พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,083 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 226/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงการยอมรับผลการชี้ขาดสิทธิครอบครองของนิคมฯ คู่ความต้องผูกพันตามข้อตกลงนั้น
คู่ความต่างท้ากันว่า หากเจ้าหน้าที่นิคมสร้างตนเองชี้ขาดตามหลักฐานที่มีอยู่ที่นิคม ฯ ว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายมีสิทธิครอบครองโดยชอบแล้ว อีกฝ่ายหนึ่งยอมแพ้คดี โดยถือเอาหลักฐานที่มีอยู่ในนิคมเป็นใหญ่ และไม่ติดใจสู้ในประเด็นข้ออื่นอีกต่อไป ดังนี้ เมื่อโจทก์ไม่ได้อ้างหลักฐานที่มีอยู่ที่นิคมสร้างตนเอง และเจ้าหน้าที่มาเป็นพยาน แต่ฝ่ายจำเลยอ้างเจ้าหน้าที่นิคมและเอกสารหลักฐานจากนิคมเป็นเป็นพยาน เจ้าหน้าที่นิคมเบิกความประกอบเอกสารดังกล่าวและยืนยันว่าทางนิคมได้จัดสรรที่ดินให้จำเลยได้เข้าครอบครองทำกินตลอดมา จึงฟังได้ว่าเจ้าหน้าที่นิคมฯ ได้ชี้ขาดตามหลักฐานที่มีอยู่ที่นิคมว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยตรงตามคำท้าระหว่างโจทก์จำเลยแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 226/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงยอมแพ้คดีตามคำท้า และการชี้ขาดสิทธิครอบครองโดยนิคมฯ
คู่ความต่างท้ากันว่า หากเจ้าหน้าที่นิคมสร้างตนเองชี้ขาดตามหลักฐานที่มีอยู่ที่นิคมฯ ว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายมีสิทธิครอบครองโดยชอบแล้ว อีกฝ่ายหนึ่งยอมแพ้คดี โดยถือเอาหลักฐานที่มีอยู่ในนิคมเป็นใหญ่ และไม่ติดใจสู้ในประเด็นข้ออื่นอีกต่อไปดังนี้ เมื่อโจทก์ไม่ได้อ้างหลักฐานที่มีอยู่ที่นิคมสร้างตนเองและเจ้าหน้าที่มาเป็นพยานแต่ฝ่ายจำเลยอ้างเจ้าหน้าที่นิคมและเอกสารหลักฐานจากนิคมเป็นพยานเจ้าหน้าที่นิคมเบิกความประกอบเอกสารดังกล่าวและยืนยันว่าทางนิคมได้จัดสรรที่ดินให้จำเลยได้เข้าครอบครองทำกินตลอดมา จึงฟังได้ว่าเจ้าหน้าที่นิคมฯได้ชี้ขาดตามหลักฐานที่มีอยู่ที่นิคมว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยตรงตามคำท้าระหว่างโจทก์จำเลยแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1450/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของผู้เช่าที่ดินในการครอบครองพืชผลและทรัพย์สินในที่เช่า แม้มีการซื้อขายที่ดิน
โจทก์เช่าที่ดินซึ่งมีบ่อเลี้ยงปลา แต่โจทก์ได้ปิดกั้นบ่อ ปลูกต้นไม้ล้มลุกและล้อมรั้วลวดหนามไว้ ต่อมาจำเลยซื้อที่ดินแปลงนั้น แต่โจทก์ยังคงครอบครองในฐานะเป็นผู้เช่า แล้วจำเลยไปวิดปลาในบ่อ ตัดต้นไม้ล้มลุกและรื้อลวดหนามเหล่านั้น จำเลยย่อมมีความผิดฐานลักทรัพย์และทำให้เสียทรัพย์
ผู้เช่าที่ดินได้ปลูกต้นไม้ล้มลุกไว้ เมื่อออกจากที่ดินไป ผู้เช่าที่ดินมีสิทธิเอาไม้ล้มลุกไปได้
ผู้เช่าที่ดินได้ปลูกต้นไม้ล้มลุกไว้ เมื่อออกจากที่ดินไป ผู้เช่าที่ดินมีสิทธิเอาไม้ล้มลุกไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1295/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ต่อเนื่องจากผู้ครอบครองเดิม สิทธิครอบครองไม่ขาดอายุ แม้ไม่ได้จดทะเบียน
บุตรรับโอนที่ดินมาจากบิดามารดา ในระหว่างที่บิดามารดาครอบครอง ได้แลกทำนาที่นาโอนนั้นกับที่นาของบุคคลภายนอก โดยไม่ใช่เป็นการแลกเปลี่ยนกรรมสิทธิ์ ดังนี้ ถือว่าบุคคลภายนอกทำนาที่นาที่โอนนั้นโดยอาศัยสิทธิของบิดามารดา เท่ากับบิดามารดาเป็นผู้ครอบครอง ย่อมนับเวลานั้นเข้ากับเวลาครอบครองของบุตรผู้รับโอนได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1385
