พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,459 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1525/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องซ้ำในคดีอาญา: สถานที่เกิดเหตุเป็นสาระสำคัญของฟ้อง หากฟ้องขาดรายละเอียด ศาลมีคำพิพากษายกฟ้องถือเป็นเด็ดขาด
สถานที่เกิดเหตุเป็นสารสำคัญที่โจทก์จะต้องกล่าวบรรยายมาในฟ้อง การที่ศาลชั้นต้นยกฟ้องเพราะฟ้องโจทก์ขาดรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่เกิดการกระทำผิด ย่อมเห็นได้อยู่ในตัวแล้วว่า การกระทำของจำเลยตามที่โจทก์กล่าวอ้างมาในฟ้องไม่ปรากฏแน่ชัดว่าจำเลยได้กระทำผิด ณ สถานที่ใดจึงถือว่าได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้องสิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ย่อมระงับไป แม้โจทก์จะยื่นฟ้องใหม่ก่อนอุทธรณ์คดีนั้น ก็ไม่ทำให้เกิดสิทธิที่จะฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 147/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวความผิดเดียวกัน: การฟ้องซ้ำฐานมีอาวุธและพาอาวุธเมื่อเคยถูกตัดสินแล้ว
ความผิดฐานมีอาวุธปืนหรือวัตถุระเบิดซึ่งใช้เฉพาะแต่ในการสงครามนั้น กฎหมายต้องการให้เป็นความผิดในลักษณะเดียวกันฉะนั้น การที่จำเลยมีอาวุธปืนกลและลูกระเบิดไว้ในครอบครองในขณะเดียวกันจึงเป็นความผิดแต่กรรมเดียว ส่วนความผิดฐานพาอาวุธไปในทางสาธารณะนั้น แม้ว่าอาวุธปืนที่จำเลยพาไปจะเป็นปืนกลก็ดี ปืนพกก็ดี ถ้าพาปืนเหล่านั้นไปในขณะเดียวกัน ก็ย่อมเป็นความผิดกรรมเดียวกัน เมื่อจำเลยได้ถูกลงโทษในการกระทำฐานมีอาวุธซึ่งใช้เฉพาะแต่ในการสงคราม และในการกระทำฐานพาอาวุธไปในทางสาธารณะเสร็จเด็ดขาดไปแล้วโจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องคดีนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4)
เมื่อมีเหตุตามกฎหมายที่จำเลยไม่ควรต้องรับโทษในคดีนี้ซ้ำอีก แม้จำเลยจะไม่ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกฟ้องโจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 185,215,225
เมื่อมีเหตุตามกฎหมายที่จำเลยไม่ควรต้องรับโทษในคดีนี้ซ้ำอีก แม้จำเลยจะไม่ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกฟ้องโจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 185,215,225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1238/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: การฟ้องคดีหุ้นส่วนเดิมด้วยข้อหาเดิม แม้เปลี่ยนแปลงคำขอท้ายฟ้อง เป็นการต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 148
