผู้ซื้อทรัพย์เสนอราคาที่ต่ำกว่าราคาที่ซื้อขายในขณะนั้นและต่ำกว่าราคาประเมินของสำนักงานวางทรัพย์กลาง และปรากฏว่าเป็นการขายทอดตลาดครั้งแรกและผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ผู้รับจำนองได้คัดค้านว่าเป็นราคาต่ำไป จึงไม่สมควรที่จะอนุญาตให้ขายไปควรให้เลื่อนการขายทอดตลาดไปก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2215/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในการเรียกหนี้จากคู่สัญญาหลังการล้มละลาย: การแจ้งความ vs. การฟ้อง
ผู้ร้อง ทำ สัญญา เช่า โรงงาน ประกอบ รถยนต์ ซึ่ง เป็น ทรัพย์ ใน กอง ทรัพย์สิน ของ จำเลย กับ เจ้าพนักงาน พิทักษ์ทรัพย์ หลังจาก ศาล มี คำสั่ง พิทักษ์ทรัพย์ จำเลย เด็ดขาด แล้ว กรณี จึงเป็น เรื่อง ที่ เจ้าพนักงาน พิทักษ์ทรัพย์ เข้า จัดการ ทรัพย์สิน ของ จำเลย ตาม พระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 22(1) ฉะนั้น เมื่อ มี ข้อโต้แย้ง เกี่ยวกับ สิทธิ และ หน้าที่ อัน เนื่อง มา จาก สัญญา เช่า ระหว่าง เจ้าพนักงาน พิทักษ์ทรัพย์ กับ ผู้ร้อง เจ้าพนักงาน พิทักษ์ทรัพย์ ก็ ชอบ ที่ จะ ใช้ สิทธิ ฟ้อง ผู้ร้อง ตาม มาตรา 22(3) จะ ใช้ วิธี แจ้งความ เป็น หนังสือ ให้ ผู้ร้อง ชำระเงิน ตาม มาตรา 119 หา ได้ ไม่ เพราะ ไม่ ใช่ กรณี ที่ จำเลย มี สิทธิ เรียกร้อง ต่อ ผู้ร้อง อัน เจ้าพนักงาน พิทักษ์ทรัพย์ จะ จัด การ รวบ รวม ทรัพย์สิน ของ จำเลย ตาม มาตรา 22(1) ปัญหา นี้ เป็น ปัญหา ข้อกฎหมาย อัน เกี่ยว ด้วย ความ สงบ เรียบร้อย ของ ประชาชน ผู้ร้อง ยกขึ้น ฎีกา ได้ แม้ จะ ไม่ ได้ ยก ขึ้น ว่า กัน มา แล้ว ใน ศาลล่าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2172/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนที่ดินก่อนล้มละลาย: การจดทะเบียนแก้ไขชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ มิใช่การโอนทรัพย์สินเพื่อเลี่ยงการบังคับชำระหนี้
ที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้คัดค้านที่ 1 และ ส. มิใช่ทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 การที่จำเลยที่ 1 จดทะเบียนการโอนที่ดินดังกล่าว เป็นเพียงจดทะเบียนใส่ชื่อผู้คัดค้านที่ 1 และ ส.เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินให้ถูกต้องตามความเป็นจริงเท่านั้นหาใช่เป็นกรณีที่จำเลยที่ 1 โอนทรัพย์สินหรือกระทำการใด ๆเกี่ยวกับทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ซึ่งจำเลยที่ 1 ได้กระทำหรือยินยอมให้กระทำในระหว่างระยะเวลาสามปีก่อนมีการขอให้ล้มละลายและภายหลังนั้น อันจะทำให้ผู้ร้องมีสิทธิขอให้เพิกถอนตามพระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 114 ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2054/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนทรัพย์สินล้มละลาย: การจดทะเบียนชื่อไม่ถือเป็นการโอนกรรมสิทธิ์จริง
การใส่ชื่อผู้คัดค้านที่ 1 เป็นเจ้าของรถยนต์ของจำเลยที่ 1เป็นการใส่ชื่อไว้เฉย ๆ โดยไม่มีการซื้อขายและส่งมอบรถยนต์ให้แก่กัน จำเลยที่ 2 ยังคงครอบครองและใช้ประโยชน์จากรถยนต์นั้นอยู่ การมีชื่อในทะเบียนรถยนต์มิใช่ข้อชี้ว่า ผู้มีชื่อเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในรถยนต์นั้นหรือเป็นผู้ได้รับโอนรถยนต์มาเป็นของตนแล้ว เมื่อจำเลยที่ 1 มิได้โอนรถยนต์ตามคำร้องให้ผู้คัดค้านที่ 1 ผู้คัดค้านที่ 1 เพียงมีชื่อเป็นผู้รับโอน และผู้โอนในเอกสารแบบเรื่องราวขอโอนและรับโอนเท่านั้น กรณียังถือไม่ได้ว่าผู้คัดค้านที่ 1 รับโอนรถยนต์มาจากจำเลยที่ 1 แล้ว จึงไม่มีการโอนทรัพย์สินระหว่างจำเลยที่ 1 กับผู้คัดค้านที่ 1 ที่จะเพิกถอนตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 114
