พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,178 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2179/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำนำตั๋วเงินและใบหุ้น ต้องมีข้อตกลงชัดเจน การรับเช็คและใบหุ้นเพื่อชำระหนี้ ไม่ถือเป็นการจำนำ
ฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยเอาเช็คมาแลกเงินสดจากโจทก์ไปสองคราวและมอบใบหุ้นให้โจทก์ยึดถือไว้ ไม่มีข้อความจำเลยมอบเช็คและใบหุ้นให้โจทก์ยึดถือไว้เพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ ไม่บรรยายว่าโจทก์จำเลยตกลงกันจำนำเช็คหรือใบหุ้นต่อกัน กรณีไม่เป็นการจำนำ
จำเลยเอาเช็คมาแลกเงินสดไปจากโจทก์และมอบใบหุ้นให้โจทก์ยึดถือไว้โจทก์ให้ทนายมีหนังสือทวงถามให้จำเลยเอาเงินมาคืน ดังนี้ ไม่เป็นการบังคับจำนำ
จำเลยเอาเช็คมาแลกเงินสดไปจากโจทก์และมอบใบหุ้นให้โจทก์ยึดถือไว้โจทก์ให้ทนายมีหนังสือทวงถามให้จำเลยเอาเงินมาคืน ดังนี้ ไม่เป็นการบังคับจำนำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2179/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแลกเงินและมอบใบหุ้นไม่ถือเป็นการจำนำ หากไม่มีข้อตกลงหรือเจตนาที่ชัดเจน
ฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยเอาเช็คมาแลกเงินสดจากโจทก์ไปสองคราวและมอบใบหุ้นให้โจทก์ยึดถือไว้ ไม่มีข้อความว่าจำเลยมอบเช็คและใบหุ้นให้โจทก์ยึดถือไว้เพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ ไม่บรรยายว่าโจทก์จำเลยตกลงกันจำนำเช็คหรือใบหุ้นต่อกันกรณีไม่เป็นการจำนำ
จำเลยเอาเช็คมาแลกเงินสดไปจากโจทก์และมอบใบหุ้นให้โจทก์ยึดถือไว้โจทก์ให้ทนายมีหนังสือทวงถามให้จำเลยเอาเงินมาคืน ดังนี้ ไม่เป็นการบังคับจำนำ
จำเลยเอาเช็คมาแลกเงินสดไปจากโจทก์และมอบใบหุ้นให้โจทก์ยึดถือไว้โจทก์ให้ทนายมีหนังสือทวงถามให้จำเลยเอาเงินมาคืน ดังนี้ ไม่เป็นการบังคับจำนำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2144/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการปฏิบัติตามคำพิพากษา ข้อตกลงนอกศาลมิอาจขัดขวางการบังคับคดีได้
เมื่อจำเลยมิได้ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์ชอบที่จะร้องขอให้บังคับคดีได้ข้อตกลงใดๆ นอกศาลระหว่างโจทก์กับจำเลยหากจะพึงมี ก็เป็นเรื่องที่จำเลยจะไปว่ากล่าวกับโจทก์อีกส่วนหนึ่ง หาเป็นเหตุที่จะยกขึ้นอ้างเพื่องดการบังคับคดีได้ไม่ (อ้างฎีกาที่ 293/2513)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2108/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหักกลบลบหนี้โดยข้อตกลง: เจตนาต่อกันเพียงพอ ไม่ต้องฟ้องแย้งหรือทำเป็นหนังสือ