คดีก่อนโจทก์ฟ้องว่าจำเลยเข้าหุ้นส่วนทำไม้กับโจทก์ 39 ราย ถ้าทำไม้เสร็จรายใดก็คิดบัญชีกัน จำเลยไม่คิดบัญชีแบ่งผลกำไรให้ จึงขอให้เลิกห้างหุ้นส่วนและชำระบัญชี ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าไม่มีเหตุที่จะต้องเลิกห้างหุ้นส่วนและไม่มีเหตุที่จะต้องชำระบัญชี ส่วนในเรื่องคิดบัญชีกันนั้น เป็นข้อพิพาทโต้เถียงกันในชั้นคิดบัญชีหลังจากทำไม้หุ้นส่วนเสร็จแล้ว โจทก์ชอบที่จะเสนอคดีอย่างคดีมีทุนทรัพย์ แต่โจทก์เสียค่าขึ้นศาลอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์และไม่ได้ขอบังคับให้จำเลยใช้เงินคืน จึงไม่วินิจฉัยข้อพิพาทโต้เถียงกันในชั้นคิดบัญชีให้ และพิพากษายกฟ้อง โจทก์มาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้อีกว่าผิดสัญญาหุ้นส่วนและไม่แบ่งผลกำไรขอให้ใช้คืน ข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาของโจทก์ก็ถือ โจทก์จำเลยเป็นหุ้นส่วนทำไม้ด้วยกันและจำเลยไม่ยอมแบ่งกำไรซึ่งเป็นข้อ้อางเดียวกันกับที่โจทก์อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาในคดีก่อน แม้ข้อหาของโจกท์ในคดีก่อนจะเป็นเรื่องขอให้เลิกห้างหุ้นส่วนและชำระบัญชี และข้อหาในคดีนี้เป็นเรื่องให้ใช้เงินคืนก็ตาม ประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยก็สืบเนื่องมาจากมูลฐานและข้ออ้างเดียวกัน คือ โจทก์จำเลยเป็นหุ้นส่วนทำไม้กันหรือไม่ โจทก์ชอบที่จะเสนอข้อหาดังกล่าวรวมไปในฟ้องในคราวเดียวกัน แต่โจทก์มิได้กระทำโดยเลี่ยงไม่ยอมเสียค่าขึ้นศาลอย่างคดีมีทุนทรัพย์ ศาลฎีกาในคดีก่อนจึงไม่รับวินิจฉัยข้อหาเรื่องนี้ให้ การที่โจทก์มารื้อร้องฟ้องจำเลยในคดีนี้อีกโดยอาศัยมูลฐานและข้ออ้างเดียวกัน จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
การที่จะฟ้องใหม่ได้ตามมาตรา 148 (3) นั้น จะต้องเป็นกรณีที่ศาลในคดีก่อนอนุญาตไว้ในคำพิพากษา มิใช่ถ้าคำพิพากษาในคดีก่อนไม่ได้ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องว่ากล่าวอีกแล้ว โจทก์จะฟ้องได้ มิฉะนั้นบทบัญญัติเรื่องห้ามฟ้องซ้ำที่บัญญัติไว้ในวรรคแรกของมาตรานี้ย่อมไร้ผลบังคับ
การที่จะฟ้องใหม่ได้ตามมาตรา 148 (3) นั้น จะต้องเป็นกรณีที่ศาลในคดีก่อนอนุญาตไว้ในคำพิพากษา มิใช่ถ้าคำพิพากษาในคดีก่อนไม่ได้ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องว่ากล่าวอีกแล้ว โจทก์จะฟ้องได้ มิฉะนั้นบทบัญญัติเรื่องห้ามฟ้องซ้ำที่บัญญัติไว้ในวรรคแรกของมาตรานี้ย่อมไร้ผลบังคับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1238/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: แม้ศาลฎีกาคดีก่อนไม่ได้ตัดสิทธิ แต่การฟ้องใหม่ต้องได้รับการอนุญาตจากศาลในคดีก่อนจึงจะชอบ
คดีก่อนโจทก์ฟ้องว่าจำเลยเข้าหุ้นส่วนทำไม้กับโจทก์ 39 รายถ้าทำไม้เสร็จรายใดก็คิดบัญชีกัน จำเลยไม่คิดบัญชีแบ่งผลกำไรจึงขอให้เลิกห้างหุ้นส่วนและชำระบัญชี ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าไม่มีเหตุที่จะต้องเลิกห้างหุ้นส่วนและไม่มีเหตุที่จะต้องชำระบัญชี ส่วนในเรื่องคิดบัญชีกันนั้น เป็นข้อพิพาทโต้เถียงกันในชั้นคิดบัญชีหลังจากทำไม้หุ้นส่วนเสร็จแล้ว โจทก์ชอบที่จะเสนอคดีอย่างคดีมีทุนทรัพย์ แต่โจทก์เสียค่าขึ้นศาลอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์และไม่ได้ขอบังคับให้จำเลยใช้เงินคืนจึงไม่วินิจฉัยข้อพิพาทโต้เถียงกันในชั้นคิดบัญชีให้ และพิพากษายกฟ้องโจทก์มาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้อีกว่าผิดสัญญาหุ้นส่วนและไม่แบ่งผลกำไรขอให้ใช้เงินคืน ข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาของโจทก์ก็คือ โจทก์จำเลยเป็นหุ้นส่วนทำไม้ด้วยกันและจำเลยไม่ยอมแบ่งกำไรซึ่งเป็นข้ออ้างเดียวกันกับที่โจทก์อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาในคดีก่อน แม้ข้อหาของโจทก์ในคดีก่อนจะเป็นเรื่องขอให้เลิกห้างหุ้นส่วนและชำระบัญชี และข้อหาในคดีนี้เป็นเรื่องให้ใช้เงินคืนก็ตาม ประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยก็สืบเนื่องมาจากมูลฐานและข้ออ้างเดียวกันคือ โจทก์จำเลยเป็นหุ้นส่วนทำไม้กันหรือไม่ โจทก์ชอบที่จะเสนอข้อหาดังกล่าวรวมไปในฟ้องในคราวเดียวกัน แต่โจทก์มิได้กระทำโดยเลี่ยงไม่ยอมเสียค่าขึ้นศาลอย่างคดีมีทุนทรัพย์ ศาลฎีกาในคดีก่อนจึงไม่รับวินิจฉัยข้อหาเรื่องนี้ให้ การที่โจทก์มารื้อร้องฟ้องจำเลยในคดีนี้อีกโดยอาศัยมูลฟ้องและข้ออ้างเดียวกันจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
การที่จะฟ้องใหม่ได้ตามมาตรา 148(3) นั้น จะต้องเป็นกรณีที่ศาลในคดีก่อนอนุญาตไว้ในคำพิพากษา มิใช่ถ้าคำพิพากษาในคดีก่อนไม่ได้ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องว่ากล่าวอีกแล้ว โจทก์จะฟ้องได้ มิฉะนั้นบทบัญญัติเรื่องห้ามฟ้องซ้ำที่บัญญัติไว้ในวรรคแรกของมาตรานี้ย่อมไร้ผลบังคับ
การที่จะฟ้องใหม่ได้ตามมาตรา 148(3) นั้น จะต้องเป็นกรณีที่ศาลในคดีก่อนอนุญาตไว้ในคำพิพากษา มิใช่ถ้าคำพิพากษาในคดีก่อนไม่ได้ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องว่ากล่าวอีกแล้ว โจทก์จะฟ้องได้ มิฉะนั้นบทบัญญัติเรื่องห้ามฟ้องซ้ำที่บัญญัติไว้ในวรรคแรกของมาตรานี้ย่อมไร้ผลบังคับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1007/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: ประเด็นกรรมสิทธิ์ที่ดินวินิจฉัยแล้วในคดีก่อน แม้ศาลไม่ได้วินิจฉัยโดยตรงจากคำฟ้อง
จำเลยฟ้องขับไล่โจทก์ให้รื้อถอนบ้านออกไปจากที่ดินของจำเลย และให้โจทก์ส่งมอบที่พิพาทคืน โจทก์ให้การต่อสู้คดีแล้วได้มีการท้ากันและโจทก์แพ้คดีตามคำท้า โจทก์มาฟ้องใหม่ว่าที่ดินซึ่งโจทก์ปลูกบ้านอยู่นอกเขตที่ดินของจำเลย ไม่ใช่ของจำเลย ดังนี้ คดีก่อนที่จำเลยฟ้องขับไล่โจทก์มีประเด็นอยู่ว่าที่ดินที่จำเลยฟ้องเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยหรือไม่ และที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ก็มีประเด็นที่จะให้ศาลวินิจฉัยเป็นอย่างเดียวกันว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยหรือไม่ แม้ในคดีก่อนศาลจะมิได้วินิจฉัยในประเด็นเรื่องกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทโดยตรง เพราะคู่ความตกลงท้ากัน แต่เมื่อศาลได้วินิจฉัยตามคำท้าของคู่ความแล้ว ก็ต้องถือว่าศาลได้วินิจฉัยในประเด็นเรื่องกรรมสิทธิ์ที่พิพาทด้วย ดังนั้น เมื่อปรากฏว่าคู่ความในคดีก่อนและคดีนี้เป็นคู่ความเดียวกัน และคดีก่อนถึงที่สุดไปแล้ว โจทก์จึงต้องห้ามมิให้นำคดีมาฟ้องใหม่อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1007/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: ประเด็นกรรมสิทธิ์ที่ดินเคยถูกวินิจฉัยในคดีก่อน แม้ศาลวินิจฉัยตามคำท้า ก็ถือเป็นการวินิจฉัยกรรมสิทธิ์แล้ว
จำเลยเคยฟ้องขับไล่โจทก์ให้รื้อถอนบ้านออกไปจากที่ดินของจำเลย และให้โจทก์ส่งมอบที่พิพาทคืน โจทก์ให้การต่อสู้คดีแล้วได้มีการท้ากันและโจทก์แพ้คดีตามคำท้า โจทก์มาฟ้องใหม่ว่าที่ดินซึ่งโจทก์ปลูกบ้านอยู่นอกเขตที่ดินของจำเลย ไม่ใช่ของจำเลย ดังนี้ คดีก่อนที่จำเลยฟ้องขับไล่โจทก์มีประเด็นอยู่ว่าที่ดินที่จำเลยฟ้องเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยหรือไม่ และที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ก็มีประเด็นที่จะให้ศาลวินิจฉัยเป็นอย่างเดียวกันว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยหรือไม่ แม้ในคดีก่อนศาลจะมิได้วินิจฉัยในประเด็นเรื่องกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทโดยตรงเพราะคู่ความตกลงท้ากัน แต่เมื่อศาลได้วินิจฉัยตามคำท้าของคู่ความแล้ว ก็ต้องถือว่าศาลได้วินิจฉัยในประเด็นเรื่องกรรมสิทธิ์ที่พิพาทด้วย ดังนั้น เมื่อปรากฏว่าคู่ความในคดีก่อนและคดีนี้เป็นคู่ความเดียวกันและคดีก่อนถึงที่สุดไปแล้ว โจทก์จึงต้องห้ามมิให้นำคดีมาฟ้องใหม่อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 997/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: การฟ้องคดีเดิมที่ศาลยกฟ้องแล้วด้วยเหตุฟ้องซ้ำ ย่อมเป็นการต้องห้ามตามกฎหมาย
ปรากฏว่าก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ โจทก์เคยฟ้องจำเลยมาแล้วครั้งหนึ่งตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 149/2517 โดยกล่าวในฟ้องว่าจำเลยร้องเท็จขอให้ศาลสั่งแสดงกรรมสิทธิ์ในคดีหมายเลขแดงที่ 433/2516 ขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนการได้กรรมสิทธิ์ที่พิพาทของจำเลยในคดีนั้นเสีย และให้เพิกถอนชื่อจำเลยออกจากโฉนดพิพาท ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่า การที่โจทก์นำคดีมาฟ้องจำเลยไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 147, 148 คดีถึงที่สุดโดยโจทก์มิได้อุทธรณ์ฎีกา แต่โจทก์นำคดีมาฟ้องจำเลยใหม่เป็นคดีนี้ โดยอ้างเหตุผลอย่างเดียวกันกับในคดีก่อน และขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนชื่อจำเลยออกจากโฉนดที่พิพาทแล้วโอนกรรมสิทธิ์ให้โจทก์ ดังนี้ เมื่อคดีหมายเลขแดงที่ 149/2517 นั้นถึงที่สุดโดยศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์ด้วยเหตุผลว่า เป็นฟ้องซ้ำกับคดีหมายเลขแดงที่ 433/2516 แล้ว โจทก์จะนำคดีซึ่งเคยถูกยกฟ้องด้วยเหตุฟ้องซ้ำมารื้อร้องฟ้องอีกหาได้ไม่ เป็นการต้องห้ามตามมาตรา 148
