คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ครอบครอง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,140 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3336/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งมอบโฉนดที่ดินหลังศาลตัดสินให้กรรมสิทธิ์แก่ผู้ครอบครอง แม้โฉนดอยู่ที่จำเลย ไม่ต้องมีนิติกรรมบังคับ
การที่ศาลมีคำสั่งว่าที่ดินบางส่วนตามโฉนดที่ดินพิพาทตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์โดยการครอบครองนั้น แม้โฉนดที่ดินอยู่ที่จำเลย โจทก์ก็จะขอให้จำเลยส่งมอบโฉนดดังกล่าวแก่โจทก์เพื่อไปจดทะเบียนสิทธิหาได้ไม่เพราะกรณีนี้ไม่มีนิติกรรม นิติเหตุ หรือบทกฎหมายใดที่กำหนดให้จำเลยต้องส่งมอบโฉนดที่ดินแก่โจทก์ ทั้งตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 78 และกฎกระทรวง ฉบับที่ 7(พ.ศ. 2497) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 กำหนดไว้แล้วว่าจะต้องทำอย่างไร โจทก์ย่อมสามารถที่จะปฏิบัติตามและได้รับผลตามความประสงค์ของโจทก์อยู่แล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3321/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองอาวุธปืนจำนวนมากบ่งชี้ถึงเจตนาเพื่อการค้า แม้ไม่มีหลักฐานอื่น
เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้พร้อมอาวุธปืนของกลางรวม8 กระบอก แม้ไม่มีพยานหลักฐานอื่นแสดงว่าจำเลยมีอาวุธปืนเหล่านั้นไว้เพื่อการค้า แต่การมีอาวุธถึง 8 กระบอกนั้นแสดงอยู่ในตัวว่าน่าจะมิใช่มีไว้เพื่อป้องกันทรัพย์สิน หากแต่เป็นการมีไว้เพื่อการค้า จำเลยจึงมีความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองเพื่อการค้า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3028/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกที่ดินและการครอบครองปรปักษ์ จำเลยไม่ได้ครอบครองที่ดินโจทก์โดยสงบและเปิดเผย
จำเลยที่ 1 ฎีกาว่าคำฟ้องโจทก์เคลือบคลุมเพราะบรรยายฟ้องสับสน ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าโจทก์ได้ที่ดินมาอย่างไร และครอบครองที่ดินของโจทก์อย่างไรเขตที่อ้างว่าจำเลยบุกรุกอยู่ตรงไหน แต่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 มิได้ให้การต่อสู้ไว้ว่าคำฟ้องเคลือบคลุม แม้จำเลยที่ 2 จะให้การว่าคำฟ้องเคลือบคลุมแต่ก็อ้างเหตุแห่งการเคลือบคลุมว่าฟ้องโจทก์มีได้มีรายละเอียดเกี่ยวกับความเสียหายและค่าขาดประโยชน์ซึ่งเป็นคนละเหตุกับเหตุที่จำเลยที่ 1 อ้างในฎีกา ถือไม่ได้ว่าฎีกาของจำเลยที่ 1 ข้อนี้เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น
จำเลยไม่เคยเข้าไปกระทำการใด ๆ ในที่ดินของโจทก์เพียงแต่ในการขอรังวัดสอบเขตที่ดินของจำเลยซึ่งอยู่ติดกันจำเลยนำชี้เขตที่ดินของตนว่าอยู่เลยแนวรั้วเข้าไปในที่ดินของโจทก์ซึ่งโจทก์ก็คัดค้าน เมื่อโจทก์ขอรังวัดสอบเขตที่ดินบ้าง จำเลยที่ 1 ก็ไประวังแนวเขตและชี้ว่าที่ดินของตนอยู่เลยแนวรั้วเข้าไปในที่ดินของโจทก์ เป็นเหตุให้รังวัดสอบเขตไม่สำเร็จ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเขตที่ดินในโฉนด ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ครอบครองที่ดินส่วนที่เลยแนวรั้วในที่ดินของโจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2873/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีเกี่ยวกับยาเสพติด: การสอบสวนความผิดฐานครอบครองเป็นส่วนหนึ่งของการสอบสวนฐานจำหน่าย
ในชั้นสอบสวนพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาว่าจำเลยมียาเสพติดให้โทษ(กัญชา) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และได้สอบสวนความผิดดังกล่าวแล้ว จึงย่อมถือได้ว่าความผิดฐานมียาเสพติดให้โทษ (กัญชา) ไว้ในครอบครองที่โจทก์ฟ้องได้มีการสอบสวนความผิดแล้วด้วยเพราะการมีไว้เพื่อจำหน่ายและจำหน่ายนั้นย่อมต้องมีไว้ในความครอบครอง.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 274/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่แสดงสิทธิภายในกำหนด ทำให้สิทธิสิ้นสุด และเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวน
ผู้ว่าราชการจังหวัดได้ปิดประกาศสำเนากฎกระทรวงและแผนที่ท้ายกฎกระทรวงให้ราษฎรได้ทราบว่าบริเวณป่าที่จำเลยครอบครองอยู่เป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ จำเลยทราบประกาศดังกล่าวแล้วไม่ยื่นแสดงสิทธิของจำเลยว่ามีสิทธิอยู่ในเขตป่าสงวนได้ภายใน 90วัน นับแต่วันที่กฎกระทรวงใช้บังคับ แม้จำเลยปลูกบ้านอยู่มาก่อนก็ถือว่าจำเลยได้สละสิทธิหรือประโยชน์นั้นแล้วตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 12 วรรคแรก จำเลยจึงไม่มีสิทธิยึดถือครอบครองที่ดินดังกล่าว เมื่อนายอำเภอสั่งให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไป จำเลยไม่ยอมรื้อถอนยังคงยึดถือครอบครองที่ดินนั้นต่อไป ย่อมเป็นการทำให้เสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติเพราะทำให้ที่ดินนั้นกลายเป็นที่บ้านอยู่อาศัย ไม่เป็นที่ดินตามสภาพเดิมอีกต่อไป การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2539/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย: พฤติการณ์แยกบรรจุยาเสพติดเป็นจำนวนมากบ่งชี้เจตนา
เมื่อตำรวจทราบจากผู้มีชื่อซึ่งถูกจับกุมในข้อหามีเฮโรอีนไว้ในครอบครองว่าได้ซื้อเฮโรอีนจากจำเลย ตำรวจจึงไปจับจำเลยหลังจากทราบเรื่องไม่นานก็ได้เฮโรอีนของกลาง น้ำหนัก 0.160 กรัมแยกบรรจุไว้ในหลอดกาแฟพลาสติก จำนวน 13 หลอด พฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่าจำเลยมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2539/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองเฮโรอีนเพื่อจำหน่าย: พฤติการณ์แยกบรรจุเป็นหลอดเล็กชี้เจตนาจำหน่าย
เมื่อตำรวจทราบจากผู้มีชื่อซึ่งถูกจับกุมในข้อหามีเฮโรอีนไว้ในครอบครองว่าได้ซื้อเฮโรอีนจากจำเลย ตำรวจจึงไปจับจำเลยหลังจากทราบเรื่องไม่นานก็ได้เฮโรอีนของกลาง น้ำหนัก0.160 กรัม แยกบรรจุไว้ในหลอดกาแฟพลาสติกจำนวน 13 หลอดพฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่าจำเลยมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2491/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมีเฮโรอีนติดอยู่ในหลอดฉีดยา แม้ชั่งน้ำหนักไม่ได้ ก็ถือเป็นความผิดฐานครอบครองยาเสพติด
จำเลยมีหลอดฉีดยาและเข็มฉีดยาซึ่งเป็นเฮโรอีนติดอยู่แม้จะมีปริมาณที่ไม่สามารถชั่งหรือคำนวณน้ำหนักได้ก็ยังคงเป็นความผิดตามกฎหมายฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2332/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งบรรจุเฮโรอีนใส่หลอดกาแฟเข้าข่าย 'ผลิต' ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดฯ
การที่จำเลยทั้งสามร่วมกันแบ่งบรรจุเฮโรอีนใส่หลอดกาแฟนั้น ถือว่าเป็นการ 'ผลิต' ตามความหมายในมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 แล้ว จำเลยทั้งสามจึงมีความผิดฐานผลิตเฮโรอีนโดยไม่ได้รับอนุญาต.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 21/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์จากการใส่กุญแจปิดประตู แม้จะไม่มีการหน่วงเหนี่ยวหรือกักขัง
จำเลยโอนสิทธิการเช่าตึกพิพาทให้ ก. และได้ส่งมอบตึกพิพาทให้ ก. แล้ว ก. ว่าจ้างโจทก์ซ่อมแซมตึกพิพาทและอนุญาตให้โจทก์กับครอบครัวเข้าอยู่อาศัยในตึกดังกล่าว แม้ต่อมา ก. ไม่ชำระค่าโอนสิทธิการเช่าส่วนที่ค้าง ก็เป็นเรื่องที่จำเลยจะต้องไปว่ากล่าวกับ ก. ในทางแพ่ง การที่จำเลยใช้กุญแจใส่ประตูตึกพิพาทเป็นเหตุให้โจทก์ไม่สามารถเข้าไปใช้ตึกพิพาทได้อีก จึงเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์โดยปกติสุข มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 (3) แต่ยังถือไม่ได้ว่าการกระทำดังกล่าวของจำเลยเป็นการหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังโจทก์ หรือกระทำด้วยประการใดให้โจทก์ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย จึงไม่มีความผิดตามมาตรา 310 วรรคแรก
of 214