การหักกลบลบหนี้ซึ่งทำตามข้อตกลงของคู่กรณีนั้น อาจทำได้โดยการแสดงเจตนาต่อกัน ไม่ต้องฟ้องแย้ง และไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2025/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงการเช่าที่ดินและขายฝากบ้าน การใช้สิทธิฟ้องรื้อถอนบ้านโดยไม่สุจริต
ภรรยาโจทก์เอาบ้านซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินที่โจทก์เช่านาไปขายฝากไว้กับจำเลยมีกำหนด 2 ปี โดยโจทก์กับภรรยาโจทก์บอกจำเลยว่า ถ้าภรรยาโจทก์ไม่ซื้อบ้านคืนภายในกำหนดให้สิทธิการเช่าที่ดินตกเป็นของจำเลยอันเป็นการแสดงเจตนาว่าจำเลยไม่ต้องรื้อถอนบ้านออกไป ดังนี้ เมื่อภรรยาโจทก์ไม่ซื้อบ้านคืนภายในกำหนด โจทก์ก็จะฟ้องให้จำเลยรื้อถอนบ้านออกไปจากที่ดินที่โจทก์เช่าไม่ได้ เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1990/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าต้องมีข้อตกลงที่แน่นอน การก่อสร้างก่อนสัญญาไม่ผูกพันคู่สัญญา
โจทก์เป็นบริษัทจำกัด จัดตั้งขึ้นด้วยวัตถุประสงค์ที่จะก่อสร้างดำเนินกิจการโรงแรมและสำนักงานทันสมัยและมีความประสงค์จะให้ธนาคารตั้งที่ทำการในอาคารพาณิชย์ที่โจทก์จะสร้างขึ้นนั้นด้วย จำเลยเป็นธนาคารพาณิชย์ จดทะเบียน มีสำนักงานใหญ่ ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา และมีสำนักงานสาขาอยู่ในประเทศไทย เมื่อโจทก์ได้ทำการก่อสร้างอาคารได้เสนอให้จำเลยเช่าอาคารพิพาทต่อผู้จัดการธนาคารจำเลยสาขาในประเทศไทย ผู้จัดการธนาคารจำเลยสาขาในประเทศไทยได้ไปดูสถานที่ที่โจทก์เสนอให้เช่า แล้วมีการเจรจากัน ต่อมาผู้จัดการธนาคารจำเลยสาขาในประเทศไทยมีหนังสือยืนยันว่าธนาคารจำเลยประสงค์จะเช่าอาคารของโจทก์ตามที่เจรจากัน แต่ขอให้โจทก์แจ้งรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อแจ้งไปยังสำนักงานใหญ่โจทก์ได้แจ้งรายละเอียดเพิ่มเติมไป ธนาคารจำเลยได้ขอร้องให้เพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงรายการก่อสร้างอีกหลายอย่าง โจทก์ก็จัดการให้ ทั้งนี้ โดยโจทก์ทราบดีอยู่แล้วว่า อำนาจในการเช่าอยู่ที่สำนักงานใหญ่ของธนาคารจำเลย หาใช่อยู่ในอำนาจของผู้จัดการธนาคารจำเลยสาขาในประเทศไทยไม่ดังนี้ แม้ผู้จัดการธนาคารจำเลยสาขาในประเทศไทยจะเป็นตัวแทนสำนักงานใหญ่ติดต่อเช่าอาคารพิพาทก็ตาม แต่โจทก์จำเลยยังมิได้ตกลงกันในเรื่องราคาค่าเช่าเป็นที่แน่นอนซึ่งจำเลยถือเป็นข้อสาระสำคัญอันจะต้องได้รับอนุมัติจากสำนักงานใหญ่ก่อน และผู้จัดการธนาคารจำเลยสาขาในประเทศไทยก็ยังมิได้รับอนุมัติจากสำนักงานใหญ่ให้เช่าอาคารพิพาทด้วยจึงถือว่าโจทก์จำเลยยังมิได้มีสัญญาต่อกัน แม้โจทก์จะได้ก่อสร้างอาคารไปตามที่ผู้จัดการธนาคารจำเลยสาขาในประเทศไทยกำหนดหรือแก้ไขแบบแปลนในระหว่างเจรจากันก็เป็นเรื่องที่โจทก์กระทำไปเพื่อจูงใจให้ธนาคารจำเลยเช่าอาคารพิพาทหรือเชื่อว่าสำนักงานใหญ่ธนาคารจำเลยจะอนุมัติให้เช่าอาคารพิพาท โจทก์จึงจะเรียกค่าเสียหายจากจำเลยหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1909-1910/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเหนือพื้นดิน - ข้อตกลงไม่จดทะเบียน - สิทธิจำกัด - การรื้อถอน
เรือนของจำเลยอยู่ในที่ดินของโจทก์เพราะแยกกันได้มาจากเจ้าของเดิมคนเดียวกัน โจทก์ตกลงให้เรือนคงอยู่ในที่พิพาทต่อไป ข้อตกลงนี้ไม่ได้จดทะเบียน จำเลยไม่มีสิทธิเหนือพื้นดิน โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยรื้อไปได้ กรณีไม่เข้า มาตรา 1310
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1745/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงให้ผลคดีหนึ่งผูกพันอีกคดีหนึ่งชอบด้วยกฎหมาย หากคดีทั้งสองเกี่ยวข้องกันและมีเหตุผลสนับสนุน
โจทก์ฟ้องว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยได้นำรังวัดที่ดินของจำเลยเพื่อออก น.ส.3 แต่ได้นำรังวัดเอาที่พิพาทรวมเข้าไปด้วย ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยแบ่งแยกที่พิพาทออกจาก น.ส.3 และห้ามเข้าเกี่ยวข้อง จำเลยให้การว่าที่พิพาทเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินของบิดาจำเลยได้บุกเบิกแผ้วถางทำประโยชน์มานาน 40 ปีแล้ว ต่อมาบิดาจำเลยตายที่ดินนี้จึงตกได้แก่จำเลย ชั้นพิจารณามีการทำแผนที่พิพาท ปรากฏว่าที่ดินตาม น.ส.3 ของจำเลยนอกจากจะพิพาทกับโจทก์ ยังพิพาทกับ จ. โดยที่พิพาทคดีนี้กับคดีนั้นอยู่ติดกัน โจทก์จำเลยถึงแถลงร่วมกันว่าไม่ติดใจสืบพยาน โดยตกลงท้ากันว่าเมื่อคดีถึงที่สุดหาก จ.ชนะคดีก็ให้ถือว่าคดีนี้โจทก์เป็นฝ่ายชนะ ถ้าคดีนั้นจำเลยชนะก็ให้ถือว่าคดีนี้จำเลยเป็นฝ่ายชนะ ต่อมาคดีที่จำเลยพิพาทกับ จ. นั้น ศาลฎีกาพิพากษาให้ จ.ชนะคดี ศาลชั้นต้นจึงพิพากษาในคดีนี้ให้จำเลยแบ่งแยกที่พิพาทออกจาก น.ส.3 ของจำเลย และห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง ดังนี้ เมื่อปรากฏว่าที่พิพาททั้งสองคดีนี้อยู่ติดกัน และต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของที่ดินแปลงใหญ่ตาม น.ส.3 ของจำเลย จำเลยได้ขอออก น.ส.3 ครอบที่พิพาททั้งสองแปลงเข้าไปด้วย และทั้งสองคดีจำเลยให้การต่อสู้ทำนองเดียวกัน คดีทั้งสองจึงเกี่ยวข้องกัน มิใช่เป็นเรื่องเอาเหตุการณ์ภายนอกมาเป็นข้อท้าแต่อย่างใด การที่ให้ถือเอาผลแห่งคำพิพากษาคดีอีกเรื่องหนึ่งซึ่งมีความเกี่ยวข้องกันอยู่มาเป็นข้อแพ้ชนะในคดีนี้ มีผลให้บังคับคดีนี้ได้ ย่อมถือว่าเป็นคำท้าที่ชอบด้วยกฎหมาย หามีลักษณะเป็นการพนันขันต่อแต่อย่างใดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1745/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงให้ผลคดีหนึ่งผูกพันอีกคดีหนึ่งชอบด้วยกฎหมาย หากคดีทั้งสองเกี่ยวข้องกันและไม่ใช่การพนัน
โจทก์ฟ้องว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยได้นำรังวัดที่ดินของจำเลยเพื่อออก น.ส.3 แต่ได้นำรังวัดเอาที่พิพาทรวมเข้าไปด้วย ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยแบ่งแยกที่พิพาทออกจาก น.ส.3 และห้ามเข้าเกี่ยวข้อง จำเลยให้การว่าที่พิพาทเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินของบิดาจำเลยได้บุกเบิกแผ้วถางทำประโยชน์มานาน 40 ปีแล้ว ต่อมาบิดาจำเลยตายที่ดินนี้จึงตกได้แก่จำเลย ชั้นพิจารณามีการทำแผนที่พิพาทปรากฏว่าที่ดินตาม น.ส.3 ของจำเลยนอกจากจะพิพาทกับโจทก์ ยังพิพาทกับ จ. โดยที่พิพาทคดีนี้กับคดีนั้นอยู่ติดกัน โจทก์จำเลยจึงแถลงร่วมกันว่าไม่ติดใจสืบพยาน โดยตกลงท้ากันว่าเมื่อคดีนั้นถึงที่สุด หากจ. ชนะคดีก็ให้ถือว่าคดีนี้โจทก์เป็นฝ่ายชนะ ถ้าคดีนั้นจำเลยชนะก็ให้ถือว่าคดีนี้จำเลยเป็นฝ่ายชนะ ต่อมาคดีที่จำเลยพิพาทกับ จ. นั้น ศาลฎีกาพิพากษาให้ จ.ชนะคดี ศาลชั้นต้นจึงพิพากษาในคดีนี้ให้จำเลยแบ่งแยกที่พิพาทออกจาก น.ส.3 ของจำเลยและห้ามจำเลยเกี่ยวข้องดังนี้เมื่อปรากฏว่าที่พิพาททั้งสองคดีนี้อยู่ติดกันและต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของที่ดินแปลงใหญ่ตาม น.ส.3 ของจำเลย จำเลยได้ขอออก น.ส.3 ครอบที่พิพาททั้งสองแปลงเข้าไปด้วย และทั้งสองคดีจำเลยให้การต่อสู้ทำนองเดียวกัน คดีทั้งสองจึงเกี่ยวข้องกัน มิใช่เป็นเรื่องเอาเหตุการณ์ภายนอกมาเป็นข้อท้าแต่อย่างใด การที่ให้ถือเอาผลแห่งคำพิพากษาคดีอีกเรื่องหนึ่งซึ่งมีความเกี่ยวข้องกันอยู่มาเป็นข้อแพ้ชนะในคดีนี้ มีผลให้บังคับคดีนี้ได้ ย่อมถือว่าเป็นคำท้าที่ชอบด้วยกฎหมาย หามีลักษณะเป็นการพนันขันต่อแต่อย่างใดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1536/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าและสถานีบริการ: สิทธิเลิกสัญญา, ข้อตกลงพิเศษ, และการลดเบี้ยปรับ
สัญญาเช่าที่ดินจดทะเบียนกำหนด 15 ปี แต่ระบุไว้ว่าผู้เช่าเลิกสัญญาได้โดยบอกกล่าวล่วงหน้า 30 วัน ผู้เช่าบอกเลิกก่อน 15 ปีได้
สัญญาดำเนินการสถานีบริการระบุว่าผู้ดำเนินการต้องเก็บและใช้สินค้าน้ำมันที่ซื้อจากบริษัทโดยตรงเท่านั้น ถ้าฝ่าฝืนบริษัทบอกเลิกสัญญาได้ ดังนี้ ผู้ดำเนินการซื้อน้ำมันจากผู้อื่น แม้เป็นน้ำมันของบริษัทบริษัทก็บอกเลิกสัญญาได้
เบี้ยปรับกำหนดไว้วันละ 2,000 บาท ศาลลดลงให้เสียเพียงวันละ 100 บาทได้
สัญญาดำเนินการสถานีบริการระบุว่าผู้ดำเนินการต้องเก็บและใช้สินค้าน้ำมันที่ซื้อจากบริษัทโดยตรงเท่านั้น ถ้าฝ่าฝืนบริษัทบอกเลิกสัญญาได้ ดังนี้ ผู้ดำเนินการซื้อน้ำมันจากผู้อื่น แม้เป็นน้ำมันของบริษัทบริษัทก็บอกเลิกสัญญาได้
เบี้ยปรับกำหนดไว้วันละ 2,000 บาท ศาลลดลงให้เสียเพียงวันละ 100 บาทได้