แม้จะไม่ได้แจ้งการครอบครองหรือเสียภาษีบำรุงท้องที่ที่ดินที่ครอบครองปรปักษ์ก็ไม่ทำให้สิทธิครอบครองของผู้ครอบครองปรปักษ์เสียไป
ผู้ซื้อที่ดินโดยสุจริตและได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริต ถูกแย่งการครอบครองเกินกว่า 10 ปี จะยกเหตุที่ผู้ครอบครองปกปักษ์ไม่ได้จดทะเบียนสิทธิขึ้นกล่าวอ้างหาได้ไม่
แม้จะไม่ได้แจ้งการครอบครองหรือเสียภาษีบำรุงท้องที่ที่ดินที่ครอบครองปรปักษ์ก็ไม่ทำให้สิทธิครอบครองของผู้ครอบครองปรปักษ์เสียไป
ผู้ซื้อที่ดินโดยสุจริตและได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริต ถูกแย่งการครอบครองเกินกว่า 10 ปี จะยกเหตุที่ผู้ครอบครองปกปักษ์ไม่ได้จดทะเบียนสิทธิขึ้นกล่าวอ้างหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1248/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินในเขตหวงห้าม: สิทธิครอบครองภายหลังมีพระราชกฤษฎีกา และการมีส่วนร่วมของหน่วยงานราชการ
ที่ดินพิพาทอยู่ภายในเขตหวงห้ามตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดินบริเวณพระพุทธบาทฯ พ.ศ. 2479 ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีเป็นเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจดูแลรักษาและหวงห้ามมิให้ผู้ใดเข้ามาจับจองครอบครองหักล้างเข้าจัดทำหรือปลูกสร้างด้วยประการใด ๆ ในที่ดินนี้ คดีนี้โจทก์ได้บรรยายฟ้องมาชัดแจ้งว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์บรรพบุรุษของโจทก์และโจทก์ได้ครอบครองต่อเนื่องกันมาเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปีแล้ว ไม่ใช่ที่ดินรกร้างว่างเปล่าไม่ใช่ที่ดินอยู่ในความคุ้มครองหวงห้ามตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดินบริเวณพระพุทธบาทฯ พ.ศ. 2479 ขอห้ามมิให้จำเลยเกี่ยวข้องที่ดินพิพาทต่อไปฟ้องและคำขอบังคับคดีของโจทก์จึงมีผลกระทบไปถึงอำนาจหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีเกี่ยวกับที่ดินพิพาท ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีย่อมจะใช้สิทธิเข้ามาเป็นจำเลยร่วมคดีนี้เพื่อต่อสู้คดีโจทก์ หรือใช้สิทธิฟ้องโจทก์เกี่ยวกับที่ดินพิพาทได้ตามลำพัง ตามคำร้องของจำเลยที่1 ที่ขอให้ศาลเรียกผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีเข้ามาเป็นจำเลยร่วม ได้ระบุโดยชัดแจ้งว่าที่ดินพิพาทอยู่ในเขตหวงห้ามตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดินบริเวณพระพุทธบาทฯ พ.ศ. 2479 ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีเป็นเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจหวงห้ามที่ดินตามพระราชกฤษฎีกานี้โจทก์ควรจะฟ้องผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีเป็นจำเลยด้วย จำเลยที่ 1 จึงขอให้ศาลเรียกผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีเข้ามาเป็นจำเลยร่วมตามมาตรา 57(3) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้หมายเรียกผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีเข้ามาเป็นจำเลยร่วมผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรียอมเข้ามาเป็นจำเลยร่วมโดยดี