พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,640 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 328/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินร่วม ศาลยกฟ้องแต่เปิดโอกาสให้แบ่งส่วนได้
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินพิพาทแต่ผู้เดียว จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยเป็นเจ้าของร่วมด้วย ทางพิจารณาก็ได้ความว่า โจทก์ควรได้แต่เพียงส่วนแบ่งเท่านั้น แต่ข้อเท็จจริงยังไม่ถ่องแท้ว่าโจทก์มีส่วนกี่มากน้อย ดังนี้ จะพิพากษาให้โจทก์ได้เพียงส่วนแบ่งก็ติดขัดจึงควรต้องพิพากษายกฟ้องโจทก์เสีย แต่ไม่ตัดสิทธิในการที่โจทก์จำเลยจะฟ้องขอแบ่งส่วนกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 191/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องดำเนินคดีฐานเบิกความเท็จ แม้คดีอาญาที่เกี่ยวข้องยกฟ้องแล้ว โจทก์ก็ยังเป็นผู้เสียหายและมีสิทธิฟ้องได้
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยเอาความรู้อยู่แล้วว่าเป็นความเท็จมาเบิกความเป็นพยานในข้อสำคัญในคดีอาญาที่โจทก์ถูกฟ้องว่ากระทำความผิด แม้ศาลจะพิพากษายกฟ้องในคดีนั้นจนถึงที่สุดไปแล้ว ก็ย่อมเห็นได้ชัดว่า โจทก์เป็นผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการที่จำเลยเบิกความเสียหายเนื่องจากการที่จำเลยเบิกความเป็นพยานเท็จนั้นเพราะโจทก์อาจถูกศาลพิพากษาลงโทษได้ ถ้าหากศาลเชื่อคำเบิกความเท็จของจำเลย โจทก์จึงเป็นผู้เสียหาย มีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยได้ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 28
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1742/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฟ้องคดียังคงอยู่แม้คดีอาญาเดียวกันยกฟ้อง
ผู้เสียหายเป็นโจทก์ ฟ้องหาว่าจำเลยบุกรุกและทำร้ายร่างกายโจทก์ ต่อมาอัยการฟ้องโจทก์กับจำเลยหาว่าวิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันในที่สาธารณสถาน เนื่องจากกรณีเดียวกันนี้โจทก์จึงร้องขอต่อศาลให้งดการพิจารณาคดีของโจทก์ไว้รอผลคดีที่อัยการเป็นโจทก์ จนศาลพิพากษายกฟ้องคดีที่อัยการเป็นโจทก์ คดีถึงที่สุดแล้วโจทก์จึงขอให้ศาลดำเนินคดีของโจทก์ที่รอไว้ต่อไป ดังนี้คดีไม่ต้องด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) สิทธิฟ้องร้องของโจทก์ที่ฟ้องไว้แล้ว ยังคงมีอยู่ หาได้หมดไปไม่ (อ้างฎีกาที่ 149/2483)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1413/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องและฟ้องซ้ำ: โจทก์คนละคนย่อมไม่เป็นฟ้องซ้ำ แม้เคยฟ้องแล้วยกฟ้อง
เคยเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยในนามตนเอง ศาลพิพากษาว่าไม่มีอำนาจฟ้อง จึงพิพากษายกฟ้องโดยมิได้วินิจฉัยข้อเท็จจริง ภายหลังจึงมาฟ้องจำเลยใหม่โดยเป็นผู้รับมอบอำนาจจากผู้มีสิทธิฟ้องจำเลย ดังนี้ ต้องถือว่าโจทก์ผู้ฟ้องคดีหลังนี้ เป็นคนละคนกับในคดีก่อน ไม่เป็นฟ้องซ้ำ การที่คู่ความท้ากันให้ศาลวินิจฉัยประเพณีข้อกฎหมายศาลมีอำนาจตัดสินไปตามนั้นได้ตาม มาตรา 183 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งหาใช่กิจการพนันขันต่อไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1399/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องอาญาไม่ชัดเจน จำเลยไม่เข้าใจข้อหา แม้รับสารภาพ ศาลต้องยกฟ้อง
