พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,595 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 460/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เบียดบังยักยอกทรัพย์: การส่งมอบทรัพย์เพื่อความปลอดภัย ไม่ถือเป็นการลักทรัพย์
จำเลยได้รับมอบหมายให้พาทรัพย์ของนายจ้างออกไปให้พ้นจากที่วิวาท เพื่อความปลอดภัยแห่งทรัพย์ แล้วจำเลยพาทรัพย์นั้นหนีไปการกระทำของจำเลยเป็นการเบียดบังยักยอกทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 หาใช่กระทำผิดฐานลักทรัพย์ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 460/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเบียดบังยักยอกทรัพย์: ความแตกต่างจากการลักทรัพย์ กรณีลูกจ้างพาทรัพย์นายจ้างหนีจากเหตุวิวาท
จำเลยได้รับมอบหมายให้พาทรัพย์ของนายจ้างออกไปให้พ้นจากที่วิวาท เพื่อความปลอดภัยแห่งทรัพย์. แล้วจำเลยพาทรัพย์นั้นหนีไป. การกระทำของจำเลยเป็นการเบียดบังยักยอกทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352. หาใช่กระทำผิดฐานลักทรัพย์ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 428/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินองค์ประกอบความผิดฐานชิงทรัพย์: การใช้กำลังประทุษร้ายต่อผู้อื่นในการลักทรัพย์
คดีอาญาที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลล่างให้ลงโทษจำคุกจำเลยสามปี. เป็นคดีที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218. และในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาจำต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน.
การที่จำเลยทั้งสองมีไม้ตะพดเป็นอาวุธร่วมกันลักทรัพย์. โดยจำเลยที่ 1 ใช้ไม้ตะพดตีผู้เสียหาย. จำเลยที่ 2ใช้มือตบตีพวกของเจ้าทรัพย์นั้น. เป็นการกระทำที่ครบองค์ประกอบความผิดฐานชิงทรัพย์แล้ว หาใช่เป็นเพียงความผิดฐานลักทรัพย์เท่านั้นไม่.
การที่จำเลยทั้งสองมีไม้ตะพดเป็นอาวุธร่วมกันลักทรัพย์. โดยจำเลยที่ 1 ใช้ไม้ตะพดตีผู้เสียหาย. จำเลยที่ 2ใช้มือตบตีพวกของเจ้าทรัพย์นั้น. เป็นการกระทำที่ครบองค์ประกอบความผิดฐานชิงทรัพย์แล้ว หาใช่เป็นเพียงความผิดฐานลักทรัพย์เท่านั้นไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 239/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับของโจร: การนำทรัพย์ที่ได้จากการลักทรัพย์ไปฝากขายต่อ โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาโดยผิดกฎหมาย
การที่จำเลยเป็นผู้นำเอารถจักรยานของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายลักไปฝากบุคคลอื่นไว้ให้ช่วยขายให้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์อันได้มาจากการกระทำความผิดนั้น จำเลยย่อมมีความผิดฐานรับของโจรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 239/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับของโจร: การนำทรัพย์สินที่ได้จากการลักทรัพย์ไปฝากขายต่อ โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นของผิดกฎหมาย
