พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,913 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1709/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคำขอให้ล้มละลายจากหนี้สินจำนวนมากและความตั้งใจชำระหนี้
จำเลยเป็นหนี้โจทก์ 82,300 บาท และเป็นหนี้บุคคลอื่นอีกหลายรายรวมหนี้ทั้งหมดแล้วเป็นเงินประมาณ 1,400,000 บาท จำเลยรับราชการเป็นครูระดับ 6 มีรายได้เป็นเงินเดือน 11,230 บาท และมีรายได้จากการสอนพิเศษเดือนละ 4,000 บาท ทั้งมีรายได้จากค่าเช่าบ้านเดือนละ 1,500 บาท นับว่ารายได้ยังน้อยมากเมื่อเทียบกับหนี้สิน ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยได้แสดงให้เห็นว่าจำเลยมีความตั้งใจจะชำระหนี้ให้แก่โจทก์และเจ้าหนี้รายอื่นด้วยความสุจริตใจไม่มีเหตุที่ไม่ควรให้จำเลยล้มละลาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1709/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การล้มละลาย: ศาลยืนตามคำพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย เนื่องจากมีหนี้สินล้นพ้นตัวและไม่มีความสามารถในการชำระหนี้
จำเลยเป็นหนี้โจทก์ 82,300 บาท และเป็นหนี้บุคคลอื่นอีกหลายราย รวมหนี้ทั้งหมดแล้วเป็นเงินประมาณ 1,400,000 บาทจำเลยรับราชการเป็นครูระดับ 6 มีรายได้เป็นเงินเดือน 11,230 บาทและมีรายได้จากการสอนพิเศษเดือนละ 4,000 บาท ทั้งมีรายได้จากค่าเช่าบ้านเดือนละ 1,500 บาท นับว่ารายได้ยังน้อยมากเมื่อเทียบกับหนี้สิน ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยได้แสดงให้เห็นว่าจำเลยมีความตั้งใจจะชำระหนี้ให้แก่โจทก์และเจ้าหนี้รายอื่นด้วยความสุจริตใจไม่มีเหตุที่ไม่ควรให้จำเลยล้มละลาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1695/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการฎีกาในคดีล้มละลาย: จำนวนทุนทรัพย์และข้อเท็จจริง
คดีนี้มีจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรก ประกอบด้วยพระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153 เจ้าหนี้ฎีกาโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในประเด็นว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้กำหนดดอกเบี้ยค้างชำระให้เจ้าหนี้แล้วหรือไม่ ซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทบัญญัติดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 164/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความและการขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย
หนี้ค่าซื้อสินค้าเชื่อของลูกหนี้ขาดอายุความแล้ว แต่ต่อมาลูกหนี้ได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ว่าจะชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ไว้จึงเป็นการละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 192 เดิม ลูกหนี้ไม่อาจยกเหตุการขาดอายุความขึ้นอ้างเพื่อบอกปัดการชำระหนี้ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 188 วรรคแรก เดิม เมื่อลูกหนี้ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด แม้อำนาจการจัดการหรือการกระทำใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้จะตกอยู่แก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 22 แต่การจัดการหรือกระทำใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะต้องเป็นการกระทำแทนลูกหนี้ตามสิทธิของลูกหนี้ที่มีอยู่ เมื่อลูกหนี้ละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความตามหนังสือรับสภาพหนี้ดังกล่าวแล้ว ย่อมทำให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่อาจยกเหตุแห่งการขาดอายุความขึ้นบอกปัดการชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ได้ ดังนั้นหนี้ของลูกหนี้จึงมิใช่หนี้ที่ไม่อาจขอรับชำระได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 94(1)เจ้าหนี้จึงขอรับชำระหนี้ในคดีนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1622/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย: การรับฟังพยานหลักฐานและการนับระยะเวลายื่นอุทธรณ์
ในชั้นสอบสวนคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แม้เจ้าหนี้มีเพียงผู้รับมอบอำนาจจากเจ้าหนี้ให้การยืนยันว่าจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้าง ฆ. แต่จำเลยที่ 2มิได้แถลงหรือให้การต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์โต้แย้งคัดค้านว่าข้อเท็จจริงมิได้เป็นเช่นนั้น คำให้การของผู้รับมอบอำนาจจากเจ้าหนี้ดังกล่าวรับฟังได้ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 กำหนดให้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลชั้นต้นภายใน 1 เดือน นับแต่วันอ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้น แต่ในกรณีที่มีการยื่นคำขอรับชำระหนี้ เมื่อเจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้แล้ว เจ้าหนี้ย่อมไม่อาจทราบได้ว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะทำความเห็นส่งสำนวนเรื่องหนี้สินที่เจ้าหนี้ขอรับชำระไปยังศาลชั้นต้นเมื่อใด ทั้งไม่อาจทราบได้ว่าศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งเมื่อใด จึงต้องถือว่าวันที่เจ้าหนี้ทราบคำสั่งของศาลชั้นต้นเป็นวันที่ได้อ่านคำสั่งศาลชั้นต้นให้เจ้าหนี้ฟังและกำหนดระยะเวลายื่นอุทธรณ์เริ่มนับแต่วันนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1612/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินหลังการสมรส และผลกระทบต่อสิทธิในการอ้างเป็นเจ้าของทรัพย์สินที่ถูกยึดในคดีล้มละลายของคู่สมรส
การยื่นคำร้องต่อศาลคัดค้านคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่ให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด ไม่ใช่เป็นการร้องต่อศาลเพราะเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สั่งไม่ให้ถอนยึดทรัพย์ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย ฯมาตรา 158 แต่เป็นกรณีที่ร้องต่อศาลตามมาตรา 146 ว่า คำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่ให้ถอนการยึดไม่ชอบ ขอให้มีคำสั่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยึดทรัพย์ต่อไป เป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 เดิม ผู้ร้องร้องขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ปล่อยทรัพย์ที่ยึดจำนวน 20 รายการ เป็นเครื่องปรับอากาศและเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งผู้ร้องนำมาติดตั้งและประดับบ้านของผู้ร้อง และผู้ร้องได้ให้จำเลยทั้งสองอยู่อาศัยกับใช้สอยทรัพย์ 20 รายการนั้น โดยมิได้ยกให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่จำเลยทั้งสอง