คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
กำหนดเวลา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 990 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 586/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีอาญาหลังขอผัดฟ้องไปแล้ว แม้จะเกินกำหนด ไม่ถือเป็นเหตุต้องห้ามฟ้อง
เมื่อไม่มีเหตุที่จะต้องขอผัดฟ้องแล้ว. หากเผอิญไปขอผัดฟ้องเข้าเพราะความเข้าใจผิด. กรณีจึงไม่เข้าข้อห้ามตามมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499. ที่ห้ามไว้ไม่ให้ฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1927-1957/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าหมดอายุ ผู้ให้เช่าไม่ผูกพันต่ออายุสัญญา แม้ผู้เช่าแสดงเจตนาขอเช่าต่อ สัญญาต่างตอบแทนมีกำหนดเวลา 3 ปี
ข้อความในสัญญาเช่าที่ว่า เมื่อหมดอายุสัญญาเช่านี้ผู้เช่ามีความประสงค์เช่าต่อต้องทำหนังสือสัญญาเช่ากันใหม่ภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันหมดอายุสัญญาเช่า หากพ้นกำหนดผู้เช่าไม่ไปทำสัญญาเช่าต่อ ถือว่าผู้เช่าสละสิทธินั้น หาได้มีความหมายว่า โจทก์จะต้องยินยอมให้จำเลยทำสัญญาต่ออายุการเช่าใหม่ไม่ เพราะไม่มีข้อความแสดงว่าผู้ให้เช่าจำต้องยอมให้ผู้เช่าทำการเช่าตามกำหนดเวลาและเงื่อนไขของสัญญาเดิมแต่อย่างใด. ดังนี้ โจทก์จึงไม่มีความผูกพันที่จะต้องให้จำเลยเช่าต่อ แม้จำเลยจะได้แจ้งความประสงค์ต่อโจทก์แล้วก็ตาม
แม้สัญญานี้จะเป็นสัญญาต่างตอบแทนอย่างหนึ่ง แต่เมื่อจำเลยมิได้แสดงให้ศาลเห็นว่าสัญญาต่างตอบแทนรายนี้มีกำหนดเวลาการเช่าเกินกว่า 3 ปี สัญญาต่างตอบแทนนี้จึงมีกำหนดเวลาเพียง 3 ปี เท่าที่ปรากฏในสัญญาเช่านั้นเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 125/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำขอพิจารณาใหม่ขาดเงื่อนไขตามกฎหมาย – ขาดการยื่นคำขอภายในกำหนดและข้อคัดค้านไม่ชัดเจน
จำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2509โดยอ้างว่าจำเลยได้กลับมาบ้านเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2509 รุ่งขึ้นก็ถูกเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์ของจำเลยเช่นนี้ จำเลยจึงรู้ได้ว่าถูกฟ้องและมีการบังคับคดีแล้วแต่ไม่ได้ยื่นคำขอฯภายในกำหนด15 วันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 ทั้งคำขอของจำเลยก็มิได้กล่าวโดยละเอียดและชัดแจ้ง ซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินของศาลว่าไม่ถูกต้องประการใดคำขอของจำเลยขาดองค์ประกอบสำคัญที่ศาลจะพึงรับไว้ได้ และตามรูปคดีศาลก็ไม่จำต้องทำการไต่สวนคำขอของจำเลยต่อไป เพราะตามคำขอของจำเลยก็พอที่จะวินิจฉัยได้แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 125/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำขอพิจารณาใหม่ต้องยื่นภายใน 15 วันหลังรู้ถึงการบังคับคดี และต้องระบุข้อคัดค้านคำตัดสินอย่างชัดเจน
จำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2509โดยอ้างว่าจำเลยได้กลับมาบ้านเมื่อวันที่ 27 กันยายน2509. รุ่งขึ้นก็ถูกเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์ของจำเลย. เช่นนี้ จำเลยจึงรู้ได้ว่าถูกฟ้องและมีการบังคับคดีแล้ว. แต่ไม่ได้ยื่นคำขอฯภายในกำหนด 15 วันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208. ทั้งคำขอของจำเลยก็มิได้กล่าวโดยละเอียดและชัดแจ้ง ซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินของศาลว่าไม่ถูกต้องประการใด. คำขอของจำเลยขาดองค์ประกอบสำคัญที่ศาลจะพึงรับไว้ได้. และตามรูปคดีศาลก็ไม่จำต้องทำการไต่สวนคำขอของจำเลยต่อไป. เพราะตามคำขอของจำเลยก็พอที่จะวินิจฉัยได้แล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1201/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้เช็คภายในกำหนดเวลา: นับแต่วันที่ธนาคารแจ้งปฏิเสธการจ่ายเงิน
บทบัญญัติมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 ซึ่งมิให้ถือเป็นความผิด หากผู้ออกเช็คได้นำเงินไปชำระแก่ผู้ทรงหรือแก่ธนาคารเพื่อจ่ายเงินตามเช็คภายใน 7 วัน ฯลฯ นั้น หมายถึง นับแต่วันธนาคารได้บอกกล่าวการปฏิเสธจ่ายเงินให้แก่ผู้ออกเช็คทราบ ฉะนันเมื่อธนาคารยังมิได้บอกกล่าว เมื่อมีการชำระเงินให้แก่ผู้ทรงเช็ค จึงยังคงถือว่าอยู่ภายในกำหนดเวลานี้อยู่ เพราะยังไม่อาจนับกำหนดเวลาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1119/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขยายเวลาอุทธรณ์ต้องกระทำก่อนสิ้นกำหนด เหตุทนายไม่ยื่นไม่ใช่เหตุสุดวิสัย
ที่ผู้ร้องขัดทรัพย์ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้รับอุทธรณ์ของผู้ร้องนั้นเป็นการยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งขยายระยะเวลาที่ยื่นอุทธรณ์ให้แก่ผู้ร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 แต่เมื่อผู้ร้องยื่นคำร้องขึ้นมาเมื่อสิ้นกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์ถึงเดือนเศษ จึงหาใช่เป็นเหตุสุดวิสัยไม่ หากแต่เป็นความบกพร่องและผิดพลาดของผู้ร้องเอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 855/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำให้การหลังชี้สองสถาน และผลของการผิดนัดโอนที่ดิน
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180(2) มิได้ถือเอากำหนดเวลาที่คู่ความฝ่ายที่ขอแก้ไขคำฟ้องหรือคำให้การ อาจยื่นคำร้องได้ก่อนการชี้สองสถานหรือก่อนกำหนดเวลาชี้สองสถานเป็นเกณฑ์ แต่มาตรา 180(2) ถือเอากำหนดที่อาจยื่นคำร้องได้ก่อนวันชี้สองสถาน เหตุนี้ ถ้าหากจำเลยทราบเหตุที่จะขอแก้คำให้การในวันชี้สองสถานนั้นเอง แม้จะทราบก่อนกำหนดเวลาที่เริ่มมีการชี้สองสถาน ก็ไม่เป็นเหตุ ที่จะไม่อนุญาตให้แก้
จำเลยขอผัดโอนที่ให้แก่โจทก์ไปไม่เกินวันที่ 15 โจทก์มีหนังสือตอบตกลงไป จำเลยกลับขอผัดไปหลังวันที่15 โจทก์มิได้ตกลงด้วย ดังนี้ ถือว่าจำเลยผิดนัดไม่โอนที่ดินให้แก่โจทก์แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 582/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กำหนดเวลาฎีกา-การอ้างพยานหลักฐานเพิ่มเติม-กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน: ศาลฎีกายืนตามศาลล่างเรื่องกำหนดเวลาและกรรมสิทธิ์
ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้คู่ความฟังเมื่อวันที่28 ตุลาคม 2507 กำหนดระยะเวลา 1 เดือนสำหรับการยื่นฎีกา เริ่มนับหนึ่งในวันที่ 29 ตุลาคม 2507 ครบ 1 เดือนในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2507 แต่วันที่ 28, 29 พฤศจิกายน 2507 ตรงกับวันหยุดราชการ โจทก์จึงยื่นฎีกาในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2507 ซึ่งเป็นวันที่เริ่มทำงานใหม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 161
โจทก์ขออ้างสำนวนคดีอาญาเป็นพยานหลักฐานเพิ่มเติมในชั้นฎีกาเพื่อแสดงว่าผู้ร้องกับจำเลยเป็นสามีภริยาที่ชอบด้วยกฎหมาย โดยได้จดทะเบียนสมรสนั้นเห็นว่าข้อเท็จจริงดังกล่าวได้ยุติมาแต่ศาลชั้นต้น โดยโจทก์ไม่ติดใจอุทธรณ์ในข้อนี้และยอมรับในอุทธรณ์ว่า ผู้ร้องกับจำเลยมิใช่สามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย เพราะมิได้จดทะเบียนสมรส คงอุทธรณ์เฉพาะประเด็นที่ว่า เรือนพิพาทเป็นทรัพย์ที่ผู้ร้องกับจำเลยต่างมีกรรมสิทธิ์คนละครึ่งข้อเดียวเท่านั้น ศาลฎีกาจึงไม่อนุญาตให้อ้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 530/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กำหนดระยะเวลาสัญญา: วันหยุดราชการขยายเวลาได้ตามกฎหมาย
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในศาล ตกลงแบ่งที่พิพาทกันคนละครึ่ง จำเลยอมชดใช้ให้เงินโจทก์ 8,000 บาท โดยจะนำมาวางศาลภายในเดือนเมษายน 2509 หากจำเลยไม่นำเงินมาวางภายในเดือนเมษายน 2509 จำเลยยอมให้ที่พิพาททั้งหมดตกเป็นสิทธิของโจทก์ ดังนี้ เมื่อได้ความว่า วันสุดท้ายที่จำเลยมีโอกาสจะนำเงินมาวางศาลในคดีนี้คือวันที่ 30 เมษายน 2509 ตรงกับวันหยุดราชการ และเริ่มเปิดทำงานใหม่ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2509 จำเลยจึงมีสิทธิที่จะนำเงินมาวางศาลได้ในวันที่เปิดทำงานใหม่ตามมาตรา 161 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จำเลยมิได้ผิดสัญญา สัญญาที่มีกำหนดเวลาดังเช่นนี้ย่อมมีวิธีการกำหนดระยะเวลาเริ่มต้นและวันสุดท้ายแห่งระยะเวลาดังที่บัญญัติไว้ในลักษณะ 5 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 530/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กำหนดระยะเวลาสัญญา: วันหยุดราชการขยายเวลาได้ตามกฎหมาย
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในศาล ตกลงแบ่งที่พิพาทกันคนละครึ่ง จำเลยยอมชดใช้เงินให้โจทก์ 8,000 บาท โดยจะนำมาวางศาลภายในเดือนเมษายน 2509 หากจำเลยไม่นำเงินมาวางภายในเดือนเมษายน 2509 จำเลยยอมให้ที่พิพาททั้งหมดตกเป็นสิทธิของโจทก์ ดังนี้ เมื่อได้ความว่าวันสุดท้ายที่จำเลยมีโอกาสจะนำเงินมาวางศาลในคดีนี้คือวันที่ 30 เมษายน 2509 ตรงกับวันหยุดราชการและเริ่มเปิดทำงานใหม่ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2509 จำเลยจึงมีสิทธิที่จะนำเงินมาวางศาลได้ในวันที่เปิดทำงานใหม่ตามมาตรา 161 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จำเลยมิได้ผิดสัญญาสัญญาที่มีกำหนดเวลาดังเช่นคดีนี้ย่อมมีวิธีการกำหนดระยะเวลาเริ่มต้นและวันสุดท้ายแห่ง ระยะเวลาดังที่บัญญัติไว้ในลักษณะ 5 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
of 99