พบผลลัพธ์ทั้งหมด 771 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 581/2471
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าด้วยอาวุธอันตราย: การฟันด้วยขวานจนถึงแก่ความตาย
ขวานเปนอาวุธที่ร้ายแรง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 189/2471
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยอาวุธอันตราย
เอาสันพร้าฟันโดยเต็มแรงเจตนากรรมเปนเครื่องชี้เจตนา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8346/2559
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าต่อเนื่อง: การกระทำรุมทำร้ายก่อนใช้ของแข็งเป็นส่วนหนึ่งของความผิดฐานฆ่า ไม่เป็นความผิดฐานทำร้ายร่างกาย
การที่จำเลยร่วมกับพวกรุมเตะผู้ตายเป็นส่วนหนึ่งของการกระทำที่รวมอยู่ในความผิดฐานฆ่าผู้ตาย จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้ตายอีกบทหนึ่ง คงเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นเพียงบทเดียวเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10065/2558
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่า: พิจารณาจากพฤติการณ์, อาวุธ, และบาดแผลควบคู่กัน
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยใช้อาวุธมีดแทงผู้ตาย ถูกบริเวณหน้าอกด้านซ้าย โดยเจตนาฆ่าและผู้ตายถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 288 นั้น ความผิดตามฟ้องของโจทก์ย่อมรวมถึงการทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ซึ่งเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 290 ด้วย ถือได้ว่าความผิดตามฟ้องรวมการกระทำหลายอย่าง แต่ละอย่างอาจเป็นความผิดได้อยู่ในตัวเอง เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายตาม ป.อ. มาตรา 290 ศาลย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยในข้อหาดังกล่าว ซึ่งมีอัตราโทษเบากว่าตามที่พิจารณาได้ความได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคท้าย
ในการพิจารณาว่า ผู้กระทำมีเจตนาทำร้ายร่างกายหรือเจตนาฆ่านั้น จะต้องพิจารณาจากความร้ายแรงของอาวุธ อวัยวะที่ถูกกระทำ ลักษณะบาดแผลที่ได้รับและพฤติการณ์แห่งการกระทำอื่น ๆ ประกอบกัน ซึ่งพฤติการณ์แห่งการกระทำของจำเลย จะมีความสำคัญในการวินิจฉัยถึงเจตนาของจำเลยยิ่งกว่าหลักเกณฑ์อื่น ๆ มิใช่พิจารณาแต่เพียงอาวุธ ลักษณะอาการในการจ้วงแทง และบาดแผลที่ได้รับเท่านั้น
ในการพิจารณาว่า ผู้กระทำมีเจตนาทำร้ายร่างกายหรือเจตนาฆ่านั้น จะต้องพิจารณาจากความร้ายแรงของอาวุธ อวัยวะที่ถูกกระทำ ลักษณะบาดแผลที่ได้รับและพฤติการณ์แห่งการกระทำอื่น ๆ ประกอบกัน ซึ่งพฤติการณ์แห่งการกระทำของจำเลย จะมีความสำคัญในการวินิจฉัยถึงเจตนาของจำเลยยิ่งกว่าหลักเกณฑ์อื่น ๆ มิใช่พิจารณาแต่เพียงอาวุธ ลักษณะอาการในการจ้วงแทง และบาดแผลที่ได้รับเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7564/2557
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ไม่เข้าข้อยกเว้นบันดาลโทสะ การพิจารณาโทษที่เหมาะสม