มิได้คัดค้านประการใด ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เห็นพ้องกันให้เรียกผู้ว่าราชการจังหวัดเข้ามาเป็นจำเลยร่วมคดีนี้จึงเป็นการชอบ ที่โจทก์อ้างว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เรียกผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีเข้ามาเป็นจำเลยร่วม โดยมิได้ฟังคำคัดค้านของโจทก์เป็นการไม่ชอบนั้น เห็นว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เรียกผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีเข้ามาเป็นจำเลยร่วมโดยเห็นสมควรโดยถือเอาคำร้องของจำเลยที่ 1 เป็นมูลฐานพิจารณาสั่งตามอำนาจของศาล จึงไม่จำเป็นฟังคำคัดค้านของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1186/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองในที่ดินมรดก: สิทธิอาศัย-เก็บกินผลประโยชน์ ไม่ถือเป็นการยึดถือเพื่อตนเอง
เจ้ามรดกทำพินัยกรรมที่พิพาทให้จำเลย แต่ให้โจทก์มีสิทธิอาศัยและเก็บผลประโยชน์กินจนกว่าจะสิ้นชีวิต การที่โจทก์อยู่และเก็บผลประโยชน์ในที่พิพาทตามข้อกำหนดในพินัยกรรม จะถือว่าโจทก์มีเจตนายึดถือเพื่อตัวโจทก์ไม่ได้ โจทก์จึงไม่ได้สิทธิครอบครอง
การที่โจทก์อยู่และเก็บผลประโยชน์ในที่ดิน ซึ่งเจ้ามรดกทำพินัยกรรมยกให้บุคคลอื่นไว้โดยพินัยกรรมระบุให้โจทก์มีสิทธิอาศัยและเก็บผลประโยชน์ในที่ดินนั้นถือ ว่าโจทก์อยู่ในฐานะผู้อาศัยสิทธิของผู้เป็นเข้าของทรัพย์มรดกตามพินัยกรรม แม้โจทก์จะปกครองเก็บผลประโยชน์ในทรัพย์นั้นนานเพียงใด ก็ถือว่าเป็นการปกครองแทนผู้เป็นเจ้าของ จะยกอายุความ มรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 ขึ้นใช้ยันผู้เป็นเจ้าของไม่ได้
การที่โจทก์อยู่และเก็บผลประโยชน์ในที่ดิน ซึ่งเจ้ามรดกทำพินัยกรรมยกให้บุคคลอื่นไว้โดยพินัยกรรมระบุให้โจทก์มีสิทธิอาศัยและเก็บผลประโยชน์ในที่ดินนั้นถือ ว่าโจทก์อยู่ในฐานะผู้อาศัยสิทธิของผู้เป็นเข้าของทรัพย์มรดกตามพินัยกรรม แม้โจทก์จะปกครองเก็บผลประโยชน์ในทรัพย์นั้นนานเพียงใด ก็ถือว่าเป็นการปกครองแทนผู้เป็นเจ้าของ จะยกอายุความ มรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 ขึ้นใช้ยันผู้เป็นเจ้าของไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1182/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิอาศัย-เก็บกินผลประโยชน์ตามพินัยกรรม ไม่ถือเป็นการยึดถือเพื่อตนเอง จึงไม่เกิดสิทธิครอบครอง
เจ้ามรดกทำพินัยกรรมยกที่พิพาทให้จำเลย แต่ให้โจทก์มีสิทธิอาศัยและเก็บผลประโยชน์กินจนกว่าจะสิ้นชีวิต การที่โจทก์อยู่และเก็บผลประโยชน์ในที่พิพาทตามข้อกำหนดในพินัยกรรม จะถือว่าโจทก์มีเจตนายึดถือเพื่อตัวโจทก์ไม่ได้ โจทก์จึงไม่ได้สิทธิครอบครอง
การทีโจทก์อยู่และเก็บผลประโยชน์ในที่ดินซึ่งเจ้ามรดกทำพินัยกรรมยกให้บุคคลอื่นไว้โดยพินัยกรรมระบุให้โจทก์มีสิทธิอาศัยและเก็บผลประโยชน์ในที่ดินนั้น ถือว่าโจทก์อยู่ในฐานะผู้อาศํยสิทธิของผู้เป็นเจ้าของทรัพย์มรดกตามพินัยกรรม แม้โจทก์จะปกครองเก็บผลประโยชน์ในทรัพย์นั้นนานเพียงใด ก็ถือว่าเป็นการปกครองแทนผู้เป็นเจ้าของ จะยกอายุความมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 ขึ้นใช้ยันผู้เป็นเจ้าของไม่ได้
