พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,178 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1413/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงการรังวัดพื้นที่อาคารเป็นหลัก และผลผูกพันตามคำท้าในคดีรุกล้ำ
โจทก์จำเลยเช่าที่ดินจากจำเลยร่วมมาปลูกห้องแถว โจทก์ฟ้องและจำเลยฟ้องแย้ง โดยต่างอ้างว่าอีกฝ่ายหนึ่งปลูกห้องแถวรุกล้ำที่ดินซึ่งตนเช่าขอให้รื้อถอนไป ชั้นพิจารณาคู่ความท้ายกันให้ศาลวินิจฉัยประเด็นเดียวว่า อาคารปลูกสร้างของจำเลยมีเนื้อที่เกินกว่า 45 ตารางวาตามสัญญาเช่าหรอไม่ ถ้าเกินจำเลยยอมแพ้ ถ้าไม่เกินโจทก์ยอมแพ้ วิธีรังวัดคู่ความตกลงกันให้วัดจากด้านนอกของอาคาร และให้คำนวณเนื้อที่โดยให้จ่าศาลและช่างรังวัดของจำเลยร่วมเป็นผู้รังวัด ผลของการรังวัดปรากฏว่าอาคารปลูกสร้างของจำเลยมีเนื้อที่ตามที่เจ้าพนักงานที่ไปรังวัดคำนวณเนื้อที่ได้ 56.80 ตารางวา ดังนั้น เมื่อคู่ความตกลงให้ถือว่าอาคารของจำเลยเป็นหลักในการรังวัด มิใช่ให้ถือพื้นที่ที่จำเลยเช่าเป็นหลักรังวัด การรังวัดจึงถูกต้องตามคำท้า และเมื่อผลของการรังวัดปรากฏว่าจำเลยเป็นฝ่ายแพ้คดี ศาลต้องพิพากษาให้เป็นไปตามคำท้านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1413/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรังวัดพื้นที่อาคารเพื่อพิพากษาคดีรุกล้ำที่ดิน โดยใช้ข้อตกลงเรื่องวิธีการรังวัดเป็นหลัก
โจทก์จำเลยเช่าที่ดินจากจำเลยร่วมมาปลูกห้องแถว โจทก์ฟ้องและจำเลยฟ้องแย้ง โดยต่างอ้างว่าอีกฝ่ายหนึ่งปลูกห้องแถวรุกล้ำที่ดินซึ่งตนเช่าขอให้รื้อถอนไปชั้นพิจารณาคู่ความท้ากันให้ศาลวินิจฉัยประเด็นเดียวว่าอาคารปลูกสร้างของจำเลยมีเนื้อที่เกินกว่า 45 ตารางวาตามสัญญาเช่าหรือไม่ ถ้าเกินจำเลยยอมแพ้ ถ้าไม่เกินโจทก์ยอมแพ้ วิธีรังวัดคู่ความตกลงกันให้วัดจากด้านนอกของอาคาร และให้คำนวณเนื้อที่โดยให้จ่าศาลและช่างรังวัดของจำเลยร่วมเป็นผู้รังวัด ผลของการรังวัดปรากฏว่าอาคารปลูกสร้างของจำเลยมีเนื้อที่ตามที่เจ้าพนักงานที่ไปรังวัดคำนวณเนื้อที่ได้ 56.80 ตารางวา ดังนั้น เมื่อคู่ความตกลงให้ถือตัวอาคารของจำเลยเป็นหลักในการรังวัดมิใช่ให้ถือพื้นที่ที่จำเลยเช่าเป็นหลักรังวัดการรังวัดจึงถูกต้องตามคำท้า และเมื่อผลของการรังวัดปรากฏว่าจำเลยเป็นฝ่ายแพ้คดีศาลก็ต้องพิพากษาให้เป็นไปตามคำท้านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 514/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีตั๋วสัญญาใช้เงิน: กำหนด 3 ปีนับจากวันถึงกำหนดใช้เงิน และข้อตกลงเรื่องประเด็นข้อพิพาท
อายุความฟ้องคดีเกี่ยวกับผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินมีกำหนด 3 ปีนับแต่วันที่ตั๋วสัญญาใช้เงินนั้นถึงกำหนดใช้เงิน ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1001 ส่วนมาตรา 1002 เป็นบทบัญญัติที่ให้ผู้ทรงตั๋วเงินฟ้องผู้สลักหลังและผู้สั่งจ่าย แม้คำว่าตั๋วเงินจะหมายถึงตั๋วสัญญาใช้เงินดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 892 ด้วยก็ตาม แต่กรณีตั๋วสัญญาใช้เงินจะอยู่ในบังคับของมาตรา 1002ก็ต่อเมื่อเป็นการฟ้องผู้สลักหลังเท่านั้น ส่วนที่มาตรา 1002 บัญญัติถึงกรณีที่ผู้ทรงตั๋วเงินฟ้องผู้สั่งจ่ายนั้นก็หมายถึงเฉพาะผู้สั่งจ่ายตั๋วแลกเงินและเช็ค เพราะในกรณีตั๋วสัญญาใช้เงินกฎหมายใช้คำว่าผู้ออกตั๋ว หาได้ใช้คำว่าผู้สั่งจ่าย ดังในกรณีตั๋วแลกเงินและเช็คไม่ ทั้งการฟ้องผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินก็มีบัญญัติไว้ในมาตรา 1001แล้ว