การที่จำเลยเป็นผู้นำเอารถจักรยานของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายลักไปฝากบุคคลอื่นไว้ให้ช่วยขายให้. โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์อันได้มาจากการกระทำความผิดนั้น. จำเลยย่อมมีความผิดฐานรับของโจรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 207/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ปากกาตกหล่นในความยึดถือของผู้เสียหาย แม้ผู้อื่นเก็บได้ การเอาไปโดยรู้ว่าเป็นของเขา ถือเป็นลักทรัพย์
ผู้เสียหายทำปากกาของตนตกอยู่ในบริเวณร้านขายกาแฟที่ผู้เสียหายขายของอยู่ ผู้เสียหายได้ออกไปขายขนมที่อื่นห่างเพียงประมาณ 1 เส้น เป็นเวลาไม่เกิน 5 นาที ก็รู้ว่าปากกาหายจึงรีบกลับไปค้นและสอบถาม ได้ความจาก ป. ว่าเป็นผู้เก็บปากกานั้นได้และถามหาเจ้าของ จำเลยอ้างว่าเป็นเจ้าของ ป. จึงมอบปากกาให้จำเลยไปผู้เสียหายไปถามจำเลย จำเลยปฏิเสธ ดังนี้ ถือว่าทรัพย์ยังอยู่ในความยึดถือของผู้เสียหาย ไม่ใช่ทรัพย์ตกหายการที่มีผู้อื่นเก็บได้มิใช่จะทำให้ความยึดถือของผู้เสียหายขาดตอนไป จำเลยเอาไปจากผู้อื่น โดยรู้อยู่ว่าไม่ใช่ของตน จึงเป็นการเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปโดยทุจริต ต้องด้วยความผิดฐานลักทรัพย์
(อ้างฎีกาที่ 519/2502)
(อ้างฎีกาที่ 519/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 207/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลักทรัพย์: ทรัพย์ยังอยู่ในความยึดถือของผู้เสียหาย แม้ผู้อื่นเก็บได้ การเอาไปจากผู้อื่นโดยรู้ว่าเป็นของเขา ถือเป็นความผิดฐานลักทรัพย์
ผู้เสียหายทำปากกาของตนตกอยู่ในบริเวณร้านขายกาแฟที่ผู้เสียหายขายของอยู่ผู้เสียหายได้ออกไปขายขนมที่อื่นห่างเพียงประมาณ 1 เส้น เป็นเวลาไม่เกิน 5นาที ก็รู้ว่าปากกาหายจึงรีบกลับไปค้นและสอบถาม ได้ความจาก ป. ว่าเป็นผู้เก็บปากกานั้นได้และถามหาเจ้าของ จำเลยอ้างว่าเป็นเจ้าของ ป. จึงมอบปากกาให้จำเลยไปผู้เสียหายไปถามจำเลย จำเลยปฏิเสธดังนี้ ถือว่าทรัพย์ยังอยู่ในความยึดถือของผู้เสียหาย ไม่ใช่ทรัพย์ตกหายการที่มีผู้อื่นเก็บได้มิใช่จะทำให้ความยึดถือของผู้เสียหายขาดตอนไป จำเลยเอาไปจากผู้อื่น โดยรู้อยู่ว่าไม่ใช่ของตนจึงเป็นการเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปโดยทุจริต ต้องด้วยความผิดฐานลักทรัพย์
(อ้างฎีกาที่ 519/2502)
(อ้างฎีกาที่ 519/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 207/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทรัพย์สินยังอยู่ในความยึดถือของผู้เสียหาย แม้ผู้อื่นเก็บได้ การนำไปโดยรู้อยู่ว่าไม่ใช่ของตน เป็นความผิดฐานลักทรัพย์