การที่จำเลยต่อว่าผู้ตายเรื่องที่ผู้ตายมีหญิงอื่นและเกิดการโต้เถียงกัน จำเลยจึงเข้าไปทุบตัวผู้ตาย ผู้ตายพูดว่า กูไม่อยู่กับมึง กูทนไม่ไหวแล้ว กูจะหย่ากับมึงอีแก่ เมื่อจำเลยได้ยินคำพูดเช่นนั้น จำเลยเกิดความโมโหมาก จึงไปเอาอาวุธปืนที่จำเลยซ่อนไว้ในลิ้นชักโต๊ะคอมพิวเตอร์ออกมายิงผู้ตาย 4 นัด จนผู้ตายถึงแก่ความตาย ข้อเท็จจริงดังกล่าวยังถือไม่ได้ว่า จำเลยถูกผู้ตายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การกระทำของจำเลยยังมิใช่การกระทำโดยบันดาลโทสะตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7350/2556
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนจากความขัดแย้งส่วนตัว การกระทำความผิดฐานพยายามฆ่า
ก่อนเกิดเหตุผู้เสียหายที่ 2 มีเหตุบาดหมางกับจำเลยเกี่ยวกับแย่งผู้หญิงและเคยมีการเจรจาตกลงกัน ในวันเกิดเหตุจำเลยกับพวกมีอาวุธปืนและมีดตามผู้เสียหายที่ 2 เข้าไปในบ้านเกิดเหตุ เมื่อพบก็เข้าทำร้ายทันที แสดงว่าจำเลยยังขุ่นเคืองผู้เสียหายที่ 2 เกี่ยวกับผู้หญิงและตั้งใจตามหาผู้เสียหายที่ 2 เพื่อทำร้าย มิใช่ว่าพบโดยบังเอิญแล้วเกิดทะเลาะวิวาทและทำร้ายทันทีในขณะนั้น จำเลยจึงมีโอกาสคิดทบทวนล่วงหน้าก่อนจะกระทำความผิด แล้วจำเลยกับพวกบุกรุกเข้าไปในบ้านใช้มีดและปืนเป็นอาวุธฟันและยิงผู้เสียหายที่ 2 บ่งชี้ให้เห็นว่า จำเลยได้วางแผนและตระเตรียมการที่จะฆ่าผู้เสียหายที่ 2 มาก่อนแล้ว จำเลยจึงมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายที่ 2 โดยไตร่ตรองไว้ก่อน เมื่อผู้เสียหายที่ 2 ไม่ถึงแก่ความตาย จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายที่ 2 โดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5729/2556
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าต้องรู้ว่าผู้ตายยังมีชีวิตอยู่ การเข้าใจผิดว่าตายแล้วไม่ถือเป็นเจตนาฆ่า
ความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 นั้น จำเลยที่ 1 ต้องรู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบภายนอก คือ (1) ผู้ใด (2) ฆ่า (3) ผู้อื่น กล่าวคือ รู้ว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการฆ่า และรู้ด้วยว่า วัตถุแห่งการกระทำคือผู้อื่นนั้นยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งปัญหาว่าจำเลยที่ 1 รู้หรือไม่ว่าผู้ตายถึงแก่ความตายแล้วนั้น โจทก์ไม่ได้ฎีกา และฎีกาโจทก์รับว่าจำเลยที่ 1 เข้าใจว่าผู้ตายถึงแก่ความตายแล้ว ทั้งข้อเท็จจริงยุติตามคำพิพากษาศาลล่างว่าจำเลยที่ 1 พยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้ตายโดยใช้กำลังประทุษร้ายผู้ตายจนหมดสติแล้วนำไปทิ้งที่อ่างเก็บน้ำโดยเข้าใจว่าผู้ตายถึงแก่ความตายแล้ว ดังนั้น การที่จำเลยที่ 1 มิได้รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบของความผิดว่าผู้ตายยังไม่ถึงแก่ความตาย จะถือว่าจำเลยที่ 1 ประสงค์ต่อผลหรือย่อมเล็งเห็นผลไม่ได้ การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงขาดองค์ประกอบความผิดตามความใน ป.อ. มาตรา 59 วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5744/2555
