พบผลลัพธ์ทั้งหมด 790 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 494/2472
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสิ้นสุดสภาพสามีภรรยาตามพฤติการณ์และการฟ้องแบ่งสินสมรสเกินอายุความ
ผัวเมียต่างคนต่างอยู่คนละแห่งถึงแม้จะนานเท่าใดก็ไม่ขาดจากผัวเมียกัน ปัญหากฎหมาย สินสมรสไม่ใช่มฤดกฟ้องเกิน 1 ปีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 423/2472
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษเด็กอาญา ทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย ลดโทษตามอายุและพฤติการณ์
เด็กอายุไม่ถึง 16 ปีทำผิด วิธีพิจารณาอาญา รับสารภาพโดยจำนนแก่พะยานไม่ลดตามมาตรา 59 ให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1075/2472
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากพฤติการณ์ใช้ขวานฟัน ศาลฎีกาตัดสินผิดฐานพยายามฆ่า
ลักษณพะยาน กรรมเปนเครื่องชี้เจตนา ฆ่าคนตายโดยความพยาบาทแต่เขาไม่ตายมีผิดฐานพยายามฆ่าคนตายตาม ม.249-60 องค์แห่ง ม.250
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1004/2472
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพนัน (ลักเล่นคู่คี่) ศาลฎีกางดโทษจำคุก โดยพิจารณาจากพฤติการณ์ผู้กระทำผิด
ลักเล่นคู่คี่เปนการพนันประเภทห้ามขาด วิธีพิจารณาอาญา ดุลยพินิจของศาลฎีกางดโทษจำคุก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 862-863/2471
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดโทษฐานปราณีย์ในคดีฆ่าคนตาย: พฤติการณ์ร้ายแรงเกินกว่าจะลดโทษได้
ฆ่าคนตายเหตุปราณีย์ดุลพินิจในการลดโทษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 753/2471
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวที่สมควรแก่เหตุ: พฤติการณ์ที่ศาลพิจารณา
ป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8259/2559
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาผิดนัดชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ การบังคับคดีต้องพิจารณาพฤติการณ์โดยรวม
โจทก์กับจำเลยตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ซึ่งศาลแรงงานกลางพิพากษาตามยอม โดยตกลงกันว่าจำเลยยอมชำระเงินจำนวนหนึ่งน้อยกว่ายอดเงินเต็มตามฟ้องแก่โจทก์ โดยแบ่งชำระ 6 งวด ตามกำหนด และจะชำระโดยวิธีโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากของโจทก์ หากจำเลยผิดนัดงวดหนึ่งงวดใดให้ถือว่าผิดนัดทั้งหมดยอมให้โจทก์บังคับคดีได้ทันทีในยอดเงินเต็มตามฟ้องพร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันผิดนัดเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ การตีความว่าจำเลยจะต้องรับผิดชำระยอดเงินเต็มตามฟ้องจะต้องเป็นไปตามความประสงค์หรือเจตนาอันมีร่วมกันของคู่สัญญาซึ่งเป็นเจตนาที่คาดหมายในทางสุจริตโดยพิเคราะห์ถึงปกติประเพณีด้วยตาม ป.พ.พ. มาตรา 368 ดังนั้น คำว่า "จำเลยผิดนัดงวดใดงวดหนึ่ง" จึงหมายถึงกรณีจำเลยจงใจหรือเจตนาผิดนัดชำระหนี้แก่โจทก์
จำเลยชำระเงินให้แก่โจทก์ครบทั้ง 6 งวด ตามสัญญาประนีประนอมความที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาตามยอม โดยการชำระเงินงวดที่ 1 ถึงที่ 4 ตรงตามกำหนด การชำระเงินงวดที่ 5 ถึงกำหนดวันอาทิตย์ จำเลยจึงชำระเงินแก่โจทก์โดยวิธีโอนเงินเข้าบัญชีของโจทก์ในวันจันทร์ และการชำระเงิน งวดสุดท้ายถึงกำหนดสิ้นเดือนเมษายน 2556 วันที่ 1 พฤษภาคม 2556 เป็นวันแรงงานแห่งชาติอันเป็นวันหยุดของสถานประกอบการของจำเลย จำเลยจึงโอนเงินงวดสุดท้ายให้โจทก์ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2556 อันเป็นโอกาสแรกที่ทำได้ ซึ่งล่วงเลยเวลาที่กำหนดมาเพียง 2 วัน ดังนี้เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์การผ่อนชำระหนี้ของจำเลยโดยตลอดแล้ว ยังไม่เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าจำเลยจงใจหรือมีเจตนาผิดนัดชำระหนี้แก่โจทก์อันเป็นการปฏิบัติผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะบังคับคดีในยอดเงินเต็มตามฟ้อง
จำเลยชำระเงินให้แก่โจทก์ครบทั้ง 6 งวด ตามสัญญาประนีประนอมความที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาตามยอม โดยการชำระเงินงวดที่ 1 ถึงที่ 4 ตรงตามกำหนด การชำระเงินงวดที่ 5 ถึงกำหนดวันอาทิตย์ จำเลยจึงชำระเงินแก่โจทก์โดยวิธีโอนเงินเข้าบัญชีของโจทก์ในวันจันทร์ และการชำระเงิน งวดสุดท้ายถึงกำหนดสิ้นเดือนเมษายน 2556 วันที่ 1 พฤษภาคม 2556 เป็นวันแรงงานแห่งชาติอันเป็นวันหยุดของสถานประกอบการของจำเลย จำเลยจึงโอนเงินงวดสุดท้ายให้โจทก์ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2556 อันเป็นโอกาสแรกที่ทำได้ ซึ่งล่วงเลยเวลาที่กำหนดมาเพียง 2 วัน ดังนี้เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์การผ่อนชำระหนี้ของจำเลยโดยตลอดแล้ว ยังไม่เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าจำเลยจงใจหรือมีเจตนาผิดนัดชำระหนี้แก่โจทก์อันเป็นการปฏิบัติผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะบังคับคดีในยอดเงินเต็มตามฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6048/2559
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร่วมกันครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย แม้ยังไม่ส่งมอบแต่มีเจตนาและพฤติการณ์บ่งชี้ความผิดฐานครอบครองเพื่อจำหน่าย
จำเลยขับรถจักรยานยนต์พา ศ. ไปรับเงินค่าเมทแอมเฟตามีนที่ อ. ค้างชำระ ศ. ที่ร้านอาหารที่เกิดเหตุและเดินตาม ศ. เข้าไปในร้าน จำเลยรับว่าเป็นคนขับรถจักรยานยนต์พา ศ. นำเมทแอมเฟตามีน 1,000 เม็ด ไปซุกซ่อนไว้ที่โคนเสาป้ายจราจร จำเลยพาไปยังจุดซ่อนและพบเมทแอมเฟตามีนของกลาง หากจำเลยไม่บอกและไม่พาไปเจ้าพนักงานตำรวจก็ไม่อาจทราบได้ พฤติการณ์ของจำเลยบ่งชี้ว่ารู้เห็นกับการกระทำของ ศ. จำเลยจึงร่วมกับ ศ. มีเมทแอมเฟตามีน 1,000 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