การทีโจทก์อยู่และเก็บผลประโยชน์ในที่ดินซึ่งเจ้ามรดกทำพินัยกรรมยกให้บุคคลอื่นไว้โดยพินัยกรรมระบุให้โจทก์มีสิทธิอาศัยและเก็บผลประโยชน์ในที่ดินนั้น ถือว่าโจทก์อยู่ในฐานะผู้อาศํยสิทธิของผู้เป็นเจ้าของทรัพย์มรดกตามพินัยกรรม แม้โจทก์จะปกครองเก็บผลประโยชน์ในทรัพย์นั้นนานเพียงใด ก็ถือว่าเป็นการปกครองแทนผู้เป็นเจ้าของ จะยกอายุความมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 ขึ้นใช้ยันผู้เป็นเจ้าของไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1076-1079/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดิน: สิทธิของผู้รับโอนย่อมไม่ดีกว่าผู้โอน แม้จะสุจริตและจดทะเบียน
ผู้ที่ไม่มีสิทธิในที่ดิน แม้จะได้ไปแจ้งการครอบครอง ได้รับ ส.ค.1 และได้รับหนังสือรับรองการทำประโยชน์ น.ส.3 ก็ไม่ก่อให้เกิดสิทธิครอบครองในที่นั้น
รับซื้อที่ดินซึ่งมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ น.ส.3 ไว้โดยสุจริต เสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนโดยถูกต้องตามกฎหมาย แต่เมื่อปรากฏว่าผู้ที่มีชื่อในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ น.ส.3 ไม่มีสิทธิในที่ดินนั้น ผู้ซื้อก็ไม่มีสิทธิอย่างใด
รับซื้อที่ดินซึ่งมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ น.ส.3 ไว้โดยสุจริต เสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนโดยถูกต้องตามกฎหมาย แต่เมื่อปรากฏว่าผู้ที่มีชื่อในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ น.ส.3 ไม่มีสิทธิในที่ดินนั้น ผู้ซื้อก็ไม่มีสิทธิอย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1076-1079/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองในที่ดิน: การได้มาซึ่งสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายต้องมีฐานะเป็นเจ้าของเดิมหรือผู้มีสิทธิ
ผู้ที่ไม่มีสิทธิในที่ดิน แม้จะได้ไปแจ้งการครอบครองได้รับ ส.ค.1และได้รับหนังสือรับรองการทำประโยชน์ น.ส.3 ก็ไม่ก่อให้เกิดสิทธิครอบครอง ในที่นั้น
รับซื้อที่ดินซึ่งมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ น.ส.3 ไว้โดยสุจริตเสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนโดยถูกต้องตามกฎหมาย แต่เมื่อปรากฏว่าผู้ที่มีชื่อในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ น.ส.3 ไม่มีสิทธิในที่ดินนั้น ผู้ซื้อก็ไม่มีสิทธิอย่างใด
รับซื้อที่ดินซึ่งมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ น.ส.3 ไว้โดยสุจริตเสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนโดยถูกต้องตามกฎหมาย แต่เมื่อปรากฏว่าผู้ที่มีชื่อในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ น.ส.3 ไม่มีสิทธิในที่ดินนั้น ผู้ซื้อก็ไม่มีสิทธิอย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 825/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขสิทธิครอบครองที่ดินในชั้นอุทธรณ์: ข้อจำกัดในการฎีกา
โจทก์ฟ้องขอให้แสดงสิทธิครอบครองที่ดินทุนทรัพย์ 3,100 บาท ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองเพียงครึ่งหนึ่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองที่ดินทั้งหมด ดังนี้ ถือว่าเป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248.
(อ้างฎีกาที่ 497/2500)
(อ้างฎีกาที่ 497/2500)