จำเลยตกลงกับโจทก์ท้ากันให้ศาลวินิจฉัยเรื่องอายุความฟ้องร้องประเด็นอื่นไม่ติดใจโต้เถียงกันต่อไปดังนี้ จะกลับมารื้อฟื้นประเด็นข้ออื่นซึ่งไม่ติดใจโต้เถียงกันแล้วให้ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาวินิจฉัยอีกหาได้ไม่
จำเลยตกลงกับโจทก์ท้ากันให้ศาลวินิจฉัยเรื่องอายุความฟ้องร้องประเด็นอื่นไม่ติดใจโต้เถียงกันต่อไปดังนี้ จะกลับมารื้อฟื้นประเด็นข้ออื่นซึ่งไม่ติดใจโต้เถียงกันแล้วให้ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาวินิจฉัยอีกหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 365-367/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงการใช้ถนนส่วนบุคคลเป็นสาธารณะ: สิทธิในการสัญจรและการคุ้มครองข้อตกลง
ฟ้องโจทก์อ้างว่าจำเลยทั้งสองได้ติดต่อขอทำถนนผ่านที่ดินของโจทก์ เพื่อทำเป็นถนนสาธารณะ และเมื่อได้ทำถนนแล้วก็ยอมให้บุคคลทั่วไปใช้ถนนในลักษณะถนนสาธารณะได้ แต่ต่อมาจำเลยได้ขุดถนนกั้นปิดถนนนั้นเสียฟ้องของโจทก์ดังนี้แสดงอยู่ในตัวว่าสิทธิของโจทก์ที่เกิดขึ้นจากข้อตกลงกับจำเลยได้ถูกจำเลยโต้แย้ง คือไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงนั้นโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
จำเลยตกลงกับโจทก์ว่า เมื่อจำเลยทำถนนผ่านที่ดินโจทก์แล้วจะให้เป็นทางสาธารณะเพื่อให้ประชาชนได้ใช้ถนนโดยสะดวกอย่างถนนสาธารณะเช่นนี้ ศาลพิพากษาห้ามจำเลยมิให้ปิดกั้น ขุด หรือขัดขวางในการที่โจทก์และประชาชนในถิ่นนั้นจะใช้ถนนสายนั้นสัญจรไปมาได้อย่างสะดวกตามที่ตกลงไว้กับโจทก์
จำเลยตกลงกับโจทก์ว่า เมื่อจำเลยทำถนนผ่านที่ดินโจทก์แล้วจะให้เป็นทางสาธารณะเพื่อให้ประชาชนได้ใช้ถนนโดยสะดวกอย่างถนนสาธารณะเช่นนี้ ศาลพิพากษาห้ามจำเลยมิให้ปิดกั้น ขุด หรือขัดขวางในการที่โจทก์และประชาชนในถิ่นนั้นจะใช้ถนนสายนั้นสัญจรไปมาได้อย่างสะดวกตามที่ตกลงไว้กับโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2594/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงท้าทายคดีอาญาเพื่อใช้เป็นข้อวินิจฉัยในคดีแพ่ง ศาลต้องยึดถือเฉพาะข้อวินิจฉัยที่ตรงกับประเด็นที่ตกลงกันเท่านั้น
โจทก์จำเลยตกลงท้ากันให้ศาลถือเอาวินิจฉัยถึงที่สุดในคดีอาญาว่า จำเลยได้ชำระเงินค่าหุ้นที่ยังค้างอยู่แก่บริษัทโจทก์แล้วหรือไม่ประเด็นข้อแพ้ชนะของคดีโดยโจทก์จำเลยไม่สืบพยาน โจทก์ฎีกาเพียงว่า คดีอาญานั้นศาลได้วินิจฉัยถึงที่สุดแล้วว่า จำเลยยังค้างชำระเงินค่าหุ้นโจทก์ ข้อเท็จจริงสมคำท้าของโจทก์ แต่ปรากฏว่าคำพิพากษาคดีอาญาถึงที่สุดโดยศาลมิได้วินิจฉัยในประเด็นที่คู่ความตกลงท้ากัน จึงมิใช่เป็นเรื่องข้อเท็จจริงสมคำท้าของโจทก์ คดีไม่จำต้องวินิจฉัยต่อไปในเรื่องหน้าที่นำสืบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2546/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงแบ่งที่ดินหลีกเลี่ยงเจ้าหนี้โมฆะ โจทก์เรียกคืนได้
ข้อตกลงแบ่งที่ดินให้จำเลยลงชื่อถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดแทนโจทก์เพื่อป้องกันมิให้เจ้าหนี้ของภริยาโจทก์ยึดบังคับชำระหนี้นั้น เป็นโมฆะ คู่กรณีกลับสู่ฐานะเดิม โจทก์เรียกเอาส่วนของโจทก์คืนได้ จำเลยอ้างการครอบครองยันโจทก์ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2490/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงอนุญาโตตุลาการและการฟ้องร้องต่อศาล