ผู้เสียหายทำปากกาของตนตกอยู่ในบริเวณร้านขายกาแฟที่ผู้เสียหายขายของอยู่. ผู้เสียหายได้ออกไปขายขนมที่อื่นห่างเพียงประมาณ 1 เส้น เป็นเวลาไม่เกิน 5นาที ก็รู้ว่าปากกาหายจึงรีบกลับไปค้นและสอบถาม. ได้ความจาก ป. ว่าเป็นผู้เก็บปากกานั้นได้และถามหาเจ้าของ. จำเลยอ้างว่าเป็นเจ้าของ ป. จึงมอบปากกาให้จำเลยไป.ผู้เสียหายไปถามจำเลย จำเลยปฏิเสธ. ดังนี้ ถือว่าทรัพย์ยังอยู่ในความยึดถือของผู้เสียหาย ไม่ใช่ทรัพย์ตกหาย.การที่มีผู้อื่นเก็บได้มิใช่จะทำให้ความยึดถือของผู้เสียหายขาดตอนไป. จำเลยเอาไปจากผู้อื่น โดยรู้อยู่ว่าไม่ใช่ของตน. จึงเป็นการเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปโดยทุจริต ต้องด้วยความผิดฐานลักทรัพย์. (อ้างฎีกาที่ 519/2502).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1809/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระบุตัวเจ้าของทรัพย์ในคดีลักทรัพย์: ฟ้องไม่เคลือบคลุมหากระบุได้ว่าทรัพย์เป็นของบุคคลกลุ่มที่ชัดเจน และการรับสารภาพของผู้ต้องหา
ฟ้องว่าจำเลยบังอาจอาศัยโอกาสที่มีเพลิงไหม้ลักกระปุกอัดจารบีโรงสีเล็ก 1 อัน ราคา 80 บาท ของผู้ขนย้ายสิ่งของหนีไฟ โดยทุจริต ดังนี้ พอที่จะเข้าใจได้ว่าทรัพย์เป็นของคนใดคนหนึ่ง ในพวกขนของหนีไฟ แล้วจำเลยบังอาจลักเอาไป เท่ากับฟ้องระบุตัวเจ้าทรัพย์ไว้พอสมควรที่จำเลยต่อต่อสู้คดีได้ ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
เมื่อจำเลยรับสารภาพแล้วว่าได้ลักของกลางของผู้ขนของหนีไฟ ศาลย่อมพิพากษาลงโทษไปได้ตามข้อเท็จจริงที่จำเลยรับสารภาพนั้น ศาลจะยกเอาข้อสงสัยว่า ที่จำเลยรับอาจไม่ใช่ความจริงมาเป็นเหตุยกฟ้องหาได้ไม่
เมื่อจำเลยรับสารภาพแล้วว่าได้ลักของกลางของผู้ขนของหนีไฟ ศาลย่อมพิพากษาลงโทษไปได้ตามข้อเท็จจริงที่จำเลยรับสารภาพนั้น ศาลจะยกเอาข้อสงสัยว่า ที่จำเลยรับอาจไม่ใช่ความจริงมาเป็นเหตุยกฟ้องหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1809/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีลักทรัพย์โดยไม่ระบุชื่อเจ้าของทรัพย์ ศาลพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่จำเลยรับสารภาพได้
ฟ้องว่าจำเลยบังอาจอาศัยโอกาสที่มีเพลิงไหม้ลักกระปุกอัดจารบีโรงสีเล็ก 1 อัน ราคา 80 บาท ของผู้ขนย้ายสิ่งของหนีไป โดยทุจริต ดังนี้ พอที่จะเข้าใจได้ว่าทรัพย์เป็นของคนใดคนหนึ่งในพวกขนของหนีไฟ แล้วจำเลยบังอาจลักเอาไป เท่ากับฟ้องระบุตัวเจ้าทรัพย์ไว้พอสมควรที่จำเลยจะต่อสู้คดีได้ ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
เมื่อจำเลยรับสารภาพแล้วว่าได้ลักของกลางของผู้ขนของหนีไฟ ศาลย่อมพิพากษาลงโทษไปได้ตามข้อเท็จจริงที่จำเลยรับสารภาพนั้น ศาลจะยกเอาข้อสงสัยว่า ที่จำเลยรับอาจไม่ใช่ความจริง มาเป็นเหตุยกฟ้องหาได้ไม่
เมื่อจำเลยรับสารภาพแล้วว่าได้ลักของกลางของผู้ขนของหนีไฟ ศาลย่อมพิพากษาลงโทษไปได้ตามข้อเท็จจริงที่จำเลยรับสารภาพนั้น ศาลจะยกเอาข้อสงสัยว่า ที่จำเลยรับอาจไม่ใช่ความจริง มาเป็นเหตุยกฟ้องหาได้ไม่