พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,842 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2576/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขมติของราชการเพื่อประโยชน์สูงสุดของทางราชการ แม้จะทำให้เอกชนได้รับความเสียหาย ไม่ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
การที่บริษัทขนส่ง จำกัด ผู้รับมอบอำนาจจากกรมการขนส่งทางบกได้ทำสัญญาให้โจทก์เข้าปรับปรุงพื้นที่สถานีขนส่งสายเหนือ(ตลาดหมอชิต) ของบริษัทขนส่ง จำกัด แต่บริษัทขนส่ง จำกัดไม่สามารถส่งมอบที่ดินให้โจทก์ทำการก่อสร้าง เนื่องจากกรมธนารักษ์โต้แย้งว่าที่ดินดังกล่าวเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ กรมการขนส่งทางบกไม่มีสิทธิมอบอำนาจให้บริษัทขนส่ง จำกัด ทำสัญญาแล้วกระทรวงคมนาคมกระทรวงการคลัง กรมการขนส่งทางบก กรมธนารักษ์และบริษัทขนส่งจำกัด ได้ร่วมประชุม และมีมติให้กรมการขนส่งทางบกมอบที่ดินดังกล่าวคืนกระทรวงการคลัง เพื่อดำเนินการถอนสภาพการเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะให้เป็นที่ดินราชพัสดุที่ใช้ในการจัดหาประโยชน์ เพื่อที่จะให้กรมธนารักษ์ พิจารณาให้โจทก์มีสิทธิปลูกสร้าง และรับประโยชน์ตอบแทนตามเงื่อนไขแห่งสัญญาที่โจทก์ทำไว้กับบริษัทขนส่ง จำกัด แต่ต่อมาเมื่อจำเลยที่ 1 ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และจำเลยที่ 2 ในฐานะปลัดกระทรวงคมนาคมพิจารณาเห็นว่ามติดังกล่าวไม่เป็นประโยชน์ต่อทางราชการ ก็ย่อมมีอำนาจที่จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นได้ การที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ทำเรื่องขอที่ดินดังกล่าวคืนจากจำเลยที่ 3 ในฐานะรองอธิบดีกรมธนารักษ์รักษาการในตำแหน่งอธิบดีกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง เพื่อกระทรวงคมนาคมจะได้มอบหมายให้กรมการขนส่งทางบกนำที่ดินบริเวณสถานีขนส่งตลาดหมอชิตทั้งหมด รวมทั้งที่ดินแปลงดังกล่าวไปดำเนินการตามโครงการที่ผู้เชี่ยวชาญจากประเทศเบลเยี่ยมเสนออันจะเป็นประโยชน์ต่อทางราชการมากกว่าที่จะแบ่งให้โจทก์ไปทำการปรับปรุงแต่เพียงบางส่วน การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงหาใช่เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์แต่อย่างใดไม่ อีกทั้งโจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งสามทุจริตอย่างไร คดีโจทก์จึงไม่มีมูล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2576/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนมติของหน่วยงานราชการและการไม่มีความเสียหายจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ
บริษัทขนส่ง จำกัด ผู้รับมอบอำนาจจากกรมการขนส่งทางบกได้ทำสัญญาให้โจทก์เข้าปรับปรุงพื้นที่สถานีขนส่งสายเหนือ (ตลาดหมอชิต)ของบริษัทขนส่ง จำกัด แต่บริษัทขนส่ง จำกัด ไม่สามารถส่งมอบที่ดินให้โจทก์ทำการก่อสร้างได้ เนื่องจากกรมธนารักษ์โต้แย้งว่าที่ดินดังกล่าวเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะกรมการขนส่งทางบก จึงไม่มีสิทธิมอบอำนาจให้บริษัทขนส่ง จำกัด ทำสัญญา กระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลังกรมการขนส่งทางบก กรมธนารักษ์ และบริษัทขนส่ง จำกัด ได้ร่วมประชุมและมีมติให้กรมการขนส่งทางบก มอบที่ดินดังกล่าวคืน กระทรวงการคลัง เพื่อดำเนินการถอนสภาพการเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ ให้เป็นที่ดินราชพัสดุที่ใช้ในการจัดหาประโยชน์ เพื่อที่จะให้กรมธนารักษ์พิจารณาให้โจทก์มีสิทธิปลูกสร้างและรับประโยชน์ตอบแทนตามเงื่อนไขแห่งสัญญาที่โจทก์ทำไว้กับบริษัทขนส่ง จำกัด ต่อมาเมื่อจำเลยที่ 1ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และจำเลยที่ 2 ในฐานะปลัดกระทรวงคมนาคม พิจารณาเห็นว่ามติดังกล่าวไม่เป็นประโยชน์ต่อทางราชการ ก็ย่อมมีอำนาจที่จะแก้ไขเปลี่ยนแปลง เป็นอย่างอื่นได้การที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ทำเรื่องขอที่ดินดังกล่าวคืนจากจำเลยที่ 3 ในฐานะรองอธิบดีกรมธนารักษ์ รักษาการในตำแหน่งอธิบดีกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง เพื่อ กระทรวงคมนาคม จะได้มอบหมายให้กรมการขนส่งทางบกนำที่ดินบริเวณสถานีขนส่งตลาดหมอชิตทั้งหมด รวมทั้งที่ดินแปลงดังกล่าวไปดำเนินการตามโครงการที่ผู้เชี่ยวชาญจากประเทศ เบลเยี่ยม เสนอ อันจะเป็นประโยชน์ต่อทางราชการมากกว่าที่จะแบ่งให้โจทก์ไปทำการปรับปรุงแต่เพียงบางส่วนการกระทำของจำเลยทั้งสามจึงหาใช่เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์แต่อย่างใดไม่ อีกทั้งโจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งสามทุจริตอย่างไร คดีโจทก์จึงไม่มีมูล.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2491/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิใช้ทางจำเป็นในที่ดินของผู้อื่น โดยคำนึงถึงความเสียหายที่น้อยที่สุดและประโยชน์ใช้สอยที่เหมาะสม
ที่ดินโจทก์มีบ้านปลูกอยู่หลายหลัง โจทก์และบุคคลอื่นในที่ดินไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ ได้แต่อาศัยเดินผ่านบ้านคนรู้จักในที่ดินจำเลยโจทก์กับบริวารจึงมีสิทธิจะผ่านที่ดินจำเลยออกสู่ทางสาธารณะได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1349 วรรคแรก ที่ดินตามแนวที่โจทก์ขอผ่านเป็นทางจำเป็นนั้นเป็นทางที่ใกล้ถนนสาธารณะที่สุด และเกิดความเสียหายแก่ที่ดินจำเลยน้อยที่สุดตามเจตนารมณ์ของกฎหมายในเรื่องทางจำเป็นนั้น ถ้าจำเป็นผู้มีสิทธิจะผ่านจะสร้างถนนเป็นทางผ่านก็ได้ มิได้จำกัดเฉพาะให้ใช้เฉพาะทางเดินด้วยเท้าแต่อย่างเดียว และตามสภาพการณ์ความเจริญของบ้านเมืองทุกวันนี้รถยนต์เป็นพาหนะที่จำเป็น สมควรกำหนดให้ทางจำเป็นกว้าง 4 เมตร ตามแนวที่โจทก์ขอผ่านนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 226/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องแย้งซ้ำและละเมิดจากการคัดค้านการรังวัดที่ดินโดยไม่ชอบ ทำให้ผู้ซื้อที่ดินได้รับความเสียหาย
คดีเดิมศาลได้วินิจฉัยถึงที่สุดแล้วว่า รูปแผนที่แบ่งแยกตามที่ช่างแผนที่สำนักงานที่ดินทำมาถูกต้องตรงตามข้อตกลงของโจทก์จำเลยในชั้นบังคับคดีแล้ว ให้จำเลยจัดการแบ่งแยกโฉนดที่ดินเลขที่ 1488ให้แก่โจทก์ไปตามรูปแผนที่นั้น ซึ่งต่อมาเจ้าพนักงานที่ดินก็ได้จัดการแบ่งแยกออกเป็นโฉนดเลขที่ 17364 ให้แก่โจทก์ไปแล้ว คดีนี้จำเลยซึ่งเป็นคู่ความเดียวกับคดีก่อนได้ยกข้อต่อสู้และฟ้องแย้งว่ารูปแผนที่ในที่ดินโฉนดเลขที่ 17364 ไม่ถูกต้องขึ้นมาอีกเป็นเรื่องจำเลยรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันจึงเป็นฟ้องซ้ำ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 โจทก์ที่ 1 และที่ 4 ร้องขอแบ่งแยกที่ดินตามโฉนดเลขที่ 17364เพื่อขายให้แก่ บ.กับพวก จำเลยทราบแล้วยังไปคัดค้านการรังวัดแบ่งแยกต่อเจ้าพนักงานที่ดินโดยรู้อยู่แล้วว่าโฉนดดังกล่าวออกมาโดยชอบเป็นการจงใจกระทำโดยผิดกฎหมายให้โจทก์ที่ 1 และที่ 4 เสียหายแก่สิทธิที่จะขายที่ดินและได้รับเงินจาก บ.กับพวกผู้ซื้อ จึงเป็นละเมิดต่อโจทก์ที่ 1 และที่ 4 เมื่อการกระทำของจำเลยทำให้โจทก์ที่ 1และที่ 4 ไม่ได้รับเงินค่าที่ดินส่วนที่เหลือจาก บ.กับพวก ซึ่งถ้าโจทก์ที่ 1 และที่ 4 นำไปฝากธนาคารจะได้ดอกเบี้ยร้อยละ 12 ต่อปีจำเลยจึงต้องรับผิดในค่าเสียหายส่วนนี้ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2205/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานตรวจรับงานเท็จ เบิกจ่ายเงินโดยมิชอบ สร้างความเสียหายแก่ราชการ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 162 และ 341
