คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อำนาจศาล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,218 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5848/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานท้องถิ่นเกี่ยวกับการก่อสร้างอาคาร การรื้อถอน และอำนาจศาลในการวินิจฉัย
ความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่ให้รื้ออาคารตาม พ.ร.บ. ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 นั้น เมื่อฟ้องโจทก์มิได้บรรยายว่าการกระทำของจำเลยไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้องตามกฎหมายจึงรับฟังไม่ได้ว่ามีกรณีเจ้าพนักงานท้องถิ่นจะใช้อำนาจสั่งให้รื้อถอนอาคารได้ตามกฎหมาย การที่จำเลยไม่รื้อถอนอาคารจึงไม่มีความผิด ปัญหาว่าคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่สั่งให้รื้อถอนอาคารขอบหรือไม่ ย่อมกระทบกระเทือนถึงความสงบสุขของประชาชนและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง จึงเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลอุทธรณ์มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ การกระทำความผิดตามกฎหมาย ซึ่งผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกหรือปรับหรือทั้งจำทั้งปรับ เมื่อจำเลยต้องโทษถึงจำคุก แม้จะมีโทษปรับด้วย ศาลก็มีอำนาจพิจารณาลงโทษจำคุกจำเลยแต่เพียงสถานเดียวได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5743/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้ขนส่งทอดสุดท้ายในความเสียหายของสินค้า และอำนาจศาลในการพิจารณาคดี
จำเลยมีวัตถุประสงค์ประกอบการขนส่งสินค้าทางน้ำทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ ทำหน้าที่แจ้งให้โจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อสินค้าทราบว่า เรือบรรทุกสินค้ามาถึงประเทศไทย มอบสำเนาใบตราส่งให้โจทก์ ทำหนังสือขออนุญาตนำเรือเข้าเทียบท่า ติดต่อหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง เป็นผู้ขนตู้สินค้าขึ้นจากเรือ ขนสินค้าออกจากตู้สินค้าและเรียกค่าบริการจากโจทก์ การดำเนินการดังกล่าวของจำเลยเป็นขั้นตอนสำคัญของการขนส่ง เพราะหากปราศจากการดำเนินการดังกล่าว สินค้าที่ขนส่งมาย่อมไม่อาจถึงมือผู้ซื้อได้พฤติการณ์ของจำเลยมีลักษณะเป็นการร่วมกันขนส่งสินค้าพิพาทกับบริษัทฮ. ผู้ขนส่งทอดแรก อันเป็นการขนส่งหลายทอดตามวิธีการรับขนทางทะเล โดยจำเลยเป็นผู้ขนส่งทอดสุดท้าย จำเลยจึงต้องร่วมรับผิดในความบุบสลายของสินค้าที่ขนส่งด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 618 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งกับกฎหมายว่าด้วยการรับขนของทางทะเล เมื่อโจทก์ชำระค่าสินค้าไปโดยคิดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราในวันใดโจทก์ย่อมเรียกค่าเสียหายจากจำเลยโดยคิดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราในวันดังกล่าว จำเลยจะขอให้คิดจากอัตราในวันที่เกิดความเสียหายแก่สินค้าซึ่งมีอัตราต่ำกว่าไม่ได้ คดีหนี้เหนือบุคคล จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่กรุงเทพมหานครโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยต่อศาลแพ่ง จำเลยจะอ้างว่ามีข้อตกลงให้ฟ้องที่ศาลในต่างประเทศโดยไม่ปรากฏข้อตกลงดังกล่าวในคำแปลภาษาต่างประเทศเป็นภาษาไทยหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5636/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งตาม พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล แม้ไม่มีคำขอในฟ้อง ศาลก็มีอำนาจสั่งได้
ตาม พ.ร.บ. การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ. 2482 มาตรา 65ที่บัญญัติให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดเวลาแปดปีนั้น มีความหมายว่า เมื่อศาลพิพากษาลงโทษผู้ใดตามกฎหมายมาตรานี้แล้ว ให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นเสียมีกำหนดแปดปีด้วย แม้โจทก์จะไม่มีคำขอดังกล่าวระบุมาท้ายฟ้องก็ตาม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5630/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ศาลไม่อาจบังคับบุคคลภายนอกที่ไม่ใช่คู่ความได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ใช้สิทธิบังคับผู้ร้อง ตาม สัญญาประนีประนอมยอมความในคดีอื่นจดทะเบียนให้ถนนเข้าออก หมู่บ้านเป็นทางภารจำยอมแก่ที่ดินพิพาท เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ใช้สิทธิ บังคับผู้ร้องตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าว เป็นเรื่องที่ โจทก์ จะต้องขอให้ศาลบังคับคดีเอากับจำเลยที่ 1 ให้ปฏิบัติตาม คำพิพากษาโจทก์จะยื่นคำร้องขอให้ศาลบังคับผู้ร้องซึ่งเป็น บุคคลภายนอก ให้ให้ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวหาได้ไม่ เพราะผู้ร้องมิได้เป็นคู่ความในคดีนี้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5552/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการสั่งให้ส่งเอกสารให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เพื่อชำระบัญชี ไม่ใช่การมอบอำนาจวินิจฉัยคดี
ศาลชั้นต้นตั้งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นผู้ชำระบัญชี เมื่อมีเหตุขัดข้องในการชำระบัญชี และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รายงานต่อศาล ศาลย่อมมีอำนาจที่จะสั่งให้โจทก์จำเลยเสนอหลักฐานต่าง ๆต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ หาใช่เป็นการมอบอำนาจในการวินิจฉัยชี้ขาดคดีให้แก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5539/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ศาลจำหน่ายคดีเพราะความหลงผิด โจทก์ยื่นคำร้องขอเพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดี ศาลมีอำนาจเพิกถอนได้ตามกฎหมาย
