พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,104 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 253/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนการจ้างไม่ใช่การเลิกจ้าง: สิทธิค่าชดเชยเมื่อมีการเปลี่ยนนายจ้าง
การที่โจทก์พ้นจากการเป็นลูกจ้างของจำเลยแล้วเข้าเป็นลูกจ้างของบริษัท ส. นั้น โจทก์ได้ทำงานรับจ้างต่อไป ตามเดิม ได้รับสิทธิและประโยชน์ต่างๆ จากนายจ้างคนใหม่เช่นที่เคยได้รับอยู่เดิมและได้นับระยะเวลาการทำงานระหว่างเป็นลูกจ้างของจำเลยกับเป็นลูกจ้างของบริษัท ส.ติดต่อกัน ดังนี้ เห็นได้ว่ามิได้มีการเลิกจ้างโจทก์ยังคงมีการจ้างต่อไปตามเดิม เพียงแต่เปลี่ยนตัวนายจ้างจากจำเลยเป็นบริษัทส. เท่านั้น จึงเป็นเรื่องโอนการจ้างหาใช่เลิกจ้างไม่ โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้ค่าชดเชยจากจำเลย
แม้การโอนการจ้างนี้จะเป็นไปตามข้อตกลงระหว่างกรมโรงงานอุตสาหกรรมกับบริษัท ส. ก็ถือได้ว่ากรมโรงงานอุตสาหกรรมกระทำในฐานะเป็นตัวแทนของจำเลยโดยปริยายเพราะกรมโรงงานอุตสาหกรรมมีความรับผิดชอบผูกพันต่อโจทก์ในเรื่องการว่าจ้างทำงานในโรงงานแห่งนี้ หากจำเลยดำเนินการตามสัญญาเช่าไม่ได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรมก็ต้องรับโจทก์เป็นลูกจ้างต่อไป
แม้การโอนการจ้างนี้จะเป็นไปตามข้อตกลงระหว่างกรมโรงงานอุตสาหกรรมกับบริษัท ส. ก็ถือได้ว่ากรมโรงงานอุตสาหกรรมกระทำในฐานะเป็นตัวแทนของจำเลยโดยปริยายเพราะกรมโรงงานอุตสาหกรรมมีความรับผิดชอบผูกพันต่อโจทก์ในเรื่องการว่าจ้างทำงานในโรงงานแห่งนี้ หากจำเลยดำเนินการตามสัญญาเช่าไม่ได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรมก็ต้องรับโจทก์เป็นลูกจ้างต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2499/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความละเมิด, ความรับผิดทางละเมิดของนายจ้างและลูกจ้าง, การนับอายุความ
จำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2518 การนับอายุความประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 158 มิให้นับวันที่ 20 พฤษภาคม 2518 ซึ่งเป็นวันแรกรวมคำนวณไปด้วย เพราะมิได้มีการเริ่มอะไรในวันนั้น ต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 21 พฤษภาคม 2518 โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2519 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่จะครบ 1 ปี คดีของโจทก์ไม่ขาดอายุความ
จำเลยที่ 3 เข้าหุ้นกับจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนิติบุคคลดำเนินกิจการเหมืองแร่จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างจำเลยที่ 2 ทำหน้าที่เป็นยามรักษาทรัพย์สินของเหมืองแร่ จึงถือได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 3 ด้วย การที่จำเลยที่ 3 มอบอาวุธปืนให้จำเลยที่ 1 ไปใช้ในการอยู่ยามและจำเลยที่ 1 ใช้ปืนยิงโจทก์ในขณะปฏิบัติหน้าที่ยามเพื่อรักษาทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ที่อยู่ในเหมือง ถือว่าเป็นการกระทำในทางการที่จ้างจำเลยที่ 2 ที่ 3 จึงต้องร่วมกับจำเลยที่ 1 รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 425
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 438 ให้อำนาจศาลกำหนดค่าสินไหมทดแทนตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิดจึงเป็นเรื่องที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บัญญัติไว้ในโดยเฉพาะแล้ว จะนำกฎหมายแรงงานที่เกี่ยวกับความรับผิดระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างในกรณีที่ลูกจ้างประสบอุบัติเหตุขณะ ปฏิบัติหน้าที่มาใช้บังคับไม่ได้