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 และจำเลยที่ 6 เป็นเจ้าพนักงานได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการตรวจการจ้างการก่อสร้างบ้านพักครู 1 หลัง มีหน้าที่ตรวจและควบคุมการจ้างให้ดำเนินไปตามข้อกำหนดในสัญญา แบบแปลนและแผนผัง เมื่อตรวจเห็นเป็นการถูกต้องแล้วให้รับมอบงานแล้วรายงานต่อผู้มีอำนาจสั่งจ้าง ทราบพร้อมด้วยหลักฐาน การที่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 และจำเลยที่ 6 ได้ทำหลักฐานใบตรวจรับงานจ้างเหมาแจ้งว่าจำเลยที่ 7 ได้ก่อสร้างบ้านพักครูแล้วเสร็จตามสัญญาจ้าง ทั้ง ๆ ที่เป็นความเท็จโดยงานยังไม่แล้วเสร็จ เป็นการรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นเท็จ เป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 162(4) และเป็นเหตุให้มีการเบิกจ่ายเงินค่าจ้างเหมาก่อสร้างให้จำเลยที่ 7 รับไป จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเป็นเหตุให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดได้รับความเสียหายมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 157 ด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2205/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าหน้าที่ตรวจรับงานเท็จ เบิกจ่ายเงินโดยมิชอบ สร้างความเสียหายแก่ราชการ มีความผิดตามกฎหมายอาญา
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 และจำเลยที่ 6 เป็นเจ้าพนักงานได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการตรวจการจ้างการก่อสร้างบ้านพักครู 1 หลังมีหน้าที่ตรวจและควบคุมการจ้างให้ดำเนินไปตามข้อกำหนดในสัญญาแบบแปลนและแผนผัง เมื่อตรวจเห็นเป็นการถูกต้องแล้วให้รับมอบงานแล้วรายงานต่อผู้มีอำนาจสั่งจ้างทราบพร้อมด้วยหลักฐาน การที่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 และจำเลยที่ 6 ได้ทำหลักฐานใบตรวจรับงานจ้างเหมาแจ้งว่าจำเลยที่ 7 ได้ก่อสร้างบ้านพักครูแล้วเสร็จตามสัญญาจ้าง ทั้ง ๆ ที่เป็นความเท็จโดยงานยังไม่แล้วเสร็จเป็นการรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้น มุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นเท็จเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162(4)และเป็นเหตุให้มีการเบิกจ่ายเงินค่าจ้างเหมาก่อสร้างให้จำเลยที่ 7 รับไป จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเป็นเหตุให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดได้รับความเสียหายมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2141/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งข้อมูลเท็จต่อเจ้าพนักงานที่ดินเกี่ยวกับทายาท ทำให้เกิดความเสียหายต่อกรมที่ดินและทายาทอื่น
