พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,140 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 711/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อสันนิษฐานเรื่องการครอบครองยาเสพติดเกิน 20 กรัม ถือว่ามีไว้เพื่อจำหน่าย จำเลยหักล้างไม่ได้
พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสองบัญญัติว่า การผลิต นำเข้า ส่งออกหรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ตั้งแต่ยี่สิบกรัมขึ้นไปให้ถือว่า ผลิตส่งออก หรือมีไว้เพื่อจำหน่ายนั้น เป็นข้อสันนิษฐานโดยเด็ดขาด จำเลยจะนำสืบหักล้างข้อสันนิษฐานดังกล่าวหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 711/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อสันนิษฐานทางกฎหมายเรื่องยาเสพติด: ครอบครองยาเสพติดปริมาณมาก ถือว่ามีไว้เพื่อจำหน่าย
จำเลยมีเฮโรอีนซึ่งคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์หนัก44.356 กรัม ไว้ในครอบครอง ถือได้ว่าจำเลยมีเฮโรอีนดังกล่าวไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง ซึ่งเป็นข้อสันนิษฐานโดยเด็ด ขาดจำเลยจะนำสืบหักล้างข้อสันนิษฐานดังกล่าวหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 711/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อสันนิษฐานเด็ดขาดเรื่องยาเสพติดประเภท 1: การครอบครองเกิน 20 กรัม ถือว่ามีไว้เพื่อจำหน่าย
พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสองบัญญัติว่าการผลิต นำเข้า ส่งออกหรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ตั้งแต่ยี่สิบกรัมขึ้นไปให้ถือว่า ผลิตส่งออก หรือมีไว้เพื่อจำหน่ายนั้น เป็นข้อสันนิษฐานโดยเด็ดขาด จำเลยจะนำสืบหักล้างข้อสันนิษฐานดังกล่าวหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6007/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของผู้เช่าซื้อและทายาทในการครอบครองรถยนต์ที่เช่าซื้อ และการแจ้งความร้องทุกข์ภายในอายุความ
แม้กรรมสิทธิ์ในรถยนต์ที่เช่าซื้อยังอยู่กับผู้ให้เช่าซื้อ แต่ผู้เช่าซื้อย่อมมีสิทธิครอบครองใช้ประโยชน์จากรถยนต์ที่เช่าซื้อนั้นและมีหน้าที่ต้องส่งคืนรถยนต์ที่เช่าซื้อในสภาพเรียบร้อยแก่ผู้ให้เช่าซื้อหากมีกรณีต้องคืน เมื่อบุตรโจทก์ซึ่งเป็นผู้เช่าซื้อถึงแก่กรรม สิทธิและหน้าที่ดังกล่าวย่อมตก ทอดมายังโจทก์ในฐานะทายาทคนหนึ่ง เมื่อจำเลยได้ยักยอกทรัพย์นั้นไปจากโจทก์ โจทก์ย่อมได้รับความเสียหาย จึงเป็นผู้เสียหายและมีอำนาจฟ้อง ฎีกาของจำเลยที่ว่า โจทก์มอบรถยนต์คันพิพาทให้จำเลยซ่อมเป็นเวลานานถึง 8 เดือนเศษ จำเลยไม่ได้แจ้งราคาค่าซ่อมให้โจทก์ทราบโจทก์น่าจะทราบได้ในขณะนั้นหรือช่วงเวลานั้นแล้วว่าจำเลยเบียดบังเอารถยนต์คันพิพาทเป็นของตนเอง โจทก์นำคดีมาฟ้องเกินระยะเวลา 3 เดือนพ้นกำหนดอายุความ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 596/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแย่งการครอบครองที่ดิน: ระยะเวลาฟ้องคดีเริ่มต้นเมื่อใด
การที่จำเลยเพียงแต่ยื่นคำร้อง ขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดิน และนำเจ้าพนักงานที่ดินไปรังวัดที่ดินพิพาท ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการแย่งการครอบครอง ฉะนั้นเมื่อนับระยะเวลาจากวันที่จำเลยบุกรุกเข้าไถที่พิพาทจนถึงวันที่โจทก์ฟ้องคดียังไม่เกิน 1 ปี โจทก์จึงยังไม่ขาดสิทธิในการฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครอง.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5310/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินสาธารณะและการทำให้เสียทรัพย์ แม้ที่ดินเป็นสาธารณะ แต่ผู้ครอบครองมีสิทธิเสียหายจากการถูกทำลายทรัพย์สินที่ปลูกไว้
แม้ที่ดินจะเป็นที่สาธารณะ แต่เมื่อโจทก์ร่วมเป็นผู้ครอบครองอยู่และได้ปลูกต้นมะม่วงไว้ การที่จำเลยตัดฟันต้นมะม่วงดังกล่าวโจทก์ร่วมย่อมได้รับความเสียหาย จึงมีอำนาจร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่จำเลยฐานทำให้เสียทรัพย์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 501/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดินมรดก: การอ้างพินัยกรรมและการครอบครองเพื่อประโยชน์ตนเอง
โจทก์ฟ้องอ้างว่าเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่พิพาท ขอให้ศาลพิพากษาขับไล่จำเลย แต่เมื่อจำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าเดิมที่พิพาทเป็นของบิดามารดาโจทก์จำเลย และตกทอดเป็นมรดกที่โจทก์และจำเลยครอบครองร่วมกัน ขอให้แบ่งแก่จำเลยครึ่งหนึ่งโจทก์จึงอ้างในคำให้การแก้ฟ้องแย้งว่าโจทก์ได้ที่พิพาทมาโดยบิดาทำพินัยกรรมยกให้ ก่อนบิดาตายได้ยกสิทธิครอบครองให้โจทก์ โจทก์แจ้งการครอบครองที่พิพาทจนได้รับ ส.ค. 1เป็นหลักฐานนั้นเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่โจทก์มีอำนาจกระทำได้หาใช่เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตแต่ประการใดไม่และการที่ศาลอุทธรณ์รับฟังพินัยกรรมดังกล่าว ก็มิใช่เป็นการรับฟังว่าพินัยกรรมมีผลบังคับในฐานะเป็นพินัยกรรม แต่เป็นการรับฟังประกอบพฤติการณ์ที่โจทก์ได้สิทธิครอบครองในที่พิพาทมาก่อนบิดาผู้ทำพินัยกรรมตาย อันเป็นเหตุให้โจทก์ไปทำ ส.ค.1 ไว้เท่านั้น จึงไม่เป็นการรับฟังพยานหลักฐานฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87.(ที่มา-เนติ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 500/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ทรงเช็คโดยชอบ: การครอบครองเช็คสั่งจ่ายแก่ผู้ถือ ถือเป็นผู้ทรงโดยชอบ แม้ไม่ระบุแหล่งที่มา
เช็คพิพาทออกให้แก่ผู้ถือ ผู้ใดครอบครองเช็คนั้น ในเบื้องต้นต้องถือว่า เป็นผู้ทรงเช็คนั้นโดยชอบ โจทก์จึงไม่จำเป็นต้องบรรยายฟ้องว่า โจทก์ได้เช็คมาจากผู้ใดและในฐานะอย่างไรทั้งฟ้องโจทก์ได้บรรยายไว้แล้วว่าโจทก์ได้รับเช็คมาจากผู้มีชื่อเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์ โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คดังกล่าวโดยชอบ ฟ้องโจทก์จึงหาเคลือบคลุมไม่
โจทก์นำสืบว่า โจทก์ได้รับเช็คพิพาทซึ่งเป็นเช็คสั่งจ่ายแก่ผู้ถือจาก ต. โดยการแลกเงินสดไปจากโจทก์ การที่จำเลยที่ 1 นำสืบแต่เพียงว่า จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยที่ 1 เล่นแชร์เป็นการส่วนตัว ไม่ทราบว่าโจทก์ได้รับเช็คพิพาทมาอย่างไรนั้น เมื่อจำเลยที่ 2 มีอำนาจสั่งจ่ายเช็คแทนจำเลยที่ 1 ข้อนำสืบดังกล่าวหาทำให้จำเลยที่ 1 พ้นจากความรับผิดตามเช็คไม่.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
โจทก์นำสืบว่า โจทก์ได้รับเช็คพิพาทซึ่งเป็นเช็คสั่งจ่ายแก่ผู้ถือจาก ต. โดยการแลกเงินสดไปจากโจทก์ การที่จำเลยที่ 1 นำสืบแต่เพียงว่า จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยที่ 1 เล่นแชร์เป็นการส่วนตัว ไม่ทราบว่าโจทก์ได้รับเช็คพิพาทมาอย่างไรนั้น เมื่อจำเลยที่ 2 มีอำนาจสั่งจ่ายเช็คแทนจำเลยที่ 1 ข้อนำสืบดังกล่าวหาทำให้จำเลยที่ 1 พ้นจากความรับผิดตามเช็คไม่.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4524/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขโทษจากครอบครองเพื่อจำหน่ายเป็นเพียงครอบครอง ศาลอุทธรณ์แก้ไขเล็กน้อย ฎีกาต้องห้าม
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 76 จำคุก 1 ปี 4 เดือน และปรับ 14,000 บาท โทษจำคุกให้รอไว้ 2 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้ลงโทษฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติ ดังกล่าว มาตรา 76 วรรคแรก จำคุก 3 เดือนและปรับ 1,000 บาท โทษจำคุกให้รอไว้ 1 ปี ดังนี้ เป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4524/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขโทษจากครอบครองเพื่อจำหน่ายเป็นเพียงครอบครอง ศาลอุทธรณ์แก้ไขเล็กน้อย ห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522มาตรา 76 จำคุก 1 ปี 4 เดือน และปรับ 14,000 บาท โทษจำคุกให้รอไว้ 2 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้ลงโทษฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติดังกล่าวมาตรา 76 วรรคแรก จำคุก 3 เดือนและปรับ 1,000 บาท โทษจำคุกให้รอไว้ 1 ปี ดังนี้ เป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218