พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,691 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 593/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าหนี้มีประกันกับการบังคับคดีหลังมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ เจ้าพนักงานบังคับคดียังมีอำนาจดำเนินการได้
เมื่อศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้แล้วพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483มาตรา22(2)บัญญัติให้อำนาจเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียวในการเก็บรวบรวมและรับเงินหรือทรัพย์สินซึ่งจะตกได้แก่ลูกหนี้หรือซึ่งลูกหนี้มีสิทธิจะได้รับจากผู้อื่นแม้ทรัพย์สินนั้นจะอยู่ในระหว่างการบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดีก็ตามเจ้าพนักงานบังคับคดีก็ยังต้องปฏิบัติตามคำขอของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เกี่ยวกับทรัพย์สินนั้นเว้นแต่การบังคับคดีนั้นได้สำเร็จบริบูรณ์แล้วก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ตามมาตรา110วรรคแรกประกอบด้วยมาตรา112ทั้งนี้ด้วยวัตถุประสงค์ที่จะรวบรวมทรัพย์สินของลูกหนี้มาแบ่งเฉลี่ยให้แก่เจ้าหนี้ทั้งหลายโดยเสมอภาคตามส่วนแต่อำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดังกล่าวไม่กระทบถึงสิทธิของเจ้าหนี้มีประกันในการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันตามมาตรา110วรรคท้าย ผู้คัดค้านที่1เป็นเจ้าหนี้จำนองทรัพย์พิพาทของลูกหนี้ได้ฟ้องบังคับจำนองและทำการบังคับคดีโดยนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์พิพาทเพื่อขายทอดตลาดแล้วศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาดในคดีนี้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้คัดค้านที่2ย่อมไม่มีอำนาจที่จะขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีโอนการยึดทรัพย์พิพาทมาไว้ในคดีล้มละลายเพราะเป็นการกระทบต่อสิทธิของผู้คัดค้านที่1ซึ่งเป็นเจ้าหนี้มีประกันในการบังคับแก่ทรัพย์อันเป็นหลักประกันโดยตรง การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทซึ่งจำนองเป็นหลักประกันต่อไปในการบังคับคดีแพ่งแม้เป็นการปฏิบัติตามคำขอของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้คัดค้านที่2เมื่อคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ไม่กระทบถึงสิทธิดังกล่าวของผู้คัดค้านที่1จึงมีผลเท่ากับเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทไปตามอำนาจหน้าที่ของตนในการบังคับคดีแพ่งตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งภาค4ลักษณะ2การบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งหาใช่เป็นการขายทอดตลาดในคดีล้มละลายอันเป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้คัดค้านที่2แต่ผู้เดียวตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483แต่ประการใดไม่โจทก์หรือเจ้าหนี้อื่นจึงมิใช่ผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินที่จะขายซึ่งเจ้าพนักงานบังคับคดีจะต้องแจ้งให้ทราบซึ่งวันขายทอดตลาดตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา306
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5801/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการบังคับคดีต้องเป็นไปตามคำพิพากษาศาลฎีกา การรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างเกินขอบเขตคำพิพากษา
ศาลฎีกาพิพากษาว่า เนื้อที่ส่วนพิพาทตามหลักเขตภายในกรอบเส้นสีแดงในแผนที่วิวาทเป็นของโจทก์ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก ไม่ได้มีคำสั่งให้ขับไล่จำเลยหรือให้ต้องออกไป หรือต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินพิพาทการที่โจทก์ขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีให้จัดการให้โจทก์เข้าครอบครองที่ดินพิพาทตามหมายบังคับคดีเพื่อให้รวมถึงการรื้อถอนสิ่งกีดขวางต่าง ๆ รวมทั้งสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินพิพาทออกไปด้วย จึงเป็นการบังคับที่เกินไปจากคำพิพากษาศาลฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5801/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตบังคับคดีตามคำพิพากษา: ห้ามเกินเลยคำพิพากษาเดิม แม้ศาลพิพากษาให้ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดิน แต่ไม่ได้สั่งรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง
ศาลฎีกาพิพากษาว่าเนื้อที่ส่วนพิพาทตามหลักเขตภายในกรอบเส้นสีแดงในแผนที่วิวาทเป็นของโจทก์คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยกไม่ได้มีคำสั่งให้ขับไล่จำเลยหรือให้ต้องออกไปหรือต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินพิพาทการที่โจทก์ขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีให้จัดการให้โจทก์เข้าครอบครองที่ดินพิพาทตามหมายบังคับคดีเพื่อให้รวมถึงการรื้อถอนสิ่งกีดขวางต่างๆรวมทั้งสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินพิพาทออกไปด้วยจึงเป็นการบังคับที่เกินไปจากคำพิพากษาศาลฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5317/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะขายฝากมีผลบังคับใช้ได้หากมีเจตนาชัดเจน แม้จะยังไม่ได้จดทะเบียน และศาลสามารถบังคับคดีได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
สัญญาพิพาทมีข้อความระบุไว้ชัดตั้งแต่ชื่อของสัญญาตลอดจนข้อสัญญาทุกข้อว่าเป็นสัญญาจะขายฝาก เพียงแต่ไม่มีกำหนดเวลาว่าจะไปทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เมื่อใดเท่านั้น จึงไม่อาจถือได้ว่าเป็นสัญญาขายฝากเพราะตามสัญญาได้ระบุความรับผิดของทั้งสองฝ่ายไว้ในกรณีไม่ไปทำหนังสือและจดทะเบียนตามกำหนด แสดงถึงเจตนาของคู่สัญญาว่ามิได้มีเจตนาจะทำสัญญาขายฝาก หากแต่ต้องการให้เป็นเพียงสัญญาจะขายฝากซึ่งจะต้องได้มีการทำหนังสือจดทะเบียนกันให้ถูกต้องอีกครั้งหนึ่ง จึงกำหนดหน้าที่ความรับผิดของคู่สัญญาไว้ ส่วนที่กำหนดเวลาไถ่คืนไว้ในสัญญานี้ด้วยก็เพื่อให้เป็นการแน่นอนว่า ถ้าได้ทำหนังสือจดทะเบียนโดยถูกต้องแล้วกำหนดเวลาไถ่คืนต้องเป็นไปตามนั้นทั้งโฉนดที่ดินที่จะขายฝากอยู่ที่บุคคลภายนอก จึงจำเป็นอยู่เองที่คู่กรณีจะต้องทำเป็นสัญญาจะขายฝากไว้ก่อน เมื่อได้โฉนดที่ดินมาแล้วจึงไปทำสัญญากันในภายหลัง ดังนั้นเมื่อสัญญาพิพาทมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสำคัญแล้ว โจทก์ก็ฟ้องร้องให้บังคับคดีได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5024/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอคุ้มครองชั่วคราวเพื่อระงับการบังคับคดีต้องยื่นต่อศาลที่ออกหมายบังคับคดีเท่านั้น
คดีนี้ยังไม่มีคำพิพากษาจึงไม่มีการบังคับคดีที่โจทก์จะมาขอต่อศาลให้งดการบังคับคดีไว้ได้ คำร้องของโจทก์ที่ขอให้ศาลคดีนี้สั่งเจ้าพนักงานบังคับคดีงดการขายทอดตลาดทรัพย์ของโจทก์ซึ่งเป็นจำเลยในคดีอื่นของศาลชั้นต้นไว้ก่อนจนกว่าคดีนี้จะมีคำพิพากษาถึงที่สุดนั้นมิใช่คำขอเพื่อให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความมาตรา264วรรคหนึ่งหรือมาตรา254(2)โจทก์ชอบที่จะยื่นคำร้องขอต่อศาลในคดีนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4951/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพลาดในการบังคับคดี การขายทอดตลาดผิดแปลง ทำให้การซื้อขายเป็นโมฆะ ศาลไม่อาจออกใบแทนโฉนดให้ผู้ซื้อได้
แม้โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่3894ของจำเลยที่1กับพวกมาเพื่อขายทอดตลาดนำเงินชำระหนี้แก่โจทก์แต่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่4911ซึ่งบุคคลภายนอกมีชื่อและนามสกุลเดียวกับจำเลยที่1เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ด้วยความผิดหลงและศาลมีคำพิพากษาคดีถึงที่สุดให้เพิกถอนการจดทะเบียนโอนที่ดินแปลงดังกล่าวแล้วเท่ากับไม่มีการขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่3894ฟังไม่ได้ว่าผู้ซื้อทรัพย์เป็นผู้ประมูลซื้อที่ดินโฉนดเลขที่3894ได้จากการขายทอดตลาดศาลจึงไม่อาจให้เจ้าพนักงานที่ดินออกใบแทนโฉนดที่ดินเลขที่3894และจดทะเบียนโอนให้แก่ผู้ซื้อทรัพย์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4945/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการคัดค้านคำสั่งขยายเวลาชำระราคาในการบังคับคดีสงวนไว้สำหรับผู้มีส่วนได้เสียตามกฎหมายเท่านั้น
การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีมีคำสั่งขยายเวลาในการชำระราคาทรัพย์แก่ผู้ซื้อทรัพย์ได้ เป็นเรื่องระหว่างเจ้าพนักงานบังคับคดีกับผู้ซื้อทรัพย์ในอันที่จะปฏิบัติตามสัญญา ผู้ร้องเป็นเพียงผู้เข้าสู้ราคามิได้เป็นเจ้าหนี้หรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาและมิใช่บุคคลผู้ชอบจะใช้สิทธิอันได้จดทะเบียนไว้โดยชอบหรือที่ได้ยื่นคำขอตามป.วิ.พ. มาตรา 288, 289 และ 290 จึงมิได้เป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีตามมาตรา 296 วรรคสอง ไม่มีสิทธิยื่นคำร้องคัดค้านคำสั่งดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4945/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการคัดค้านคำสั่งขยายเวลาชำระราคาทรัพย์ในการบังคับคดี ผู้เข้าสู้ราคาไม่มีสิทธิ
การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีมีคำสั่งขยายเวลาในการชำระราคาทรัพย์แก่ผู้ซื้อทรัพย์ได้เป็นเรื่องระหว่างเจ้าพนักงานบังคับคดีกับผู้ซื้อทรัพย์ในอันที่จะปฏิบัติตามสัญญาผู้ร้องเป็นเพียงผู้เข้าสู้ราคามิได้เป็นเจ้าหนี้หรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาและมิใช่บุคคลผู้ชอบจะใช้สิทธิอันได้จดทะเบียนไว้โดยชอบหรือที่ได้ยื่นคำขอตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความมาตรา288,289และ290จึงมิได้เป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีตามมาตรา296วรรคสองไม่มีสิทธิยื่นคำร้องคัดค้านคำสั่งดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4852/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งสินสมรสหลังหย่า: หักเงินที่ได้รับเกินไปได้ และการบังคับคดีโดยการขายทอดตลาด
โจทก์จำเลยมีสิทธิได้รับเงินสินสมรสคนละครึ่งเมื่อเงินอยู่ที่โจทก์เท่ากับโจทก์ได้รับส่วนของจำเลยเกินไปต้องนำส่วนที่โจทก์ได้รับเกินไปหักออกจากสินสมรสจำนวนอื่นที่โจทก์จะได้รับจากจำเลยต่อไปแม้จำเลยไม่ได้ฟ้องแย้งก็ไม่เป็นการนอกฟ้องและเกินคำขอ การแบ่งสินสมรสระหว่างสามีภริยาที่หย่ากันโดยคำพิพากษาต้องแบ่งตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1533บัญญัติไว้คือแบ่งสินสมรสให้ชายหญิงได้ส่วนเท่ากันซึ่งถ้าการแบ่งไม่อาจตกลงกันได้ก็ให้นำสินสมรสออกขายทอดตลาดเพื่อนำเงินมาแบ่งกันจะแบ่งโดยกำหนดราคาทรัพย์สินสมรสให้จำเลยต้องแบ่งแก่โจทก์หากจำเลยไม่ยอมแบ่งหรือไม่สามารถแบ่งได้ให้นำสินสมรสออกขายทอดตลาดนำเงินมาแบ่งให้แก่โจทก์จนครบหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4774/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีขับไล่และบังคับคดี: การห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกที่ดินของโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างกับขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากที่ดินของโจทก์ อันเป็นคดีฟ้องขับไล่บุคคลใด ๆ ออกจากอสังหาริมทรัพย์แม้ข้อเท็จจริงไม่ปรากฎว่าที่ดินพิพาทอาจให้เช่าได้ในขณะยื่นคำฟ้องเดิมเดือนละหนึ่งหมื่นบาทก็ตาม แต่ตามคำฟ้องได้ความว่าที่ดินพิพาทตั้งอยู่ในชนบทมีเนื้อที่เพียง 300 ตารางวา ใช้ปลูกเรือนอยู่อาศัยและปลูกพืชผัก มิใช่อยู่ในทำเลการค้าอันจะทำให้ได้ค่าเช่าที่ดินสูงเป็นพิเศษแต่อย่างใด ตามลักษณะและสภาพแห่งที่ดินดังกล่าวถือได้ว่าที่ดินพิพาทอาจให้เช่าได้ในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละหนึ่งหมื่นบาท คู่ความในคดีฟ้องขับไล่เดิมนั้นจึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา248 วรรคสอง เมื่อคดีนี้เป็นคดีเกี่ยวกับการบังคับผู้ร้องซึ่งเป็นบริวารของจำเลยผู้ถูกฟ้องขับไล่ และศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืนตามคำสั่งของศาลชั้นต้น ไม่ว่าศาลจะฟังว่าผู้ร้องสามารถแสดงอำนาจพิเศษให้ศาลเห็นได้หรือไม่ก็ตาม คดีก็ต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา248 วรรคสาม ที่ผู้ร้องฎีกาว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของบ้านและที่ดินพิพาทมิใช่บริวารของจำเลย เป็นฎีกาในข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามมิให้ฎีกา