แต่เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าผู้ร้องได้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและบ้านดังกล่าวให้แก่บุตรสาวโดยมิได้แยกทรัพย์ที่ยึดทั้ง 20 รายการมาเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องโดยเฉพาะจึงฟังว่า ผู้ร้องได้ยกกรรมสิทธิ์ทรัพย์ที่ยึดทั้ง 20 รายการให้บุตรสาวไปแล้ว ผู้ร้องจึงไม่มีส่วนได้เสียในทรัพย์ที่ยึดทั้ง20 รายการ ไม่มีสิทธิร้องขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ปล่อยทรัพย์ที่ยึดทั้ง 20 รายการ นั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1608/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการโอนทรัพย์ในคดีล้มละลาย ต้องเป็นการโอนที่ทำให้เจ้าหนี้รายอื่นเสียเปรียบ และผู้รับโอนไม่ใช่เจ้าหนี้เดิม
ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 115 บัญญัติให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ร้องขอเพิกถอนในกรณีที่จำเลยที่ 1มุ่งหมายให้เจ้าหนี้คนใดคนหนึ่งได้เปรียบแก่เจ้าหนี้อื่น ซึ่งมีความหมายว่าการโอนทรัพย์นั้นต้องเป็นการโอนให้แก่เจ้าหนี้ซึ่งเป็นเจ้าหนี้อยู่ก่อนแล้ว และการโอนเช่นนั้นทำให้เจ้าหนี้อื่น ๆ ของจำเลยที่ 1 เสียเปรียบ เนื่องจากบรรดาเจ้าหนี้เหล่านั้นต่างก็จะไม่ได้ชำระหนี้หรือไม่ได้ชำระหนี้เต็มจำนวนจากจำเลยที่ 1เพราะสภาพการมีหนี้สินล้นพ้นตัวซึ่งบรรดาเจ้าหนี้เหล่านั้น ได้รับความเสียหายอยู่ก่อนแล้วจากการที่ลูกหนี้มีทรัพย์สินน้อยกว่าหนี้สินซึ่งจะทำให้บรรดาเจ้าหนี้เหล่านั้นได้รับชำระหนี้เพียงส่วนเฉลี่ยในทรัพย์สินของลูกหนี้เท่านั้น ฉะนั้น เมื่อจำเลยที่ 1นำทรัพย์สินเท่าที่มีไปชำระให้เจ้าหนี้คนหนึ่งโดยเฉพาะ จึงเป็นการให้เปรียบแก่เจ้าหนี้คนนั้นและทำให้เจ้าหนี้อื่นเสียเปรียบเพราะได้รับความเสียหายเพิ่มขึ้นเนื่องจากไม่มีโอกาสได้รับชำระโดยเฉลี่ยจากทรัพย์สินที่โอนไป กฎหมายจึงมุ่งคุ้มครองบรรดาเจ้าหนี้ด้วยกัน ซึ่งเป็นเจ้าหนี้อยู่ก่อนมิให้ได้เปรียบเสียเปรียบซึ่งกันและกัน และอาจให้อำนาจเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เพิกถอนการโอนหรือการกระทำใด ๆ ซึ่งเป็นการให้เปรียบเช่นนี้ได้ แต่กรณีการโอนสิทธิการเช่าโทรศัพท์และพันธบัตรโทรศัพท์พิพาทอันเป็นสัญญาต่างตอบแทน ผู้คัดค้านซึ่งเป็นผู้รับโอนมิได้เป็นเจ้าหนี้ของจำเลยที่ 1 มาก่อน ไม่มีปัญหาเรื่องผู้รับโอนจะได้เปรียบแก่เจ้าหนี้อื่นหรือไม่ หากจะถือว่าการโอนของจำเลยที่ 1 เป็นการให้เปรียบแก่ผู้โอนเหนือเจ้าหนี้ที่มีอยู่แล้ว ย่อมจะทำให้ผู้รับโอนโดยสุจริตและมีค่าตอบแทนซึ่งไม่รู้ถึงสภาพการมีหนี้สินล้นพ้นตัวของจำเลยที่ 1 ต้องเสียหายไม่เป็นธรรมต่อผู้รับโอนอันไม่ใช่วัตถุประสงค์ของกฎหมายที่ประสงค์จะคุ้มครองผู้สุจริตและต้องเสียค่าตอบแทน กรณีนี้จึงไม่อาจเพิกถอนการโอนสิทธิการเช่าโทรศัพท์และพันธบัตรโทรศัพท์พิพาทแก่ผู้คัดค้านซึ่งมิได้เป็นเจ้าหนี้ของจำเลยที่ 1 มาก่อนตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 115 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1608/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการโอนทรัพย์ในคดีล้มละลาย ต้องเป็นการโอนให้เจ้าหนี้เดิมเพื่อไม่ให้เจ้าหนี้อื่นเสียเปรียบ การโอนทรัพย์ให้บุคคลภายนอกโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน ไม่อาจเพิกถอนได้
ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 115 บัญญัติให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ร้องขอเพิกถอนในกรณีที่จำเลยที่ 1มุ่งหมายให้เจ้าหนี้คนใดคนหนึ่งได้เปรียบแก่เจ้าหนี้อื่น ซึ่งมีความหมายว่าการโอนทรัพย์นั้นต้องเป็นการโอนให้แก่เจ้าหนี้ซึ่งเป็นเจ้าหนี้อยู่ก่อนแล้ว และการโอนเช่นนั้นทำให้เจ้าหนี้อื่น ๆ ของจำเลยที่ 1 เสียเปรียบ เนื่องจากบรรดาเจ้าหนี้เหล่านั้นต่างก็จะไม่ได้รับชำระหนี้หรือไม่ได้รับชำระหนี้เต็มจำนวนจากจำเลยที่ 1 เพราะสภาพการมีหนี้สินล้นพ้นตัวซึ่งบรรดาเจ้าหนี้เหล่านั้นได้รับความเสียหายอยู่ก่อนแล้วจากการที่ลูกหนี้มีทรัพย์สินน้อยกว่าหนี้สินซึ่งจะทำให้บรรดาเจ้าหนี้เหล่านั้นได้รับชำระหนี้เพียงส่วนเฉลี่ยในทรัพย์สินของลูกหนี้เท่านั้น ฉะนั้นเมื่อจำเลยที่ 1 นำทรัพย์สินเท่าที่มีไปชำระให้เจ้าหนี้คนหนึ่งโดยเฉพาะ จึงเป็นการให้เปรียบแก่เจ้าหนี้คนนั้นและทำให้เจ้าหนี้อื่นเสียเปรียบเพราะได้รับความเสียหายเพิ่มขึ้นเนื่องจากไม่มีโอกาสได้รับชำระโดยเฉลี่ยจากทรัพย์สินที่โอนไป กฎหมายจึงมุ่งคุ้มครองบรรดาเจ้าหนี้ด้วยกันซึ่งเป็นเจ้าหนี้อยู่ก่อนมิให้ได้เปรียบเสียเปรียบซึ่งกันและกัน และให้อำนาจเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เพิกถอนการโอนหรือการกระทำใด ๆ ซึ่งเป็นการให้เปรียบเช่นนี้ได้ แต่กรณีการโอนสิทธิการเช่าโทรศัพท์และพันธบัตรโทรศัพท์พิพาทอันเป็นสัญญาต่างตอบแทน ผู้คัดค้านซึ่งเป็นผู้รับโอนมิได้เป็นเจ้าหนี้ของจำเลยที่ 1 มาก่อน ไม่มีปัญหาเรื่องผู้รับโอนจะได้เปรียบแก่เจ้าหนี้อื่นหรือไม่ หากจะถือว่าการโอนของจำเลยที่ 1เป็นการให้เปรียบแก่ผู้รับโอนเหนือเจ้าหนี้ที่มีอยู่แล้ว ย่อมจะทำให้ผู้รับโอนโดยสุจริตและมีค่าตอบแทนซึ่งไม่รู้ถึงสภาพการมีหนี้สินล้นพ้นตัวของจำเลยที่ 1 ต้องเสียหายไม่เป็นธรรมต่อผู้รับโอน อันไม่ใช่วัตถุประสงค์ของกฎหมายที่ประสงค์จะคุ้มครองผู้สุจริตและต้องเสียค่าตอบแทน กรณีนี้จึงไม่อาจเพิกถอนการโอนสิทธิการเช่าโทรศัพท์และพันธบัตรโทรศัพท์พิพาทแก่ผู้คัดค้านซึ่งมิได้เป็นเจ้าหนี้ของจำเลยที่ 1 มาก่อนตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 มาตรา 115 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 138/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผิดนัดชำระหนี้ตามแผนประนอมหนี้ก่อนล้มละลาย ทำให้ศาลมีอำนาจยกเลิกแผนและพิพากษาให้ล้มละลายได้
จำเลยรับว่าจำเลยได้ผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามที่ขอประนอมหนี้ก่อนล้มละลายไว้เพราะไม่มีเงินมาชำระจนต้องบอกขายที่ดินของจำเลย แต่ก็ยังขายไม่ได้ จึงเป็นกรณีที่จำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามที่ตกลงไว้ในการประนอมหนี้ ศาลจึงมีอำนาจยกเลิกการประนอมหนี้และพิพากษาให้จำเลยล้มละลายได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 60
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 138/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผิดนัดชำระหนี้ตามแผนประนอมหนี้ก่อนล้มละลาย ศาลมีอำนาจยกเลิกและพิพากษาให้ล้มละลายได้
จำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามที่ขอประนอมหนี้ก่อนล้มละลายไว้เพราะไม่มีเงินมาชำระเนื่องจากบอกขายที่ดินแล้วยังขายไม่ได้ ศาลย่อมมีอำนาจยกเลิกการประนอมหนี้และพิพากษาให้จำเลยล้มละลายได้.