ศ. รับว่า ตกลงขายเมทแอมเฟตามีนแก่ อ. จริง แต่เดินทางมาในวันเกิดเหตุเพื่อรับเงินค่าเมทแอมเฟตามีนที่ อ. ค้างชำระเท่านั้น ไม่ได้นำเมทแอมเฟตามีนมาส่งมอบ โดยซุกซ่อนเมทแอมเฟตามีนไว้ที่โคนเสาป้ายจราจรห่างจากร้านที่เกิดเหตุ 1 กิโลเมตร เมทแอมเฟตามีนจึงยังไม่พร้อมส่งมอบแก่ อ. ในทันทีที่ได้รับเงิน พฤติการณ์ยังไม่ถึงขั้นลงมือกระทำผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน ไม่เป็นความผิดฐานพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน
ศ. รับว่า ตกลงขายเมทแอมเฟตามีนแก่ อ. จริง แต่เดินทางมาในวันเกิดเหตุเพื่อรับเงินค่าเมทแอมเฟตามีนที่ อ. ค้างชำระเท่านั้น ไม่ได้นำเมทแอมเฟตามีนมาส่งมอบ โดยซุกซ่อนเมทแอมเฟตามีนไว้ที่โคนเสาป้ายจราจรห่างจากร้านที่เกิดเหตุ 1 กิโลเมตร เมทแอมเฟตามีนจึงยังไม่พร้อมส่งมอบแก่ อ. ในทันทีที่ได้รับเงิน พฤติการณ์ยังไม่ถึงขั้นลงมือกระทำผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน ไม่เป็นความผิดฐานพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9046/2558
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร่วมกันทำร้ายร่างกาย: พฤติการณ์ต่อเนื่อง, เจตนา, การหลบหนีบ่งชี้การเป็นตัวการร่วม
ก่อนเกิดเหตุผู้เสียหายขับรถจักรยานยนต์สวนทางกับกลุ่มวัยรุ่นที่ขับและนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์แล่นมา 6 คัน จากนั้นพวกของจำเลยขับและนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์คันหนึ่งมาด่าผู้เสียหายแล้วกลับไปรวมตัวกับกลุ่มวัยรุ่นที่อยู่ในสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง ต่อมาพวกของจำเลยและจำเลยขับและนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์มายังบริเวณที่เกิดเหตุ แล้วพวกของจำเลยใช้ขวดสุราขว้างปาใส่ผู้เสียหาย พฤติการณ์การเชื่อได้ว่า กลุ่มวัยรุ่นที่กระทำการดังกล่าวเป็นกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มเดียวกันโดยมีจำเลยอยู่ร่วมกลุ่มด้วยมาโดยตลอด แสดงว่าจำเลยรับรู้ข้อเท็จจริงที่เป็นมูลเหตุแห่งคดีนี้มาตั้งแต่ต้น ประกอบกับขณะเกิดเหตุพวกของจำเลยที่ใช้ขวดขว้างปาใส่ผู้เสียหายยังใช้ผ้าปิดบังอำพรางใบหน้า ส่อแสดงว่าจะก่อเหตุร้ายขึ้นโดยไม่ให้มีผู้ใดจดจำได้ ซึ่งจำเลยย่อมตระหนักได้เป็นอย่างดี หากจำเลยไม่มีเจตนาร่วมกับพวกในการกระทำความผิด จำเลยก็ชอบจะแยกตัวไปโดยไม่เกี่ยวข้องด้วย พฤติการณ์แห่งคดีชี้ให้เห็นว่าจำเลยกับพวกคบคิดกันมาก่อนในการทำร้ายผู้เสียหาย และอยู่ในภาวะที่สามารถช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ อีกทั้งยังหลบหนีไปด้วยกัน จำเลยจึงเป็นตัวการร่วมกับพวกกระทำความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6429/2558
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งมรดกและการยินยอมให้โอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์มรดกแก่ทายาทอื่น ศาลพิจารณาจากพฤติการณ์และเจตนาของเจ้ามรดก