ฟ้องบรรยายว่า จำเลยขับรถยนต์โดยประมาทปราศจากความระมัดระวัง อันควรเป็นวิสัยของปรกติชนเป็นเหตุให้ชนรถยนต์ของผู้มีชื่อเสียหาย และทำให้คนที่นั่งมาบนรถถึงบาดเจ็บสาหัสและถึงตาย มิได้บรรยายว่าจำเลยประมาทโดยอาการอย่างไร และที่ว่ารถจำเลยชนรถยนต์ผู้มีชื่อก็ไม่บรรยายว่าชนถูกส่วนไหนอันจะเป็นทางให้เห็นว่าประมาทหรือไม่ ดังนี้ เป็นฟ้องไม่ชัดเจนพอที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี จึงเป็นฟ้องไม่ถูกต้องด้วย ป.ม.วิ.อาญามาตรา 158 (5) แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพศาลก็ต้องยกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1385/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้ป้องกันตัวที่สมควรแก่เหตุ แม้ผู้ถูกทำร้ายยังกำอาวุธอยู่ ศาลยกฟ้อง
จำเลยมิได้เป็นผู้ก่อนให้เกิดเหตุร้ายขึ้น แต่ผู้ตายไปดักคอยทำร้ายจำเลยกลางทาง จำเลยหนีไปเป็นระยะทางถึง 4 เส้น ผู้ตายก็ยังไล่ติดตามจะทำร้ายจำเลย ๆ หนึขึ้นไปบนเรือนแล้ว ผู้ตายก็ยังบุกรุกตามขึ้นไปอีก และโดดแทงจำเลยด้วยมีดก่อน จำเลยจึงต่อสู้ป้องกันตัว แม้จำเลยฟันผู้ตายทีหนึ่งแล้ว ผู้ตายทรุดตัวลงนั่งก็ดี แต่ก็ยังกำมีดอยู่ ยากที่จำเลยจะคิดเห็นได้ว่าตนพ้นอันตรายแล้วผู้ตายอาจผลุนผลันลุกขึ้นทำร้ายอีกก็ได้ จำเลยจึงฟันผู้ตายอีกทีหนึ่ง ผู้ตายจึงล้มลง แล้วจำเลยก็มิได้ทำอันตรายอีก ดังนี้ ย่อมถือได้ว่าการกระทำของจำเลยไม่เกินสมควรแก่เหตุได้รับการยกเว้นโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 50
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1182/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญาซ้ำซ้อนเมื่อศาลยกฟ้องไปแล้ว และสิทธิการฟ้องของเหยื่อในความผิดต่อแผ่นดิน
ความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 127,128 อันเป็นความผิดแผ่นดินนั้น ผู้ที่ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำผิดนั้น ก็มีสิทธิเป็นโจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษผู้กระทำผิดได้
การกระทำโดยกรรมเดียววาระเดียว แม้จะเป็นการละเมิดกฎหมายหลายบท ก็จะฟ้องผู้กระทำผิดได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น เมื่อศาลพิพากษาเสร็จเด็ดขาดไปแล้วจะยกกฎหมายบทอื่นที่จำเลย ทำละเมิด แต่ไม่ได้ฟ้องไว้ในครั้งก่อนมาฟ้องจำเลยอีกไม่ได้
จำเลยปลอมตนไปกระทำการเป็นเจ้าพนักงานโดยแสดงตนว่าเป็นเจ้าพนักงานสรรพสามิตต์ มาตรวจจับกุมผู้มเสียหายหาว่ากระทำผิดแล้วเรียกร้องเอาเงินจากผู้เสียหาย ๆ จึงเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 127,268 ศาลไต่สวนแล้วสั่งว่าคดีมีมูลเฉพาะข้อหาตามมาตรา 268 เท่านั้น จำเลยยอมใช้เงิน ผู้เสียหายจึงถอนฟ้องดังนี้ ย่อมถือว่าความผิดตามมาตรา 127 นั้น ศาลได้ยกฟ้องเสียแล้ว สิทธินำคดีมาฟ้องจำเลยตามมาตรา 128 ก็ย่อมระงับไปด้วย อัยการจึงจะมาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 127 หรือ 128 อีกไม่ได้
การกระทำโดยกรรมเดียววาระเดียว แม้จะเป็นการละเมิดกฎหมายหลายบท ก็จะฟ้องผู้กระทำผิดได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น เมื่อศาลพิพากษาเสร็จเด็ดขาดไปแล้วจะยกกฎหมายบทอื่นที่จำเลย ทำละเมิด แต่ไม่ได้ฟ้องไว้ในครั้งก่อนมาฟ้องจำเลยอีกไม่ได้
จำเลยปลอมตนไปกระทำการเป็นเจ้าพนักงานโดยแสดงตนว่าเป็นเจ้าพนักงานสรรพสามิตต์ มาตรวจจับกุมผู้มเสียหายหาว่ากระทำผิดแล้วเรียกร้องเอาเงินจากผู้เสียหาย ๆ จึงเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 127,268 ศาลไต่สวนแล้วสั่งว่าคดีมีมูลเฉพาะข้อหาตามมาตรา 268 เท่านั้น จำเลยยอมใช้เงิน ผู้เสียหายจึงถอนฟ้องดังนี้ ย่อมถือว่าความผิดตามมาตรา 127 นั้น ศาลได้ยกฟ้องเสียแล้ว สิทธินำคดีมาฟ้องจำเลยตามมาตรา 128 ก็ย่อมระงับไปด้วย อัยการจึงจะมาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 127 หรือ 128 อีกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1182/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญาซ้ำซ้อน ศาลยกฟ้องแล้ว สิทธิฟ้องระงับ
ความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 127,128 อันเป็นความผิดต่อแผ่นดินนั้น ผู้ที่ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำผิดนั้น ก็มีสิทธิเป็นโจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษผู้กระทำผิดได้
การกระทำผิดโดยกรรมเดียววาระเดียว แม้จะเป็นการละเมิดกฎหมายหลายบท ก็จะฟ้องผู้กระทำผิดได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น เมื่อศาลพิพากษาเสร็จเด็ดขาดไปแล้วจะยกกฎหมายบทอื่นที่จำเลย ทำละเมิด แต่ไม่ได้ฟ้องไว้ในครั้งก่อนมาฟ้องจำเลยอีกไม่ได้
จำเลยปลอมตนไปกระทำการเป็นเจ้าพนักงานโดยแสดงตนว่าเป็นเจ้าพนักงานสรรพสามิต มาตรวจจับกุมผู้เสียหายหาว่ากระทำผิดแล้วเรียกร้องเอาเงินจากผู้เสียหาย ผู้เสียหายจึงเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม กฎหมายลักษณะอาญามาตรา 127,268 ศาลไต่สวนแล้วสั่งว่าคดีมีมูลเฉพาะข้อหาตามมาตรา 268 เท่านั้น จำเลยยอมใช้เงิน ผู้เสียหายจึงถอนฟ้องดังนี้ ย่อมถือว่าความผิดตามมาตรา 127 นั้น ศาลได้ยกฟ้องเสียแล้ว สิทธินำคดีมาฟ้องจำเลยตามมาตรา 128 ก็ย่อมระงับไปด้วย อัยการจึงจะมาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 127 หรือ 128 อีกไม่ได้
การกระทำผิดโดยกรรมเดียววาระเดียว แม้จะเป็นการละเมิดกฎหมายหลายบท ก็จะฟ้องผู้กระทำผิดได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น เมื่อศาลพิพากษาเสร็จเด็ดขาดไปแล้วจะยกกฎหมายบทอื่นที่จำเลย ทำละเมิด แต่ไม่ได้ฟ้องไว้ในครั้งก่อนมาฟ้องจำเลยอีกไม่ได้
จำเลยปลอมตนไปกระทำการเป็นเจ้าพนักงานโดยแสดงตนว่าเป็นเจ้าพนักงานสรรพสามิต มาตรวจจับกุมผู้เสียหายหาว่ากระทำผิดแล้วเรียกร้องเอาเงินจากผู้เสียหาย ผู้เสียหายจึงเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม กฎหมายลักษณะอาญามาตรา 127,268 ศาลไต่สวนแล้วสั่งว่าคดีมีมูลเฉพาะข้อหาตามมาตรา 268 เท่านั้น จำเลยยอมใช้เงิน ผู้เสียหายจึงถอนฟ้องดังนี้ ย่อมถือว่าความผิดตามมาตรา 127 นั้น ศาลได้ยกฟ้องเสียแล้ว สิทธินำคดีมาฟ้องจำเลยตามมาตรา 128 ก็ย่อมระงับไปด้วย อัยการจึงจะมาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 127 หรือ 128 อีกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1157/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นฟ้องเคลือบคลุม: จำเลยฎีกาซ้ำไม่ได้ ศาลฎีกายกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่าฟ้องเคลือบคลุมแต่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุมจึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานแล้วพิพากษาใหม่ จำเลยมิได้ฎีกาว่า ฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมต่อไป ครั้นศาลชั้นต้นพิจารณาคดีเสร็จแล้วพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี ศาลอุทธรณ์ก็พิพากษายืน ดังนี้จำเลยจะฎีกาว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม ย่อมไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1049/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่อุทธรณ์ซ้ำ: ศาลเชื่อพยานจำเลย ยกฟ้องคดีชิงทรัพย์และฆ่าคนตาย
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยชิงทรัพย์และฆ่าคนตายโดยเจตนา ขอให้ลงโทษ ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยเฉพาะฐานชิงทรัพย์ ส่วนฐานฆ่าคนตายเห็นว่าจำเลยไม่เจตนาฆ่า จึงไม่ลงโทษจำเลยในฐานนี้ โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาด้วย จำเลยอุทธรณ์ขอให้ปล่อย แต่ศาลอุทธรณ์กลับเชื่อพยานฐานที่ของจำเลยจึงพิพากษายกฟ้องโจทก์ทั้งหมด ดังนี้ โจทก์จะฎีกาขอให้ศาลฎีกาลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาอีกไม่ได้แล้ว