วันที่ 8 กันยายน 2531 โจทก์ยื่นคำแถลงว่าส่งหมายเรียก และสำเนาคำฟ้องให้จำเลยทั้งสี่ไม่ได้ ขอส่งใหม่ ศาลชั้นต้นสั่งว่า ส่งให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ใหม่ สำหรับจำเลยที่ 4 ให้รอฟังผล การส่งหมายก่อน วันที่ 12 กันยายน 2531 ศาลชั้นต้นสั่งในรายงาน เดินหมายฉบับลงวันที่ 8 กันยายน 2531 ซึ่งรายงานว่าส่งหมายเรียก และสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่ 4 ไม่ได้ว่ารอโจทก์แถลง วันที่ 5 ตุลาคม 2531รองจ่าศาลรายงานว่า โจทก์ไม่ได้แถลงหรือขอดำเนินการ ให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่ 4 ใหม่ เกิน 15 วัน นับแต่ที่ศาลสั่ง ศาลชั้นต้นสั่งว่า โจทก์ทิ้งฟ้องให้จำหน่ายคดี เฉพาะจำเลยที่ 4ดังนี้ การที่ศาลชั้นต้นสั่งในคำแถลงของโจทก์ เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2531ว่า ให้รอฟังผลการส่งหมายก่อน แล้วต่อมาสั่งในรายงานการเดินหมายเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2531 ให้รอฟังโจทก์แถลง นั้น เป็นการสั่งไปเพราะความหลงผิดว่าโจทก์ ยังมิได้แถลงหรือขอดำเนินการให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง ให้จำเลยที่ 4 ใหม่ไว้แล้ว ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งไม่ต่อเนื่องกับ ที่สั่งไว้ในคำแถลงของโจทก์คำสั่งจำหน่ายคดีจึงเป็นเพราะความหลงผิด ว่าโจทก์มิได้แถลงหรือขอดำเนินการให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง เมื่อโจทก์ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดี ศาลชั้นต้นย่อมมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งนั้นได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 27.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5493/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลฎีกาแก้ไขโทษที่สูงเกินไป และมีผลถึงจำเลยร่วม
เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าโทษที่ศาลล่างกำหนดมานั้นสูงเกินไป ศาลฎีกามีอำนาจกำหนดโทษให้เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดี และให้มีผลไปถึงจำเลยที่มิได้ฎีกาด้วยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4740/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ศาลอุทธรณ์พิพากษานอกฟ้อง: อำนาจศาลในการวินิจฉัยแม้คู่ความมิได้ฎีกา หากเป็นปัญหาสาธารณะ
คดีมีประเด็นข้อพิพาทว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือไม่ ศาลอุทธรณ์ฟังว่า นาย ล.ไม่ได้ยกที่พิพาทให้โจทก์ ที่พิพาทจึงไม่ใช่ของโจทก์โจทก์ไม่ฎีกา ข้อเท็จจริงฟังว่าที่พิพาท ไม่ใช่ของโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ดังนี้การที่ศาลอุทธรณ์ พิพากษาให้จำเลยรื้อถอนตึกแถวโดยเมื่อปรากฏว่าบริเวณที่ ศาลอุทธรณ์ พิพากษาให้รื้อนั้นอยู่นอกบริเวณที่พิพาทกัน จึงเป็นการ พิพากษา นอกฟ้องนอกประเด็นไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 ปัญหาว่าศาลพิพากษานอกฟ้องนอกประเด็นหรือไม่ เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความมิได้ฎีกาศาลก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4297/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลื่อนคดีและการขาดนัดพิจารณา: ศาลแพ่งมีอำนาจอนุญาตเลื่อนคดีได้ แม้ไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยาน
วันนัดสืบพยานจำเลยซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อน จำเลยมาศาล ส่วนโจทก์ไม่ได้ไปศาลเจ้าของคดีตามนัด แต่โจทก์ได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีต่อศาลแพ่งอันเป็นศาลที่โจทก์และทนายโจทก์มีภูมิลำเนาอยู่ อ้างเหตุว่าทนายโจทก์ป่วยโดยมีใบรับรองแพทย์และความเห็นของแพทย์แนบไปด้วยศาลแพ่งจึงสั่งให้โจทก์เลื่อนคดีและได้แจ้งให้ศาลเจ้าของคดีทราบอันเป็นกระบวนพิจารณาที่ศาลแพ่งมีอำนาจทำได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 10 ดังนี้ เป็นกรณีที่โจทก์ได้ร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่ไปศาลเสียก่อนลงมือสืบพยานไม่ถือว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 197 วรรคสอง แม้โจทก์มิได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้ก่อนวันสืบพยาน 3 วันก็ตาม เมื่อปรากฏว่าศาลเจ้าของคดีสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาก่อนทราบคำสั่งของศาลแพ่งดังกล่าว จึงเป็นการสั่งไปโดยผิดหลง ศาลเจ้าของคดีมีอำนาจสั่งเพิกถอนคำสั่งนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4039/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลชั้นต้นในการขยายเวลาฎีกาและการอุทธรณ์คำสั่งเกี่ยวกับการรับฎีกา
คดีอาญา การขอขยายระยะเวลายื่นฎีกาเป็นอำนาจของศาลชั้นต้นที่จะพิจารณาและมีคำสั่งไปตาม ป.วิ.พ. มาตรา 23 ประกอบด้วยป.วิ.อ. มาตรา 15 เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นฎีกาของโจทก์ จึงมิใช่กรณีที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาตามป.วิ.อ. มาตรา 223 ดังนี้โจทก์ย่อมมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อศาลอุทธรณ์ได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 193 วรรคแรก มิใช่อุทธรณ์ต่อศาลฎีกาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 224 วรรคแรก.
of 222