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าและพยายามฆ่า, การทำร้ายร่างกาย, ความรับผิดทางแพ่งจากการกระทำทางอาญา, การชดใช้ค่าเสียหาย
จำเลยกับพวกแทงผู้ตายและโจทก์ร่วมที่ 2 อย่างแรงที่อวัยวะสำคัญของร่างกายที่สามารถทำให้ถึงแก่ความตายได้ เมื่อผู้ตายถึงแก่ความตายและโจทก์ร่วมที่ 2 ได้รับอันตรายสาหัส แพทย์ผู้ตรวจชันสูตรบาดแผลเบิกความว่า หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงทีโจทก์ร่วมที่ 2 อาจถึงแก่ความตายได้ จึงฟังได้ว่า จำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตายและพยายามฆ่าโจทก์ร่วมที่ 2
ส่วนโจทก์ร่วมที่ 3 จำเลยใช้มีดแทงและฟันโจทก์ร่วมที่ 3 ตามโอกาสอำนวยไม่ได้เลือกแทงอวัยวะส่วนที่สำคัญของร่างกายทั้งมีดที่ใช้แทงและฟันไม่ใช่มีดขนาดใหญ่ แม้บาดแผลที่โจทก์ร่วมที่ 3 ถูกฟันด้านหลังยาวจากสะบัดขวาถึงเอวด้านซ้ายยาว 50 เซนติเมตร แต่ลึกเพียง 0.4 เซนติเมตร แสดงว่าไม่ใช่บาดแผลร้ายแรงที่จะทำให้โจทก์ร่วมที่ 3 ถึงแก่ความตายได้ จำเลยกับพวกมีเพียงเจตนาทำร้ายร่างกายโจทก์ร่วมที่ 3 เท่านั้น
ส่วนโจทก์ร่วมที่ 3 จำเลยใช้มีดแทงและฟันโจทก์ร่วมที่ 3 ตามโอกาสอำนวยไม่ได้เลือกแทงอวัยวะส่วนที่สำคัญของร่างกายทั้งมีดที่ใช้แทงและฟันไม่ใช่มีดขนาดใหญ่ แม้บาดแผลที่โจทก์ร่วมที่ 3 ถูกฟันด้านหลังยาวจากสะบัดขวาถึงเอวด้านซ้ายยาว 50 เซนติเมตร แต่ลึกเพียง 0.4 เซนติเมตร แสดงว่าไม่ใช่บาดแผลร้ายแรงที่จะทำให้โจทก์ร่วมที่ 3 ถึงแก่ความตายได้ จำเลยกับพวกมีเพียงเจตนาทำร้ายร่างกายโจทก์ร่วมที่ 3 เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 14482/2555
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าหรือไม่? ศาลฎีกาตัดสินคดีใช้อาวุธปืนข่มขู่ ยิงไม่โดน ถือเป็นทำร้ายร่างกาย
วัน เวลา และสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยมีและพาอาวุธปืนพกรีวอลเวอร์ขนาด .22 ไปบริเวณโรงงานเชียงใหม่สุขสวัสดิ์ค้าไม้ เนื่องมาจากจำเลยเข้าใจว่าผู้เสียหายเป็นชู้กับภริยาของจำเลย จำเลยจึงไปพบผู้เสียหายยังสถานที่เกิดเหตุและสอบถามจำเลยว่า ชอบเป็นชู้กับภริยาชาวบ้านใช่ไหม แล้วใช้แขนซ้ายล๊อกคอผู้เสียหายและใช้มือขวาล้วงอาวุธปืนออกมาจากเอวจ่อที่บริเวณศีรษะของผู้เสียหาย ช. ท. และ ส. ซึ่งเป็นประจักษ์พยานโจทก์และอยู่บริเวณที่เกิดเหตุเบิกความสอดคล้องต้องกันว่า เห็นจำเลยกระทำดังกล่าว นอกจากนั้นผู้เสียหายยังเบิกความว่าผู้เสียหายได้สะบัดศีรษะเพื่อหลบและได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด หลังจากนั้นจำเลยก็เดินออกไป การกระทำของจำเลยดังกล่าวจะเห็นได้ว่า จำเลยอยู่ห่างจากผู้เสียหายประมาณ 1 ฟุต โดยใช้มือล๊อกคอของผู้เสียหายไว้พร้อมใช้อาวุธปืนจ่อบริเวณศีรษะซึ่งเป็นระยะที่ใกล้ชิดกับศีรษะมาก หากจำเลยประสงค์ต่อชีวิตของผู้เสียหายแล้ว ย่อมเป็นการยากที่กระสุนปืนจะพลาดจากเป้าหมาย และขณะที่กระสุนลั่นจากอาวุธปืนไม่ปรากฏว่าประจักษ์พยานโจทก์คนใด เห็นว่า ปากกระบอกปืนยังคงจ่อเล็งอยู่ที่บริเวณศีรษะของผู้เสียหายหรือไม่ และการที่ผู้เสียหายเพียงแต่สะบัดศีรษะเพื่อหลบ แต่ก็ไม่ได้ลุกขึ้นวิ่งหนี จึงไม่ทำให้เป้าหมายของวิถีกระสุนเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม จำเลยย่อมสามารถที่จะยิงผู้เสียหายซ้ำได้อีก อีกทั้งหลังจากปืนลั่น 1 นัดแล้ว ไม่มีผู้ใดเข้าห้ามปรามหรือขัดขวางการกระทำของจำเลย และหลังเกิดเหตุ ป. ติดตามจับกุมจำเลยได้พร้อมอาวุธปืนของกลาง ยังปรากฏกระสุนปืนอยู่ภายในรังเพลิงอีกจำนวน 5 นัด แสดงให้เห็นว่าจำเลยมีโอกาสใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายได้อีก แต่จำเลยก็หาได้กระทำไม่ เมื่อก่อเหตุแล้วจำเลยก็ได้ขับรถจักรยานยนต์กลับไปยังสถานที่ทำงานของตน มิได้หลบหนีไปไหนจนกระทั่ง ป. ไปจับกุมจำเลยได้พร้อมอาวุธปืนของกลาง พฤติการณ์แห่งคดีเชื่อว่า จำเลยไม่มีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย แต่เป็นการใช้อาวุธปืนยิงเพื่อข่มขู่ผู้เสียหายเท่านั้น และการที่จำเลยใช้แขนล๊อกคอผู้เสียหายเป็นการใช้กำลังทำร้ายผู้เสียหายโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ อันเป็นความผิดตามที่พิจารณาได้ความซึ่งศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคท้าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 14450/2555
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พิจารณาจากระยะเวลาและพฤติการณ์ ไม่ใช่แค่ความโกรธเคืองสะสม
การฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนนั้น ผู้กระทำความผิดต้องได้มีเวลาคิดไตร่ตรองและทบทวนแล้วจึงตกลงใจที่จะฆ่าผู้อื่น หาใช่กรณีที่เกิดขึ้นโดยปัจจุบันทันด่วนไม่ การที่ข้อเท็จจริงได้ความว่ามีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน ไม่ใช่เหตุผลที่บ่งชี้แน่นอนว่ามีเจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเสมอไป ต้องขึ้นอยู่กับพฤติการณ์แห่งคดี คดีนี้ได้ความว่าจำเลยกับผู้ตายมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อนแต่ก็เป็นสาเหตุตั้งแต่เมื่อประมาณ 1 ปี มาแล้ว แม้ปรากฏว่ายังคงโกรธเคืองกันตลอดมาก็ไม่อาจแปลความไปถึงขนาดว่าจำเลยมีความคิดจะฆ่าผู้ตายมาตลอดได้ เพราะหากเป็นเช่นนั้นจำเลยก็สามารถจะทำได้ง่ายและคงไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านพ้นไปนานเป็นปีจึงเพิ่งมาก่อเหตุคดีนี้ การที่จำเลยมาพบเห็นผู้ตายนั่งดื่มสุราที่บ้านของ ส. ในคืนวันเกิดเหตุนั้นจึงเป็นเพียงเหตุบังเอิญ ซึ่งหากพบแล้วจำเลยเกิดความต้องการที่จะแก้แค้นผู้ตายโดยจำเลยมีอาวุธปืนติดตัวมาด้วยและใช้อาวุธปืนนั้นยิงผู้ตายในขณะนั้นย่อมไม่อาจถือได้ว่าจำเลยฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนได้ เนื่องจากเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในเวลาปัจจุบันทันด่วนโดยจำเลยไม่มีเวลาคิดไตร่ตรองทบทวนก่อนเลย ดังนั้น ที่จำเลยกลับไปบ้านซึ่งอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร เพื่อเอาอาวุธปืนมายิงผู้ตายก็ไม่แตกต่างกับที่จำเลยยิงผู้ตายในทันทีที่พบเห็นแต่อย่างใด ถือไม่ได้ว่าจำเลยฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน