พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,865 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3748/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขวันที่เช็คโดยไม่ยินยอมทำให้เช็คเสีย และจำเลยไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทลงวันที่ 30 ธันวาคม 2528 ต่อมามีผู้ประทับตราลงวันที่ 17 มีนาคม 2530 ในบรรทัดถัดลงมาโดยจำเลยมิได้เป็นผู้ประทับตราวันเดือนปีซึ่งมุ่งหมายจะให้เป็นวันสั่งจ่ายครั้งใหม่ จึงถือได้ว่ามีผู้แก้ไขวันที่สั่งจ่ายใหม่อันเป็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงในข้อสำคัญของเช็คโดยจำเลยมิได้ยินยอมด้วยเช็คนั้นจึงเสียไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1007วรรคหนึ่ง จำเลยจึงไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3748/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คแก้ไขวันที่สั่งจ่ายโดยไม่ยินยอม ทำให้เช็คเสีย มิเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.เช็ค
จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทลงวันที่ 30 ธันวาคม 2528 ต่อมามีผู้ประทับตราลงวันที่ 17 มีนาคม 2530 ในบรรทัดถัดลงมาโดยจำเลยมิได้เป็นผู้ประทับตราวันเดือนปีซึ่งมุ่งหมายจะให้เป็นวันสั่งจ่ายครั้งใหม่ จึงถือได้ว่ามีผู้แก้ไขวันที่สั่งจ่ายใหม่อันเป็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงในข้อสำคัญของเช็คโดยจำเลยมิได้ยินยอมด้วยเช็คนั้นจึงเสียไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1007วรรคหนึ่ง จำเลยจึงไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3630/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมความระหว่างดำเนินคดีเช็ค ศาลระงับคดีตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
คดีความผิดต่อส่วนตัว ระหว่างนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา โจทก์ยื่นคำร้องเป็นใจความว่า จำเลยชำระหนี้ตามเช็คที่นำมาฟ้องให้แก่โจทก์เป็นที่พอใจแล้ว โจทก์ไม่ประสงค์จะดำเนินคดีแก่จำเลยอีกต่อไปขอถอนคำร้องทุกข์ จำเลยไม่คัดค้าน ปรากฏว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายฟ้องคดีเอง และไม่เคยแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน คำร้องดังกล่าวจึงพอแปลความได้ว่าโจทก์จำเลยยอมความกันสิทธินำคดีอาญามาฟ้องจึงระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3613/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสภาพหนี้และการคิดดอกเบี้ยจากต้นเงินเดิม แม้มีการตกลงผ่อนผันหนี้
แม้จำเลยยอมรับตามหนังสือขอผ่อนผันการชำระหนี้ว่า จำเลยเป็นหนี้โจทก์จำนวนเงินตามเช็คทั้งสองฉบับกับดอกเบี้ยค้างชำระเป็นเงินรวมทั้งสิ้น 71,058.78 บาท ก็ตามแต่ในหนังสือดังกล่าวก็ระบุไว้ชัดว่าจำเลยตกลงจะขอชำระหนี้จำนวน 20,000 บาท ภายในสิ้นเดือนกรกฎาคม 2524 และขอผ่อนชำระหนี้ที่เหลือเดือนละ 2,000 บาทภายในสิ้นเดือนของทุกเดือนเริ่มตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2524 หากผิดนัดยอมให้โจทก์คิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 19 ต่อปีตามปกติกับขอให้โจทก์งดคิดดอกเบี้ยในระหว่างผ่อนชำระและลดหย่อนให้บ้าง หาได้รับสภาพหนี้ในต้นเงิน 71,058.79 บาท โดยยินยอมให้โจทก์เอาดอกเบี้ยที่ค้างชำระทบเข้ากับต้นเงินตามเช็คทั้งสองฉบับแล้วให้คิดดอกเบี้ยในจำนวนเงินที่ทบเข้ากันนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 655 ไม่ ดังนั้น โจทก์จึงมีสิทธิคิดดอกเบี้ยในต้นเงิน30,000 บาท ตามเช็คทั้งสองฉบับรวมกัน ซึ่งเป็นสิทธิเรียกร้องที่โจทก์มีอยู่เดิมต่อจำเลยผู้เป็นลูกหนี้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 349/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษหลายกรรมต่างกันจากเช็ค และการเข้าสู่คดีของจำเลยที่ ๑ โดยการตั้งทนาย
โจทก์ได้ บรรยายฟ้องแจ้งชัดว่าจำเลยออกเช็ค ๒ ฉบับ เมื่อปรากฏว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันตามเช็คแต่ละฉบับ ศาลย่อมลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดได้ตามป.อ. มาตรา ๙๑ แม้โจทก์ไม่ได้อ้างบทมาตราดังกล่าวมาในคำขอท้ายฟ้อง ก็จะถือว่าศาลลงโทษเกินคำขอหาได้ไม่ ป.วิ.อ. มาตรา ๑๕๘ (๖เพียงแต่ บัญญัติให้โจทก์อ้างมาตราในกฎหมายซึ่ง บัญญัติว่า การกระทำเช่นนั้นเป็นความผิดเท่านั้น
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ ๑ ซึ่ง เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดกับจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ กรรมการร่วมกันออกเช็ค อันเป็นความผิดตามพ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค จำเลยที่ ๑ โดย ธ. และ ร. กรรมการผู้มีอำนาจลงชื่อผูกพันจำเลยที่ ๑ ได้ ตั้งทนายความก่อนมีการไต่สวนมูลฟ้อง ย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ ๑ ได้เข้ามาในคดีนี้แล้วนับตั้งแต่ วันที่ตั้ง ทนายความ เมื่อจำเลยที่ ๓ในนามของจำเลยที่ ๑ และในฐานะ ส่วนตัวให้การรับสารภาพโดยจำเลยที่ ๓ กับทนายจำเลยผู้นั้นลงลายมือชื่อท้ายคำให้การและรายงานกระบวนพิจารณา การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลที่พิพากษาลงโทษปรับจำเลยที่ ๑ จึงชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา ๑๗๒.
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ ๑ ซึ่ง เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดกับจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ กรรมการร่วมกันออกเช็ค อันเป็นความผิดตามพ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค จำเลยที่ ๑ โดย ธ. และ ร. กรรมการผู้มีอำนาจลงชื่อผูกพันจำเลยที่ ๑ ได้ ตั้งทนายความก่อนมีการไต่สวนมูลฟ้อง ย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ ๑ ได้เข้ามาในคดีนี้แล้วนับตั้งแต่ วันที่ตั้ง ทนายความ เมื่อจำเลยที่ ๓ในนามของจำเลยที่ ๑ และในฐานะ ส่วนตัวให้การรับสารภาพโดยจำเลยที่ ๓ กับทนายจำเลยผู้นั้นลงลายมือชื่อท้ายคำให้การและรายงานกระบวนพิจารณา การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลที่พิพากษาลงโทษปรับจำเลยที่ ๑ จึงชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา ๑๗๒.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 349/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำเลยหลายกรรม และการรับสารภาพของนิติบุคคลผ่านผู้มีอำนาจ
โจทก์ได้บรรยายฟ้องแจ้งชัดว่าจำเลยออกเช็ค 2 ฉบับเมื่อปรากฏว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันตามเช็คแต่ละฉบับ ศาลย่อมลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดได้ตาม ป.อ. มาตรา 91 แม้โจทก์ไม่ได้อ้างบทมาตราดังกล่าวมาในคำขอท้ายฟ้อง ก็จะถือว่าศาลลงโทษเกินคำขอหาได้ไม่ ป.วิ.อ. มาตรา 158(6) เพียงแต่บัญญัติให้โจทก์อ้างมาตราในกฎหมายซึ่งบัญญัติว่า การกระทำเช่นนั้นเป็นความผิดเท่านั้น.
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 กรรมการร่วมกันออกเช็คอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯจำเลยที่ 1 โดย ธ.และร. กรรมการผู้มีอำนาจลงชื่อผูกพันจำเลยที่ 1 ได้ตั้งทนายความก่อนมีการไต่สวนมูลฟ้อง ย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้เข้ามาในคดีนี้แล้ว นับตั้งแต่วันที่ตั้งทนายความ เมื่อจำเลย ที่ 3 ในนามของจำเลยที่ 1และในฐานะส่วนตัวให้การ รับสารภาพโดยจำเลยที่ 3 กับทนายจำเลยผู้นั้นลงลายมือชื่อท้ายคำให้การและรายงานกระบวนพิจารณาการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลที่พิพากษาลงโทษปรับจำเลยที่ 1 จึงชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 172.
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 กรรมการร่วมกันออกเช็คอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯจำเลยที่ 1 โดย ธ.และร. กรรมการผู้มีอำนาจลงชื่อผูกพันจำเลยที่ 1 ได้ตั้งทนายความก่อนมีการไต่สวนมูลฟ้อง ย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้เข้ามาในคดีนี้แล้ว นับตั้งแต่วันที่ตั้งทนายความ เมื่อจำเลย ที่ 3 ในนามของจำเลยที่ 1และในฐานะส่วนตัวให้การ รับสารภาพโดยจำเลยที่ 3 กับทนายจำเลยผู้นั้นลงลายมือชื่อท้ายคำให้การและรายงานกระบวนพิจารณาการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลที่พิพากษาลงโทษปรับจำเลยที่ 1 จึงชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 172.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3392/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คแก้ไขเลขบัญชีโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นเอกสารปลอม แต่ขาดหลักฐานการใช้งาน
แบบพิมพ์เช็คที่ธนาคารมอบให้ ล. เพื่อใช้สั่งจ่ายเงินได้เขียนข้อความไว้ในเช็คว่า บัญชีเลขที่ 2009 เมื่อมีผู้แก้ไขเลขบัญชีในเช็คจากเลขที่ 2009 เป็นเลขที่ 2099 แล้วกรอกข้อความลงในเช็คครบถ้วนและลงลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายโดย ล. ไม่ได้อนุญาตเช็คดังกล่าวจึงเป็นเอกสารปลอม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3392/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คแก้ไขเลขบัญชีโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นเอกสารปลอม แต่ขาดหลักฐานการใช้เช็คปลอม
แบบพิมพ์เช็คที่ธนาคารมอบให้ ล. เพื่อใช้สั่งจ่ายเงินได้เขียนข้อความไว้ในเช็คว่าบัญชีเลขที่ 2009 เมื่อมีผู้แก้ไขเลขบัญชีในเช็คจากเลขที่ 2009 เป็นเลขที่ 2099 แล้วกรอกข้อความลงในเช็คครบถ้วนและลงลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายโดย ล. ไม่ได้อนุญาตกรณีถือได้ว่าเช็คดังกล่าวเป็นเอกสารปลอมแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3392/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คแก้ไขเลขบัญชีโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นเอกสารปลอม แต่ไม่มีหลักฐานการใช้เช็คปลอม
แบบพิมพ์เช็คที่ธนาคารมอบให้ ล. เพื่อใช้สั่งจ่ายเงินได้เขียนข้อความไว้ในเช็คว่า บัญชีเลขที่ 2009 เมื่อมีผู้แก้ไขเลขบัญชีในเช็คจากเลขที่ 2009 เป็นเลขที่ 2099 แล้วกรอกข้อความลงในเช็คครบถ้วนและลงลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายโดย ล. ไม่ได้อนุญาตเช็คดังกล่าวจึงเป็นเอกสารปลอม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3176/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสลักหลังเช็คโดยกรรมการคนเดียวและการให้สัตยาบันของบริษัท
จำเลยที่ 3 เป็นกรรมการผู้หนึ่งของบริษัท น. ลงชื่อสลักหลังและประทับตราสำคัญของบริษัทในเช็คที่สั่งจ่ายให้แก่โจทก์ซึ่งนำเงินมาฝาก แม้ข้อบังคับของบริษัทจะต้องมีกรรมการสองคนลงชื่อร่วมกันพร้อมกับประทับตราสำคัญก็ตาม แต่การที่บริษัทได้นำเงินฝากของโจทก์มาใช้ในกิจการของตนโดยนำไปปล่อยให้กู้และรับดอกเบี้ยส่วนเกินจากผู้กู้เป็นผลประโยชน์ของบริษัท ถือได้ว่าเป็นการให้สัตยาบันและมีผลผูกพันบริษัท จำเลยที่ 3 จึงไม่ต้องรับผิดเป็นการส่วนตัวต่อโจทก์ผู้ทรงเช็ค.