กรมธรรม์ประกันภัยระบุว่า ข้อพิพาทใดๆ จากกรมธรรม์นี้ต้องมอบให้อนุญาโตตุลาการซึ่งคู่กรณีแต่งตั้งเป็นผู้ตัดสินจะฟ้องต่อศาลเลยที่เดียวไม่ได้ หมายความว่าคู่กรณีตกลงกันตั้งอนุญาโตตุลาการ แต่กรณีนี้บริษัทปฏิเสธความรับผิด ไม่เสนอตั้งอนุญาโตตุลาการ ผู้เอาประกันภัยฟ้องคดีต่อศาลได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2296/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมรับผลการตรวจลายมือชื่อของผู้เชี่ยวชาญตามคำท้าของคู่ความ ถือเป็นการผูกพันตามข้อตกลง
โจทก์จำเลยท้ากันว่า ให้ศาลส่งลายมือชื่อของจำเลยในสัญญากู้กับลายเซ็นซึ่งจำเลยเซ็นต่อหน้าศาลและในใบแต่งทนายไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ ถ้าผู้เชี่ยวชาญลงความเห็นว่าลายมือชื่อในสัญญากู้เป็นลายมือชื่อของจำเลยจริง จำเลยยอมแพ้คดี ถ้าไม่ใช่ลายมือชื่อของจำเลยโจทก์ยอมแพ้คดี ศาลส่งเอกสารดังกล่าวไปให้ผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจพิสูจน์แล้ว ผู้เชี่ยวชาญลงความเห็นว่า น่าเชื่อว่าลายมือชื่อในเอกสารเหล่านั้นเป็นของบุคคลคนเดียวกัน ดังนี้ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญเป็นการสมตามคำท้าของโจทก์แล้ว จำเลยจึงต้องเป็นฝ่ายแพ้คดี (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 17/2518)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2277/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงการแพ้ชนะคดีและการชำระหนี้: คำสาบานยืนยันข้อตกลง, ดอกเบี้ยคิดจากวันกู้
คู่ความตกลงท้ายกันเป็นข้อแพ้ชนะว่า หากโจทก์นำ ส.ภรรยาโจทก์มาต่อหน้าศาลได้ว่ายังไม่ได้รับเงิน 9,000 บาท ตามที่โจทก์นำมาฟ้องคดีนี้ จำเลยยอมแพ้คดี ถ้า ส.ไม่กล้าสาบาน โจทก์เป็นฝ่ายแพ้คดี ปรากฏว่า ส.ได้สาบานต่อหน้าศาลว่าไม่ได้รับเงินตามจำนวนที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นคดีนี้ ดังนี้ตามคำสาบานของ ส. แม้จะไม่ได้ระบุจำนวนเงิน 9,000 บาท ก็ถือได้ว่าตรงตามคำท้าแล้ว เพราะตามคำฟ้องขอโจทก์ได้บรรยายไว้แล้วว่า จำเลยไม่ชำระเงิน 9,000 บาท จำเลยจึงต้องเป็นฝ่ายแพ้คดีตามคำท้า และต้องชดใช้ให้แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยด้วยตามฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2277/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงท้าทายสิทธิเรียกร้องและการยอมรับผลตามคำสาบานของพยาน
คู่ความตกลงท้ากันเป็นข้อแพ้ชนะว่า หากโจทก์นำ ส. ภรรยาโจทก์มาสาบานต่อหน้าศาลได้ว่ายังไม่ได้รับเงิน 9,000 บาท ตามที่โจทก์นำมาฟ้องคดีนี้ จำเลยยอมแพ้คดี ถ้า ส. ไม่กล้าสาบาน โจทก์เป็นฝ่ายแพ้คดี ปรากฏว่า ส. ได้สาบานต่อหน้าศาลว่าไม่ได้รับเงินตามจำนวนที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นคดีนี้ ดังนี้ตามคำสาบานของส. แม้จะไม่ได้ระบุจำนวนเงิน 9,000 บาท ก็ถือได้ว่าตรงตามคำท้าแล้ว เพราะตามคำฟ้องของโจทก์ได้บรรยายไว้แล้วว่าจำเลยไม่ชำระเงิน 9,000 บาท จำเลยจึงต้องเป็นฝ่ายแพ้คดีตามคำท้า และต้องชดใช้ต้นเงินให้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยด้วยตามฟ้อง