ในการยื่นคำร้องขอตั้งผู้จัดการมรดกของ ต. ฝ่ายโจทก์ทั้งสองตกลงให้ตั้งจำเลยที่ 1 และฝ่ายจำเลยที่ 3 และที่ 4 ตกลงให้ตั้งจำเลยที่ 2 เป็นผู้จัดการมรดก ต. ข้อตกลงดังกล่าวเพื่อให้มีตัวแทนของแต่ละฝ่ายเป็นผู้รักษาผลประโยชน์ส่วนของตนในกองมรดกของ ต. เมื่อก่อนที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและอาคารพิพาทแก่จำเลยที่ 3 และที่ 4 ซึ่งเดิมจำเลยที่ 2 บ. สามีโจทก์ที่ 2 และโจทก์ที่ 2 นำที่ดินและอาคารดังกล่าวออกให้เช่า เมื่อใกล้ครบสัญญาเช่า ผู้เช่าทำหนังสือถึงโจทก์ที่ 2 ขอทำสัญญาเช่าต่อพร้อมขออนุญาตปรับปรุงอาคารที่เช่า โจทก์ที่ 2 จึงมีหนังสือถึงจำเลยที่ 3 ให้เป็นผู้ตกลงกับผู้เช่าเอง ต่อมาจำเลยที่ 3 จึงเป็นผู้ให้เช่าแทนโจทก์ที่ 2 อีก 2 ครั้ง เป็นเวลา 6 ปี ซึ่งโจทก์ที่ 2 ยอมรับว่าจำเลยที่ 3 เป็นผู้เก็บค่าเช่าเองโดยโจทก์ที่ 2 ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวเลย โดยจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในฐานะผู้จัดการมรดกของ ต. ยื่นคำร้องขอออกโฉนดที่ดินพิพาทแทนฉบับเดิมที่สูญหาย ซึ่งโจทก์ที่ 2 ยอมรับว่าเดิม บ. เป็นผู้เก็บโฉนดดังกล่าวไว้ แต่ขณะออกโฉนดที่ดินฉบับใหม่ บ. ถึงแก่ความตายแล้ว ดังนั้น หากโจทก์ที่ 2 มิได้รู้เห็นยินยอมให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ในฐานะผู้จัดการมรดกของ ต. โอนที่ดินพิพาทพร้อมมอบโฉนดที่ดินให้ไปดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์แก่จำเลยที่ 3 และที่ 4 จำเลยที่ 1 และที่ 2 ก็ไม่สามารถดำเนินการเองโดยลำพัง พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า โจทก์ทั้งสองในฐานะส่วนตัวและในฐานะผู้จัดการมรดกของ บ. ยินยอมแบ่งที่ดินพร้อมอาคารพิพาทอันเป็นทรัพย์มรดกของ ต. ให้แก่จำเลยที่ 3 และที่ 4 ซึ่งจำเลยที่ 3 และที่ 4 ก็เข้าครอบครองทรัพย์มรดกเป็นส่วนสัดตาม ป.พ.พ. 1750 วรรคหนึ่ง โดยการนำออกให้เช่าและเก็บค่าเช่ามาโดยตลอด โจทก์ทั้งสองจึงไม่อาจเรียกให้นำที่ดินและอาคารพิพาทมาแบ่งแก่โจทก์ทั้งสองได้อีก
คำพิพากษาในส่วนเกี่ยวกับการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ จึงมีผลถึงจำเลยที่ 2 ซึ่งมิได้ฎีกาด้วย ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 245 (1) ประกอบมาตรา 247 แม้จำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 มิได้ยกข้อต่อสู้เรื่องการครอบครองเป็นส่วนสัด แต่เป็นอำนาจและหน้าที่ของศาลในการปรับข้อเท็จจริงเข้ากับข้อกฎหมายอันเป็นการปรับบทกฎหมาย
คำพิพากษาในส่วนเกี่ยวกับการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ จึงมีผลถึงจำเลยที่ 2 ซึ่งมิได้ฎีกาด้วย ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 245 (1) ประกอบมาตรา 247 แม้จำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 มิได้ยกข้อต่อสู้เรื่องการครอบครองเป็นส่วนสัด แต่เป็นอำนาจและหน้าที่ของศาลในการปรับข้อเท็จจริงเข้ากับข้อกฎหมายอันเป็นการปรับบทกฎหมาย