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 997/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: คดีถึงที่สุดแล้วห้ามฟ้องร้องประเด็นเดียวกันซ้ำอีก
ปรากฏว่าก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ โจทก์เคยฟ้องจำเลยมาแล้วครั้งหนึ่งตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 149/2517 โดยกล่าวในฟ้องว่าจำเลยร้องเท็จขอให้ศาลสั่งแสดงกรรมสิทธิ์ในคดีหมายเลขแดงที่ 433/2516 ขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนการได้กรรมสิทธิ์ที่พิพาทของจำเลยในคดีนั้นเสีย และให้เพิกถอนชื่อจำเลยออกจากโฉนดพิพาทศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่า การที่โจทก์นำคดีมาฟ้องจำเลยไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 147, 148 คดีถึงที่สุดโดยโจทก์มิได้อุทธรณ์ฎีกา แต่โจทก์นำคดีมาฟ้องจำเลยใหม่เป็นคดีนี้ โดยอ้างเหตุผลอย่างเดียวกันกับในคดีก่อน และขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนชื่อจำเลยออกจากโฉนดที่พิพาทแล้วโอนกรรมสิทธิ์ให้โจทก์ดังนี้ เมื่อคดีหมายเลขแดงที่ 149/2517 นั้นถึงที่สุดโดยศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์ด้วยเหตุผลว่าเป็นฟ้องซ้ำกับคดีหมายเลขแดงที่ 433/2516 แล้วโจทก์จะนำคดีซึ่งเคยถูกยกฟ้องด้วยเหตุฟ้องซ้ำมารื้อร้องฟ้องอีกหาได้ไม่เป็นการต้องห้ามตามมาตรา 148
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 643/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: เจ้าของรวมใช้สิทธิแทนกันในคดีเดิม ย่อมผูกพันโจทก์ร่วม การฟ้องคดีประเด็นเดิมจึงต้องห้าม
จำเลยเคยฟ้อง ร. เจ้าของรวมที่พิพาทคนหนึ่งหาว่าบุกรุกที่ดินและในคดีดังกล่าว ร. ได้อ้างสิทธิความเป็นเจ้าของร่วมขึ้นเป็นข้อต่อสู้ จึงถือได้ว่าเป็นการใช้สิทธิอันเกิดแต่กรรมสิทธิ์เพื่อต่อสู้กับจำเลยซึ่งเป็นบุคคลภายนอกแทนโจทก์และโจทก์ร่วมในคดีนี้ (ในฐานะเจ้าของรวม) ด้วย การที่โจทก์และโจทก์ร่วมนำคดีนี้ซึ่งมีประเด็นข้อโต้เถียงอย่างเดียวกันกับคดีที่จำเลยเป็นโจทก์ฟ้อง ร. ในคดก่อนว่าที่พิพาทเป็นของฝ่ายใดมาฟ้อง เท่ากับเป็นการรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ศาลได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 643/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: เจ้าของรวมใช้สิทธิแทนกันได้ หากประเด็นข้อพิพาทเหมือนเดิม คดีต้องห้ามตามมาตรา 148
จำเลยเคยฟ้อง ร. เจ้าของรวมที่พิพาทคนหนึ่งหาว่าบุกรุกที่ดินและในคดีดังกล่าว ร. ได้อ้างสิทธิความเป็นเจ้าของรวมขึ้นเป็นข้อต่อสู้ จึงถือได้ว่าเป็นการใช้สิทธิอันเกิดแต่กรรมสิทธิ์เพื่อต่อสู้กับจำเลยซึ่งเป็นบุคคลภายนอกแทนโจทก์และโจทก์ร่วมในคดีนี้(ในฐานะเจ้าของรวม) ด้วยการที่โจทก์และโจทก์ร่วมนำคดีนี้ซึ่งมีประเด็นข้อโต้เถียงอย่างเดียวกันกับคดีที่จำเลยเป็นโจทก์ฟ้อง ร. ในคดีก่อนว่าที่พิพาทเป็นของฝ่ายใดมาฟ้อง เท่ากับเป็นการรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ศาลได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148