คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
กำหนดเวลา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 990 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1626/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเสียค่าอ้างเอกสารและการรับฟังพยานหลักฐาน ศาลต้องรับฟังหากชำระก่อนมีคำพิพากษา
โจทก์ผู้อ้างพยานเอกสารมิได้เสียค่าอ้างเอกสารภายในกำหนด 3 วันตามคำสั่งศาลชั้นต้น แต่ได้เสียก่อนศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษา ดังนี้ศาลจะตัดไม่รับฟังพยานเอกสารของโจทก์ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 128/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไถ่การขายฝาก: แม้ผู้ซื้อฝากบ่ายเบี่ยงไม่รับเงิน ผู้ขายฝากถือว่าใช้สิทธิไถ่ภายในกำหนด
โจทก์ขายฝากที่นาไว้กับจำเลย ต่อมาโจทก์ขอไถ่การขายฝากภายในกำหนดเวลา แต่จำเลยไม่ยอมโดยเกี่ยงจะให้โจทก์ชำระค่าเช่านาที่ค้างด้วย โจทก์จึงไม่ยอมวางเงินค่าขายฝาก เช่นนี้ ย่อมเห็นได้ว่าจำเลยเป็นฝ่ายไม่ยอมรับค่าขายฝากจากโจทก์ ถือได้ว่าโจทก์ได้ขอไถ่จากจำเลยภายในกำหนดเวลาขายฝากแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 286/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกเว้นโทษอาวุธปืนตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2510 แม้ไม่นำปืนขึ้นทะเบียนหลังหมดกำหนด
ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยมีอาวุธปืนซึ่งไม่มีเครื่องหมายของเจ้าพนักงานไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต แต่เห็นว่าในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ได้มีพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ(ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2510 มาตรา 6 บัญญัติว่าถ้าผู้มีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่อาจขออนุญาตได้ตามกฎหมาย นำปืนมามอบให้แก่นายทะเบียนท้องที่ภายใน 90 วัน ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ จำเลยจึงไม่ต้องรับโทษ ต่อมาโจทก์จะฎีกาว่าในขณะที่ศาลฎีกากำลังพิจารณาคดีนี้อยู่ ได้เลยกำหนดให้นำอาวุธปืนไปขึ้นทะเบียนเพื่อขออนุญาตแล้ว และจำเลยก็มิได้นำไปขึ้นทะเบียนภายในกำหนด จึงต้องมีความผิดฐานนี้อยู่ดังนี้ ฟังไม่ขึ้นเพราะเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาถูกต้องตามบทกฎหมายที่มีอยู่ในเวลาพิพากษาคดีแล้ว แม้จำเลยจะมิได้นำปืนไปขอรับใบอนุญาตภายใน 90 วัน ก็ไม่ทำให้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เสียไปศาลฎีกาไม่มีเหตุที่จะต้องแก้ไขคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2753/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคัดค้านการขายทอดตลาดต้องยื่นภายใน 8 วันนับแต่วันที่ทราบเหตุ หากพ้นกำหนด สิทธิคัดค้านสิ้นสุด
เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยออกขายทอดตลาด มีผู้ให้ราคาสูงสุด เจ้าพนักงานบังคับคดีเสนอศาล ศาลอนุญาตให้ขายได้ จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งขายทอดตลาดใหม่อ้างว่าโจทก์กับพวกสมรู้กันประมูลซื้อทรัพย์โดยไม่สุจริต และเจ้าพนักงานบังคับคดีทำการขายทอดตลาดโดยไม่ถูกต้อง ซึ่งเป็นการกล่าวอ้างว่าการบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนกฎหมาย คำร้องเช่นนี้จะต้องยื่นต่อศาลไม่ช้ากว่าแปดวันนับแต่วันได้ทราบถึงการกระทำนั้นๆ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 และ 296 หากมิได้ยื่นภายในกำหนดดังกล่าว จำเลยย่อมไม่มีสิทธิคัดค้านการขายทอดตลาดนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1966/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขเพิ่มเติมอุทธรณ์ต้องยื่นภายในกำหนดอายุอุทธรณ์ มิเช่นนั้น ศาลไม่รับพิจารณา
แม้กระบวนพิจารณาในชั้นอุทธรณ์จะไม่มีบทบัญญัติเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมอุทธรณ์ คู่ความก็ชอบที่จะแก้ไขเพิ่มเติมอุทธรณ์ที่ได้ยื่นไว้แล้วได้ การแก้ไขเพิ่มเติมอุทธรณ์โดยเพิ่มประเด็นขึ้นจากการอุทธรณ์ฉบับเดิมที่ศาลสั่งรับไว้แล้ว ก็ต้องถือว่าเท่ากับยื่นอุทธรณ์เหมือนกัน จึงต้องยื่นภายในกำหนดอายุอุทธรณ์ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1887-1890/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้ด้วยเช็คและการเลิกคดีอาญาตาม พ.ร.บ. เช็ค หากชำระหนี้ภายในกำหนด