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 195/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ถือหุ้นจำกัด ไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียในคดีล้มละลายของบริษัท จึงไม่มีสิทธิร้องสอด
การที่ศาลมีคำสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดหรือพิพากษาให้จำเลยซึ่งเป็นบริษัทจำกัดล้มละลาย ย่อมมีผลกระทบเฉพาะต่อสิทธิของจำเลยในการจัดการทรัพย์สินหรือกิจการของจำเลยเท่านั้น หาได้มีผลทำให้ผู้ถือหุ้นซึ่งรับผิดจำกัดเพียงไม่เกินจำนวนเงินที่ตนยังส่งใช้ไม่ครบมูลค่าของหุ้นที่ตนถือต้องถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดหรือตกเป็นบุคคลล้มละลายด้วยไม่ ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นจึงไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียโดยตรงในผลแห่งคดี ไม่มีสิทธิร้องขอเข้ามาเป็นคู่ความด้วยการร้องสอด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 194/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคำนวณดอกเบี้ยในคดีล้มละลาย: การใช้จำนวนวันในปีที่มีกุมภาพันธ์ 366 วัน
การคำนวณระยะเวลาประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 193/5 บัญญัติให้คำนวณตามปีปฏิทิน ปรากฏว่าในปี พ.ศ. 2531 เดือนกุมภาพันธ์ มี 29 วัน ดังนั้น ปีพ.ศ. 2531 จึงมี 366 วัน การคิดคำนวณดอกเบี้ยเฉพาะในปี พ.ศ. 2531 จึงต้อง ใช้ระยะเวลา 366 วัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1915/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ไม่สูญจากคำสั่งยกเลิกการล้มละลาย เจ้าหนี้มีสิทธิขอรับชำระหนี้ได้อีก
พระราชบัญญัติ ญญัติล้มละลายฯ มาตรา 136 บัญญัติว่า คำสั่งยกเลิกการล้มละลายตามมาตรา 135(1) หรือ (2) นั้น ไม่ทำให้ลูกหนี้หลุดพ้นหนี้สินแต่อย่างใด กฎหมายดังกล่าวมิได้ยกเว้นว่าหนี้ใดจะต้องหลุดพ้นเพราะคำสั่งยกเลิกการล้มละลาย จึงแปลได้ว่า หนี้สินทุกชนิดที่ลูกหนี้มีอยู่ก่อนฟ้องอย่างไรก็คงเป็นหนี้อยู่เช่นเดิมอย่างนั้น เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในคดีล้มละลายเคยมีคำสั่งไม่รับคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้เพราะยื่นพ้นกำหนด 2 เดือนตามพระราชบัญญัติ ล้มละลายฯ มาตรา 91 แต่เมื่อศาลชั้นต้นยกเลิกการล้มละลายแล้วหนี้ดังกล่าวย่อมกลับสภาพเป็นหนี้ที่สมบูรณ์อันทำให้เจ้าหนี้มีสิทธินำมาฟ้องบังคับคดีได้ รวมถึงการนำมาขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในคดีล้มละลายคดีใหม่ได้ด้วย หาใช่ไม่มีมูลหนี้ที่จะนำมาขอรับชำระหนี้ได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1915/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งยกเลิกการล้มละลายไม่ทำให้หนี้สูญเสียไป เจ้าหนี้มีสิทธิขอรับชำระหนี้ได้
ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 136 บัญญัติว่าคำสั่งยกเลิกการล้มละลายตามมาตรา 135(1) หรือ (2) นั้น ไม่ทำให้ลูกหนี้หลุดพ้นหนี้สินแต่อย่างใด แสดงว่ากฎหมายดังกล่าวมิได้ยกเว้นไว้ว่าหนี้ใดจะต้องหลุดพ้นเพราะคำสั่งยกเลิกการล้มละลายจึงแปลว่าหนี้สินทุกชนิดที่มีอยู่ก่อนฟ้อง แม้ในคดีนี้จะได้ความว่าเจ้าหนี้เคยฟ้องลูกหนี้ในมูลหนี้เดียวกันนี้เป็นคดีล้มละลายต่อศาลชั้นต้นและเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำสั่งไม่รับชำระหนี้ของเจ้าหนี้เพราะยื่นพ้นกำหนด 2 เดือน ตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 มาตรา 91 แต่เมื่อศาลชั้นต้นในคดีดังกล่าวเห็นว่าลูกหนี้ไม่ควรถูกพิพากษาให้ล้มละลาย จึงมีคำสั่งให้ยกเลิกการล้มละลายตามมาตรา 135(2) แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483แล้ว หนี้ดังกล่าวย่อมกลับสภาพเป็นหนี้ที่สมบูรณ์อันทำให้เจ้าหนี้มีสิทธินำมาฟ้องร้องบังคับคดีได้ และนำมาขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้