จำเลยที่ 3 เข้าหุ้นกับจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนิติบุคคลดำเนินกิจการเหมืองแร่จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างจำเลยที่ 2 ทำหน้าที่เป็นยามรักษาทรัพย์สินของเหมืองแร่ จึงถือได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 3 ด้วย การที่จำเลยที่ 3 มอบอาวุธปืนให้จำเลยที่ 1 ไปใช้ในการอยู่ยามและจำเลยที่ 1 ใช้ปืนยิงโจทก์ในขณะปฏิบัติหน้าที่ยามเพื่อรักษาทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ที่อยู่ในเหมือง ถือว่าเป็นการกระทำในทางการที่จ้างจำเลยที่ 2 ที่ 3 จึงต้องร่วมกับจำเลยที่ 1 รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 425
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 438 ให้อำนาจศาลกำหนดค่าสินไหมทดแทนตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิดจึงเป็นเรื่องที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บัญญัติไว้ในโดยเฉพาะแล้ว จะนำกฎหมายแรงงานที่เกี่ยวกับความรับผิดระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างในกรณีที่ลูกจ้างประสบอุบัติเหตุขณะ ปฏิบัติหน้าที่มาใช้บังคับไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2499/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความละเมิด, ความรับผิดทางละเมิดของนายจ้างและลูกจ้าง, การกระทำในทางการจ้าง
จำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2518การนับอายุความประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 158 มิให้นับวันที่ 20 พฤษภาคม 2518 ซึ่งเป็นวันแรกรวมคำนวณไปด้วย เพราะมิได้มีการเริ่มอะไรในวันนั้น ต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 21 พฤษภาคม 2518 โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2519 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่จะครบ 1 ปี คดีของโจทก์ไม่ขาดอายุความ
จำเลยที่ 3 เข้าหุ้นกับจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนิติบุคคลดำเนินกิจการเหมืองแร่จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างจำเลยที่ 2 ทำหน้าที่เป็นยามรักษาทรัพย์สินของเหมืองแร่ จึงถือได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 3 ด้วย การที่จำเลยที่ 3 มอบอาวุธปืนให้จำเลยที่ 1 ไปใช้ในการอยู่ยามและจำเลยที่ 1 ใช้ปืนยิงโจทก์ในขณะปฏิบัติหน้าที่ยามเพื่อรักษาทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ที่อยู่ในเหมือง ถือว่าเป็นการกระทำในทางการที่จ้างจำเลยที่ 2 ที่ 3 จึงต้องร่วมกับจำเลยที่ 1 รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 425
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 438 ให้อำนาจศาลกำหนดค่าสินไหมทดแทนตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิดจึงเป็นเรื่องที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บัญญัติไว้ในโดยเฉพาะแล้ว จะนำกฎหมายแรงงานที่เกี่ยวกับความรับผิดระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างในกรณีที่ลูกจ้างประสบอุบัติเหตุขณะ ปฏิบัติหน้าที่มาใช้บังคับไม่ได้
จำเลยที่ 3 เข้าหุ้นกับจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนิติบุคคลดำเนินกิจการเหมืองแร่จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างจำเลยที่ 2 ทำหน้าที่เป็นยามรักษาทรัพย์สินของเหมืองแร่ จึงถือได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 3 ด้วย การที่จำเลยที่ 3 มอบอาวุธปืนให้จำเลยที่ 1 ไปใช้ในการอยู่ยามและจำเลยที่ 1 ใช้ปืนยิงโจทก์ในขณะปฏิบัติหน้าที่ยามเพื่อรักษาทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ที่อยู่ในเหมือง ถือว่าเป็นการกระทำในทางการที่จ้างจำเลยที่ 2 ที่ 3 จึงต้องร่วมกับจำเลยที่ 1 รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 425
