พบผลลัพธ์ทั้งหมด 971 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 62/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจทนายยื่นอุทธรณ์แทนจำเลยที่หลบหนี ไม่กระทบความชอบด้วยกฎหมายของอุทธรณ์
ทนายความที่ได้รับมอบอำนาจจากตัวความในคดีอาญาให้ใช้สิทธิอุทธรณ์,ฎีกาได้นั้น ย่อมมีอำนาจลงชื่อในฟ้องอุทธรณ์แทนตัวความได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย จำเลยฟังคำพิพากษาแล้วได้หลบหนีเรือจำไป แล้วทนายจำเลยจึงได้ทำฟ้องอุทธรณ์ลงชื่อทนายในอุทธรณ์ แทนจำเลย นำไปยืนต่อศาลภายในกำหนดอายุความอุทธรณ์ดังนี้ ย่อมถือเป็นอุทธรณ์ที่ชอบด้วยวิธีพิจารณา และเมื่อภายหลังจำเลยได้ถูกจับตัวมาแล้วศาลอุทธรณ์ก็ชอบที่จะพิจารณาพิพากษาคดีไปได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย จำเลยฟังคำพิพากษาแล้วได้หลบหนีเรือจำไป แล้วทนายจำเลยจึงได้ทำฟ้องอุทธรณ์ลงชื่อทนายในอุทธรณ์ แทนจำเลย นำไปยืนต่อศาลภายในกำหนดอายุความอุทธรณ์ดังนี้ ย่อมถือเป็นอุทธรณ์ที่ชอบด้วยวิธีพิจารณา และเมื่อภายหลังจำเลยได้ถูกจับตัวมาแล้วศาลอุทธรณ์ก็ชอบที่จะพิจารณาพิพากษาคดีไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 62/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจทนายยื่นอุทธรณ์ฎีกาแทนจำเลย แม้จำเลยหลบหนี
ทนายความที่ได้รับมอบอำนาจจากตัวความในคดีอาญาให้ใช้สิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้นั้น ย่อมมีอำนาจลงชื่อในฟ้องอุทธรณ์แทนตัวความได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย จำเลยฟังคำพิพากษาแล้วได้หลบหนีเรือนจำไป แล้วทนายจำเลยจึงได้ทำฟ้องอุทธรณ์ลงชื่อทนายในอุทธรณ์แทนจำเลย นำไปยื่นต่อศาลภายในกำหนดอายุความอุทธรณ์ดังนี้ ย่อมถือเป็นอุทธรณ์ที่ชอบด้วยวิธีพิจารณาและเมื่อภายหลังจำเลยได้ถูกจับตัวมาแล้วศาลอุทธรณ์ก็ชอบที่จะพิจารณาพิพากษาคดีไปได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย จำเลยฟังคำพิพากษาแล้วได้หลบหนีเรือนจำไป แล้วทนายจำเลยจึงได้ทำฟ้องอุทธรณ์ลงชื่อทนายในอุทธรณ์แทนจำเลย นำไปยื่นต่อศาลภายในกำหนดอายุความอุทธรณ์ดังนี้ ย่อมถือเป็นอุทธรณ์ที่ชอบด้วยวิธีพิจารณาและเมื่อภายหลังจำเลยได้ถูกจับตัวมาแล้วศาลอุทธรณ์ก็ชอบที่จะพิจารณาพิพากษาคดีไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 216/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่ภายใต้ พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควร: การออกข้อกำหนดที่เกินขอบเขตและกระทบสิทธิการประกอบอาชีพ
พนักงานเจ้าหน้าที่ที่คณะกรรมการป้องกันการค้ากำไรเกินควรแต่งตั้งขึ้นตามมาตรา 10 แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควรนั้น หามีอำนาจที่จะสั่งการวางระเบียบการแก่บุคคลภายนอก อันถึงจะเอาความผิดเป็นโทษอาญาอย่างใดไม่
ประกาศขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ ประกาศให้ผู้ขายปลีกเนื้อหมูชำแหละมาจดทะเบียนเป็นผู้ทำการค้าภายในกำหนด 15 วัน หากผู้ใดมิได้มาจดทะเบียนภายในกำหนดทำการจำหน่ายปลีกเนื้อหมูชำแหละในเขตเทศบาลกรุงเทพฯไม่ได้ ดังนี้ เมื่อพ้นกำหนดตามประกาศแล้ว บุคคลที่ต้องการประกอบอาชีพชะนิดนั้น ไม่มีทางที่จะทำการได้ เป็นการสงวนอาชีพไว้แต่เฉพาะผู้ที่ได้รับจดทะเบียนไว้แล้วในระหว่างเวลาที่กำหนดไว้เท่านั้น จึงเป็นเรื่องนอกเหนือไปจากการป้องกันการค้ากำไรเกินควรประกาศเช่นนี้ จึงย่อมไม่มีผลบังคับได้ตาม พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควร
ประกาศขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ ประกาศให้ผู้ขายปลีกเนื้อหมูชำแหละมาจดทะเบียนเป็นผู้ทำการค้าภายในกำหนด 15 วัน หากผู้ใดมิได้มาจดทะเบียนภายในกำหนดทำการจำหน่ายปลีกเนื้อหมูชำแหละในเขตเทศบาลกรุงเทพฯไม่ได้ ดังนี้ เมื่อพ้นกำหนดตามประกาศแล้ว บุคคลที่ต้องการประกอบอาชีพชะนิดนั้น ไม่มีทางที่จะทำการได้ เป็นการสงวนอาชีพไว้แต่เฉพาะผู้ที่ได้รับจดทะเบียนไว้แล้วในระหว่างเวลาที่กำหนดไว้เท่านั้น จึงเป็นเรื่องนอกเหนือไปจากการป้องกันการค้ากำไรเกินควรประกาศเช่นนี้ จึงย่อมไม่มีผลบังคับได้ตาม พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 216/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตอำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควร และผลของประกาศที่เกินอำนาจ
พนักงานเจ้าหน้าที่ที่คณะกรรมการป้องกันการค้ากำไรเกินควรแต่งตั้งขึ้นตามมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควร นั้นหามีอำนาจที่จะสั่งการวางระเบียบการแก่บุคคลภายนอกอันถึงจะเอาความผิดเป็นโทษอาญาอย่างใดไม่
ประกาศขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ประกาศให้ผู้ขายปลีกเนื้อหมูชำแหละมาจดทะเบียนเป็นผู้ทำการค้าภายในกำหนด15 วันหากผู้ใดมิได้มาจดทะเบียนภายในกำหนดจะทำการจำหน่ายปลีกเนื้อหมูชำแหละในเขตเทศบาลกรุงเทพฯไม่ได้ดังนี้ เมื่อพ้นกำหนดตามประกาศแล้วบุคคลที่ต้องการประกอบอาชีพชนิดนั้นไม่มีทางที่จะทำการได้เป็นการสงวนอาชีพไว้แต่เฉพาะผู้ที่ได้รับจดทะเบียนไว้แล้วในระหว่างเวลาที่กำหนดไว้เท่านั้นจึงเป็นเรื่องนอกเหนือไปจากการป้องกันการค้ากำไรเกินควรประกาศเช่นนี้จึงย่อมไม่มีผลบังคับได้ตาม พระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควร
ประกาศขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ประกาศให้ผู้ขายปลีกเนื้อหมูชำแหละมาจดทะเบียนเป็นผู้ทำการค้าภายในกำหนด15 วันหากผู้ใดมิได้มาจดทะเบียนภายในกำหนดจะทำการจำหน่ายปลีกเนื้อหมูชำแหละในเขตเทศบาลกรุงเทพฯไม่ได้ดังนี้ เมื่อพ้นกำหนดตามประกาศแล้วบุคคลที่ต้องการประกอบอาชีพชนิดนั้นไม่มีทางที่จะทำการได้เป็นการสงวนอาชีพไว้แต่เฉพาะผู้ที่ได้รับจดทะเบียนไว้แล้วในระหว่างเวลาที่กำหนดไว้เท่านั้นจึงเป็นเรื่องนอกเหนือไปจากการป้องกันการค้ากำไรเกินควรประกาศเช่นนี้จึงย่อมไม่มีผลบังคับได้ตาม พระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 210/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตอำนาจคณะกรรมการควบคุมค่าเช่า และผลของการไม่ปฏิบัติตามกำหนดเวลาพิจารณา
พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯมาตรา 9 บัญญัติให้วินิจฉัยสั่งคำร้องขอเข้าอยู่ในห้องเช่าภายใน 45 วันนั้นเป็นระเบียบเกี่ยวกับแก่การปฏิบัติของคณะกรรมการ ฯ และประสงค์จะเร่งให้คณะกรรมการฯ ดำเนินงานมิให้ชักช้าเท่านั้น จะถือเป็นผลบังคับว่า หากวินิจฉัยช้าไปจะทำให้คำวินิจฉัยนั้นเป็นโมฆะไม่ได้
การที่อ้างว่าคณะกรรมการไม่รับฟังพยานจำเลยที่จะขอสืบว่าโจทก์มีที่อยู่ถึง 3 แห่ง ไม่มีความจำเป็นที่เข้าอยู่ในอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการควบคุมค่าเช่า ฯลฯที่จะใช้ดุลยพินิจในการที่จะรับฟังหรือไม่ จะมาขอให้ศาลวินิจฉัยหรือเพิกถอนมติของคณะกรรมการในเรื่องนี้ไม่ได้
การที่อ้างว่าคณะกรรมการไม่รับฟังพยานจำเลยที่จะขอสืบว่าโจทก์มีที่อยู่ถึง 3 แห่ง ไม่มีความจำเป็นที่เข้าอยู่ในอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการควบคุมค่าเช่า ฯลฯที่จะใช้ดุลยพินิจในการที่จะรับฟังหรือไม่ จะมาขอให้ศาลวินิจฉัยหรือเพิกถอนมติของคณะกรรมการในเรื่องนี้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2000/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานท้องถิ่นไม่มีอำนาจสั่งรื้อเคหะโดยพลการ ต้องร้องขอต่อศาลตาม พ.ร.บ.สาธารณสุข
เจ้าพนักงานท้องถิ่นไม่มีอำนาจโดยพละการตนเองที่จะสั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองเคหะคนใด รื้อเคหะหรืออาคารนอกจากจะร้องขอต่อศาลตามความใน พ.ร.บ.สาธารณะสุข พ.ศ.2484 มาตรา 89
ฉะนั้นถ้าเจ้าพนักงานท้องถิ่นสั่งให้ผู้ครอบครองเคหะรื้อเคหะนั้นโดยพละการตนเองคำสั่งนั้นก็เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่จำต้องปฏิบัติตาม
ฉะนั้นถ้าเจ้าพนักงานท้องถิ่นสั่งให้ผู้ครอบครองเคหะรื้อเคหะนั้นโดยพละการตนเองคำสั่งนั้นก็เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่จำต้องปฏิบัติตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2000/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจเจ้าพนักงานท้องถิ่นในการสั่งรื้อเคหะ: ต้องผ่านศาล
เจ้าพนักงานท้องถิ่นไม่มีอำนาจโดยพลการตนเองที่จะสั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองเคหะคนใด รื้อเคหะหรืออาคาร นอกจากจะร้องขอต่อศาลตามความในพระราชบัญญัติสาธารณะสุข พ.ศ.2484 มาตรา 29
ฉะนั้นถ้าเจ้าพนักงานท้องถิ่นสั่งให้ผู้ครอบครองเคหะรื้อเคหะนั้นโดยพลการตนเอง คำสั่งนั้นก็เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่จำต้องปฏิบัติตาม
ฉะนั้นถ้าเจ้าพนักงานท้องถิ่นสั่งให้ผู้ครอบครองเคหะรื้อเคหะนั้นโดยพลการตนเอง คำสั่งนั้นก็เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่จำต้องปฏิบัติตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1953/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจนายอำเภอในการสั่งให้เลิกบุกรุกหนองสาธารณะประโยชน์ และความผิดต่อ ก.ม.ลักษณะอาญา
หนองน้ำที่เป็นที่สาธารณะประโยชน์สำหรับราษฎรใช้ด้วยกันและอยู่ในหน้าที่กรมการอำเภอตรวจตรารักษาไม่ให้ผู้ใดเกียดกันเอาไปเป็นอาณาประโยชน์แต่เฉพาะตัว ตามความในมาตรา 122 แห่ง พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2457 นั้น นายอำเภอย่อมมีอำนาจสั่งให้ผู้ที่ทำการบุกรุกหนองน้ำนั้นให้เลิกทำการบุกรุกได้ ถ้าผู้นั้นขัดขืน ก็ต้องมีความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 334 ข้อ 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1953/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจนายอำเภอสั่งรื้อการบุกรุกหนองน้ำสาธารณะ และความผิดตามกฎหมายอาญา
หนองน้ำที่เป็นที่สาธารณะประโยชน์สำหรับราษฎรใช้ด้วยกันและอยู่ในหน้าที่กรมการอำเภอตรวจตรารักษาไม่ให้ผู้ใดเกียดกันเอาไปเป็นอาณาประโยชน์แต่เฉพาะตัวตามความในมาตรา 122 แห่งพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2457 นั้น นายอำเภอย่อมมีอำนาจสั่งให้ผู้ที่ทำการบุกรุกหนองน้ำนั้นให้เลิกทำการบุกรุกได้ ถ้าผู้นั้นขัดขืน ก็ต้องมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 334 ข้อ 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1808/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจกรรมการฟ้องคดี: ผู้แทน vs. ตัวแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
เมื่อข้อบังคับของบริษัทระบุให้อำนาจกรรมการ 2 คนทำนิติกรรมแทนบริษัทได้ ฉะนั้นกรรมการของบริษัท 2 คนจึงมีอำนาจเป็นผู้แทนบริษัทในการฟ้องคดีได้ และในกรณีเช่นนี้กรรมการ2 คนนั้นได้ชื่อว่า ผู้แทน(REPRESENTATIVE)ของบริษัทตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 75 หาใช่ตัวแทน(AGENT)ตามมาตรา 801 ไม่