จำเลยทั้งสี่ยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานที่ดินขอรับมรดกที่ดินมีโฉนด แล้วจำเลยทั้งสี่ให้ถ้อยคำและยืนยันรับรองบัญชีเครือญาติต่อเจ้าหน้าที่ที่ดินที่สอบสวนที่ดินมรดกว่า ผู้ตายมีทายาทเพียง 4 คน คือ จำเลยทั้งสี่ อันเป็นเท็จซึ่งความจริงจำเลยทั้งสี่ต่างทราบดี อยู่แล้วว่าผู้ตายยังมีบุตรสาวอีก 2 คน เป็นทายาทโดยธรรม เจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่จำเลยที่ 2 ถึง ที่ 4 ตามคำขอของจำเลยทั้งสี่ทำให้กรมที่ดินและบุตรสาวอีก 2 คน ของผู้ตายเสียหาย จำเลยทั้งสี่ย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 และกรณีเช่นนี้ถือว่าเป็นความผิดสำเร็จในวันที่กระทำความผิดนั้นเอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2141/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งข้อมูลเท็จต่อเจ้าพนักงานเกี่ยวกับทายาท ทำให้เกิดความเสียหายต่อกรมที่ดินและทายาทอื่น
จำเลยทั้งสี่ยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานที่ดินขอรับมรดกที่ดินมีโฉนดแล้วจำเลยทั้งสี่ให้ถ้อยคำและยืนยันรับรองบัญชีเครือญาติต่อเจ้าหน้าที่ที่ดินที่สอบสวนที่ดินมรดกว่า ผู้ตายมีทายาทเพียง4 คน คือ จำเลยทั้งสี่ อันเป็นเท็จ ซึ่งความจริงจำเลยทั้งสี่ต่างทราบดีอยู่แล้วว่าผู้ตายยังมีบุตรสาวอีก 2 คนเป็นทายาทโดยธรรมเจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่จำเลยที่ 2ถึงที่ 4 ตามคำขอของจำเลยทั้งสี่ ทำให้กรมที่ดินและบุตรสาวอีก2 คน ของผู้ตายเสียหาย จำเลยทั้งสี่ย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 และกรณีเช่นนี้ถือว่าเป็นความผิดสำเร็จในวันที่กระทำความผิดนั้นเอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2134/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การควบคุมการก่อสร้างและผลกระทบต่อทรัพย์สินข้างเคียง ผู้รับเหมามีความรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดจากการกระทำตามคำสั่ง
การตอกเสาเข็มและการขุดดินทำห้องใต้ดินบริเวณก่อสร้างของจำเลยทำให้บ้านของโจทก์และสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นได้รับความเสียหายแม้จำเลยจะมิได้เป็นผู้ตอกเสาเข็มเองแต่ก็ได้ว่าจ้างบริษัทอื่นทำและจำเลยควบคุมการตอกเสาเข็มให้ถูกต้องตามจำนวนและตอกตรงจุดที่กำหนดให้ตอก ดังนี้การตอกเสาเข็มดังกล่าวกระทำไปตามคำสั่งหรือคำบงการของจำเลยความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงเกิดจากการกระทำตามคำสั่งของจำเลยโดยตรง จำเลยจึงหาพ้นจากความรับผิดตามป.พ.พ. มาตรา 428 ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2107/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้รับขนส่งต้องรับผิดชอบความเสียหายจากอุบัติเหตุแม้จะเกิดจากความประมาทของบุคคลภายนอก
โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดในฐานะผู้รับขนส่งข้าวสารจากองค์การคลังสินค้าไปลงเรือที่อ่าวไทยเพราะเรือที่จำเลยที่ 1 ใช้บรรทุกข้าวสารชนกับเรือของจำเลยที่ 2 จนจมลงและข้าวสารเสียหาย โดยโจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยได้ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่องค์การคลังสินค้าผู้เอาประกันภัยแล้ว จำเลยที่ 1 ให้การต่อสู้เพียงว่า เมื่อจำเลยที่ 1 รับจ้างขนส่งข้าวสารก็ได้ว่าจ้างจำเลยร่วมทำการขนส่งช่วง และข้าวสารสูญหายเพราะเรือชนกันเป็นความประมาทของเรือของจำเลยที่ 2 ประเด็นพิพาทจึงมีเพียงว่า เหตุละเมิดที่เกิดขึ้นเป็นเพราะความประมาทเลินเล่อของลูกจ้างจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 1กับจำเลยร่วมต้องรับผิดต่อโจทก์หรือไม่ ดังนั้นแม้จะฟังว่าข้าวสารเสียหายเพราะความประมาทของผู้ควบคุมเรือของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 ก็ต้องรับผิดต่อโจทก์ในฐานะผู้ขนส่ง ตาม ป.พ.พ. มาตรา 616 และ 618.