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 438 ให้อำนาจศาลกำหนดค่าสินไหมทดแทนตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิดจึงเป็นเรื่องที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บัญญัติไว้ในโดยเฉพาะแล้ว จะนำกฎหมายแรงงานที่เกี่ยวกับความรับผิดระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างในกรณีที่ลูกจ้างประสบอุบัติเหตุขณะ ปฏิบัติหน้าที่มาใช้บังคับไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2487/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การละทิ้งหน้าที่งานต่อเนื่อง แม้มีวันหยุดคั่น นายจ้างมีสิทธิเลิกจ้างโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย
ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานฯข้อ 47ที่กำหนดให้นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างประจำ ที่ละทิ้งหน้าที่เป็นเวลาสามวันทำงานติดต่อกันนั้นมุ่งหมายมิให้ลูกจ้างละทิ้งหน้าที่ครั้งเดียวกันหลายวันทำงานฉะนั้น เมื่อลูกจ้างละทิ้งหน้าที่ในวันที่ 18, 19, 20, 21, 22และ 23 แม้วันที่ 19, 21 และ 22 จะเป็นวันหยุดก็ตาม ก็เป็นการละทิ้งหน้าที่ครั้งเดียวกัน ความเสียหายของนายจ้างไม่น้อยไปกว่าลูกจ้างละทิ้งหน้าที่สามวันทำงานโดยไม่มีวันหยุดคั่นจึงถือได้ว่าโจทก์ละทิ้งหน้าที่ตามประกาศดังกล่าวแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2404/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของนายจ้างต่อการกระทำละเมิดของลูกจ้าง: หลักการชำระหนี้ร่วมกันและจำกัดความรับผิด
เมื่อโจทก์ได้รับอนุญาตให้ถอนฟ้องฎีกาสำหรับลูกจ้างแล้วคดีเกี่ยวกับลูกจ้างเป็นอันถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าให้ลูกจ้างร่วมกับนายจ้างชำระเงินแก่โจทก์จำนวนหนึ่งอันเป็นการชำระหนี้ที่ไม่อาจแบ่งแยกได้ แม้โจทก์ยังคงฎีกาให้นายจ้างรับผิดเพิ่มขึ้นนายจ้างก็ต้องร่วมรับผิดกับลูกจ้างเท่ากับจำนวนเงินที่ต้องชำระตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เท่านั้น นายจ้างไม่ต้องรับผิดเกินไปกว่าที่ลูกจ้างจะต้องรับผิด (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 11/2524)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2404/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของนายจ้างต่อการกระทำละเมิดของลูกจ้าง: หนี้ร่วมที่ไม่สามารถแบ่งแยกได้
เมื่อโจทก์ได้รับอนุญาตให้ถอนฟ้องฎีกาสำหรับลูกจ้างแล้วคดีเกี่ยวกับลูกจ้างเป็นอันถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าให้ลูกจ้างร่วมกับนายจ้างชำระเงินแก่โจทก์จำนวนหนึ่งอันเป็นการชำระหนี้ที่ไม่อาจแบ่งแยกได้ แม้โจทก์ยังคงฎีกาให้นายจ้างรับผิดเพิ่มขึ้นนายจ้างก็ต้องร่วมรับผิดกับลูกจ้างเท่ากับจำนวนเงินที่ต้องชำระตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เท่านั้น นายจ้างไม่ต้องรับผิดเกินไปกว่าที่ลูกจ้างจะต้องรับผิด (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 11/2524)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2343-2346/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
โรงงานยาสูบเป็นรัฐวิสาหกิจ นายจ้างลูกจ้างบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองแรงงานได้
โรงงานยาสูบเป็นโรงงานผลิตบุหรี่ซิกาแรตจำหน่ายเพื่อแสวงหากำไรเป็นรายได้ของแผ่นดินที่รัฐเป็นผู้ดำเนินการเช่นเอกชนผู้ประกอบอุตสาหกรรมอื่นโดยทั่วไป มิใช่ราชการส่วนกลางตามความหมายที่ยกเว้นไว้ในประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน แต่เป็นรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังเป็นเจ้าของ จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้แทนได้แต่งตั้งให้จำเลยที่ 2 เป็นผู้อำนวยการโรงงานยาสูบมีอำนาจควบคุมดูแลจัดกิจการของโรงงานตามที่จำเลยที่ 1 มอบหมาย ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นนายจ้างตามความของประกาศกระทรวงมหาดไทย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1856/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตบังคับใช้ประกาศคุ้มครองแรงงานกับหน่วยงานของรัฐ: โรงงานยาสูบไม่ใช่ราชการส่วนกลาง
โรงงานยาสูบเป็นโรงงานของกระทรวงการคลังจำเลยที่ 1มิใช่ส่วนราชการของจำเลยที่ 1 โรงงานยาสูบจึงมิใช่ราชการส่วนกลาง ต้องอยู่ในบังคับของประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน จำเลยที่ 1 ในฐานะนิติบุคคลผู้เป็นเจ้าของโรงงานยาสูบ และเป็นนายจ้างของโจทก์จึงอาจถูกฟ้องให้รับผิดจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์ได้ มิใช่เป็นการใช้ประกาศกระทรวงมหาดไทยดังกล่าวบังคับแก่จำเลยที่ 1 ในฐานะเป็นราชการส่วนกลาง
จำเลยที่ 2 มีอำนาจกระทำแทนจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคล ย่อมเป็นนายจ้างตามความหมายในประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 2 และมีหน้าที่ในฐานะเป็นนายจ้างที่จะต้องจ่ายค่าชดเชยตามข้อ 46 จำเลยที่ 2 จึงอาจถูกฟ้องเรียกค่าชดเชยได้เช่นกัน
จำเลยที่ 2 มีอำนาจกระทำแทนจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคล ย่อมเป็นนายจ้างตามความหมายในประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 2 และมีหน้าที่ในฐานะเป็นนายจ้างที่จะต้องจ่ายค่าชดเชยตามข้อ 46 จำเลยที่ 2 จึงอาจถูกฟ้องเรียกค่าชดเชยได้เช่นกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1848/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของนายจ้างต่อการละเมิดของลูกจ้างและผลของการโอนการครอบครองรถยนต์ของผู้เอาประกันภัย
เมื่อจำเลยที่ 2 นายจ้างของจำเลยที่ 1 นำรถยนต์บรรทุกซึ่งจำเลยที่ 1 ขับประจำ เข้าร่วมในกิจการของบริษัทจำเลยที่ 3 บริษัทจำเลยที่ 3 ย่อมอยู่ในฐานะเป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1 ด้วย จำเลยที่ 3 ต้องร่วมรับผิดในฐานะเป็นนายจ้าง มิใช่ในฐานะตัวการฉะนั้น การที่จำเลยที่ 3 ผู้เอาประกันภัยรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุโอนการครอบครองรถยนต์ให้จำเลยที่ 2 ตามสัญญาเช่าซื้อ โดยไม่บอกกล่าวให้จำเลยที่ 4 ผู้รับประกันภัยทราบ ก็ไม่เป็นเหตุให้จำเลยที่ 4 พ้นจากความรับผิดตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 875 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1635/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดร่วมของเจ้าของรถและนายจ้างต่อการละเมิดของลูกจ้าง แม้ขับรถนอกเส้นทางสัมปทาน
การที่จำเลยที่ 3 ยอมรับเอาทั้งรถยนต์โดยสารและคนขับของจำเลยที่ 4 มาไว้และร่วมในกิจการเดินรถโดยสารประจำทางขนส่งผู้โดยสาร ด้วยการให้ใช้สีของรถ ตรา และชื่อในนามของบริษัทจำเลยที่ 3 ให้ปรากฏแก่คนทั้งหลายว่าใช้ในกิจการของตน ทั้งในนามและฐานะที่เป็นรถของบริษัทจำเลยที่ 3 โดยมีผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างจำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 4 ในการนี้พฤติการณ์ดังกล่าวย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 3มีฐานะร่วมเป็นเจ้าของรถคันเกิดเหตุและเป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1ซึ่งเป็นคนขับรถประจำรถคันดังกล่าวด้วย การที่จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์โดยสารคันเกิดเหตุไปส่งผู้โดยสารแล้วเกิดเหตุขึ้น แม้จะเป็นการขับไปนอกเส้นทางสัมปทานก็ยังถือได้ว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ขับรถในกิจการในทางการที่จ้างของนายจ้าง จำเลยที่ 3 จะต้องร่วมรับผิดในผลแห่งการละเมิดของลูกจ้าง ข้ออ้างของจำเลยที่ 3 ที่ว่าจำเลยที่ 1กับจำเลยที่ 4 นำรถไปใช้นอกเส้นทางสัมปทานโดยจำเลยที่ 3 ไม่มีส่วนรู้หรือได้รับอนุญาตจากขนส่งจังหวัดเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับและขัดต่อพระราชบัญญัติการขนส่งนั้น เป็นเรื่องภายในและเฉพาะตัวระหว่างจำเลยด้วยกัน จะนำมาใช้ยันเพื่อปัดความรับผิดต่อบุคคลภายนอกโดยสิ้นเชิงไม่ได้