ออกเช็คให้เป็นการชำระหนี้ เมื่อธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงินตามเช็คนั้น การกระทำของจำเลยผู้ออกเช็คย่อมเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ มาตรา 3 แล้ว แต่เมื่อปรากฏว่าจำเลยได้ชำระเงินด้วยการโอนทรัพย์สินให้แก่โจทก์ร่วมผู้ทรงเช็ค เป็นการชำระหนี้ตามเช็คนั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการชำระหนี้นั้นยังไม่พ้นกำหนดเวลาที่ระบุไว้ในมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ดังนี้ คดีเป็นอันเลิกกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ต้องพิพากษายกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 986/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคดีอาญา: การฟ้องและการได้ตัวจำเลยมาศาลต้องภายในกำหนด ป.อ. มาตรา 95
คดีอาญา โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลภายในกำหนดอายุความแล้ว แต่ไม่ได้ตัวจำเลยมายังศาลภายในกำหนดอายุความ ก็ต้องถือคดีเป็นอันขาดอายุความ จะนำเอาเรื่องอายุความสะดุดหยุดลงเมื่อฟ้องคดีในทางแพ่งมาใช้บังคับไม่ได้ เพราะ ป.อ. มาตรา 95 บัญญัติไว้ชัดแจ้งแล้ว
ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 เมื่อได้ร้องทุกข์ไว้ภายในกำหนดอายุความตามมาตรา 96 แห่ง ป.อ. แล้ว ย่อมมีอายุความห้าปีตาม ป.อ. มาตรา 95(4) เมื่อฟ้องจำเลยไว้ภายในอายุความแล้ว แต่เพิ่งได้ตัวจำเลยมาศาล เมื่อพ้นกำหนด 5 ปี นับแต่วันกระทำผิด (วันที่ธนาคารปฏิเสธการใช้เงิน) คดีเป็นอันขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 986/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคดีอาญา: การฟ้องและได้ตัวจำเลยต้องภายในกำหนดตามกฎหมาย
ความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2497 เมื่อได้ร้องทุกข์ภายในกำหนดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 96 แล้ว ย่อมมีอายุความ 5 ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95(4)
โจทก์ได้ยื่นฟ้องคดีอาญาต่อศาลภายในกำหนดอายุความแล้วแต่ไม่ได้ตัวจำเลยมาศาลภายในกำหนดอายุความ ต้องถือว่าคดีโจทก์เป็นอันขาดอายุความ จะนำเอาบทบัญญัติในทางแพ่งเรื่องอายุความสะดุดหยุดลงเมื่อฟ้องคดีมาใช้บังคับไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 286/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่ามีกำหนดเวลา สิทธิหน้าที่ของผู้รับโอน และการตีความเจตนาแท้จริงของคู่สัญญา
ผู้ให้เช่าเดิมทำสัญญาให้จำเลยเช่าตึกแถวห้องพิพาท และจดทะเบียนการเช่าไว้มีกำหนดเวลา 10 ปี โดยจำเลยออกเงินช่วยค่าก่อสร้างห้องพิพาทให้เป็นเงิน 27,000 บาท เป็นสัญญาซึ่งแสดงเจตนาแท้จริงของคู่กรณีว่าให้สัญญาเช่ามีผลผูกพันบังคับต่อกันตามกำหนดเวลาดังกล่าว โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับโอนที่ดินและตึกแถวพิพาทนี้จึงต้องรับโอนมาทั้งสิทธิและหน้าที่ตามข้อตกลงของผู้โอนซึ่งมีต่อผู้เช่าด้วย
เมื่อคู่สัญญามีเจตนาแท้จริงให้สัญญามีผลผูกพันต่อกันตามกำหนดเวลาดังกล่าวนี้ แม้ในสัญญาเช่าข้อ 10 จะมีข้อตกลงว่า 'ในระหว่างสัญญาเช่า เมื่อผู้ให้เช่าจะต้องการบ้านหรือผู้เช่าจะต้องการคืนบ้าน จะต้องบอกให้รู้ล่วงหน้าเป็นลายลักษณ์อักษรก่อนโดยมีกำหนด 60 วัน' ก็ต้องตีความตามเจตนาแท้จริงของคู่กรณีซึ่งมุ่งให้สัญญามีผลผูกพันต่อกันมีกำหนดเวลา 10 ปี โจทก์จะอาศัยสัญญาข้อนี้เพื่อบอกเลิกสัญญาก่อนครบกำหนดเวลาเช่าตามสัญญาไม่ได้
ส่วนที่โจทก์อ้างว่าผู้ขายที่และตึกแถวพิพาทให้โจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาข้อ 13 ซึ่งมีข้อตกลงว่า 'ถ้าผู้ให้เช่าตกลงขายทรัพย์สินที่เช่าให้แก่ผู้ใดก่อนครบกำหนดการเช่าตามสัญญานี้ผู้ให้เช่าจะแจ้งให้ผู้เช่าทราบล่วงหน้าเพื่อผู้เช่าเตรียมตัวออกจากทรัพย์สินที่เช่าเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสองเดือน. และผู้ให้เช่าจะต้องแจ้งให้ผู้เช่าทราบด้วยว่าจะตกลงขายแก่ผู้ใดเป็นเงินเท่าใด เพื่อผู้เช่าจะได้มีโอกาสตกลงซื้อได้ก่อนในเมื่อเห็นว่าราคาสมควร' แต่จำเลยไม่ยอมซื้อนั้น สัญญาข้อนี้ก็มิใช่ข้อตกลงให้ใช้สิทธิเลิกสัญญาได้ก่อนครบกำหนดเวลาเช่าตามสัญญา โจทก์จึงจะบอกเลิกสัญญาโดยอาศัยสัญญาข้อนี้ไม่ได้ด้วยเช่นกัน (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 3/2514เฉพาะวรรคแรกและวรรคสอง)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2224/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์ vs. อายัดทรัพย์: กำหนดเวลาขอเฉลี่ยทรัพย์ตามมาตรา 290 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
การยึดทรัพย์หมายถึงการยึดทรัพย์ของจำเลย แต่การอายัดหมายถึงการอายัดสิทธิเรียกร้องของจำเลยที่มีต่อลูกหนี้ ให้ลูกหนี้ของจำเลยส่งทรัพย์หรือเงินให้เจ้าพนักงานบังคับคดี
กรณียึดทรัพย์ ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ในวันที่ประกาศขายทอดตลาดถือว่ายื่นขอภายในกำหนดเวลา มาตรา 290 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง แล้ว
of 99