คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ครอบครองปรปักษ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,380 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2938/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์: การครอบครองแทนเจ้าของเดิมไม่ถือเป็นการครอบครองเพื่อตนเอง
ที่พิพาทติดกับที่นาที่โจทก์เช่าจากจำเลย และอยู่ในเขตที่ดินตามเอกสารการครอบครองที่ดินของจำเลยด้วย โจทก์ได้แผ้วถางที่พิพาทแสดงการยึดถือเอาเองเป็นปรปักษ์ต่อสิทธิ์ครอบครองของจำเลย จำเลยจึงไปร้องเรียนต่ออำเภอ นายอำเภอเปรียบเทียบให้ที่ดินเฉพาะที่ปรากฏตามแบบสำรวจเนื้อที่ดินเพื่อเสียภาษีบำรุงท้องที่ของจำเลย ซึ่งมีที่พิพาทรวมอยู่ด้วยเป็นของจำเลย แต่โจทก์ก็ยังมิได้ส่งมอบเพราะครอบครองอยู่ตั้งแต่เช่า ดังนี้ถือได้ว่าที่โจทก์ครอบครองต่อมานั้น เป็นการครอบครองแทนจำเลยระหว่างรอการส่งมอบ หาใช่ครอบครองโดยเจตนาจะยึดถือเพื่อตนไม่ แม้จะครอบครองมาเกินหนึ่งปี ก็ไม่ได้สิทธิ์ครอบครอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2898/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งแยกที่ดินมรดกและการครอบครองปรปักษ์ ศาลฎีกาไม่แก้ไขหน้าที่นำสืบหากไม่กระทบผลการวินิจฉัย
คำสั่งศาลชั้นต้นเกี่ยวกับหน้าที่นำสืบจะเป็นการถูกต้องหรือไม่ก็ตาม เมื่อโจทก์จำเลยได้สืบพยานเสร็จสิ้นบริบูรณ์แล้ว และไม่มีผลทำให้การวินิจฉัยคำพยานเปลี่ยนแปลงไป จึงไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะต้องแก้ไขเกี่ยวกับหน้าที่นำสืบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2486/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์และการฟ้องแย่งการครอบครองที่เกินกำหนดอายุความ
สามีโจทก์เคยครอบครองที่พิพาทและแจ้งการครอบครองไว้ ต่อมาสามีโจทก์ย้ายไปรับราชการที่จังหวัดอื่นแล้วถึงแก่กรรมเมื่อ พ.ศ. 2504 ครั้น พ.ศ. 2507 จำเลยได้เข้าทำที่พิพาทเป็นสวนสาธารณะและดูแลรักษาตลอดมา โจทก์เพิ่งทราบถึงที่ตั้งของที่พิพาทเมื่อ พ.ศ. 2513 ดังนี้ การที่จำเลยได้เข้าไปทำที่พิพาทให้เป็นสวนสาธารณะและดูแลรักษาตลอดมานั้น ถือได้ว่าโจทก์ถูกจำเลยแย่งการครอบครองในที่พิพาทโดยมิชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 แล้ว โจทก์จึงต้องฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองเสียภายใน 1 ปี นับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครอง โจทก์เพิ่งฟ้องคดีเมื่อปี 2513 จึงหมดสิทธิ์ที่จะฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองในที่พิพาทดังที่บัญญัติไว้ในวรรคสองของมาตรา 1375
หมายเหตุ วินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 25/2519

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2314/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์จากการครอบครองปรปักษ์ vs. สิทธิเจ้าหนี้จำนองจากการขายฝาก สิทธิใครเหนือกว่า
เดิมโจทก์ฟ้อง บ. ซึ่งเป็นผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่พิพาท โดยอ้างว่าได้ครอบครองปรปักษ์มาเกิน 10 ปี คดีหนึ่ง และโจทก์ได้ฟ้อง บ. กับจำเลยคดีนี้ขอให้เพิกถอนนิติกรรม บ. นำที่พิพาทไปจดทะเบียนขายฝากจำเลยอีกคดีหนึ่ง แม้ศาลฎีกาได้พิพากษาคดีแรกว่าโจทก์ได้กรรมสิทธิ์ที่พิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ แต่ก็ได้พิพากษาคดีหลังว่าการขายฝากระหว่าง บ. กับจำเลยเป็นไปโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน ย่อมผูกพันโจทก์มิให้โต้เถียงได้อีกว่าการขายฝากที่พิพาทเป็นไปโดยสมยอมกัน การขายฝากสมบูรณ์ตามกฎหมาย โจทก์หาอาจฟ้องคดีใหม่ขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนการขายฝากได้ไม่ ทั้งโจทก์ก็ไม่มีทางไถ่ถอนได้เพราะเวลาไถ่ถอนได้ล่วงพ้นไปแล้ว การที่โจทก์ยังอยู่ในที่พิพาทมาตั้งแต่วันฟ้องแย้งย่อมเป็นการละเมิดสิทธิ์ของจำเลย โจทก์ต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้จำเลยตามฟ้องแย้ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2314/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์จากการครอบครองปรปักษ์ vs. การขายฝากสุจริต: สิทธิใครเหนือกว่า
เดิมโจทก์ฟ้อง บ. ซึ่งเป็นผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่พิพาท โดยอ้างว่าได้ครอบครองปรปักษ์มาเกิน 10 ปีคดีหนึ่ง และโจทก์ได้ฟ้อง บ. กับจำเลยคดีนี้ขอให้เพิกถอนนิติกรรมที่ บ. นำที่พิพาทไปจดทะเบียนขายฝากจำเลยอีกคดีหนึ่ง แม้ศาลฎีกาได้พิพากษาคดีแรกว่าโจทก์ได้กรรมสิทธิ์ที่พิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ แต่ก็ได้พิพากษาคดีหลังว่าการขายฝากระหว่าง บ. กับจำเลยเป็นไปโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน ย่อมผูกพันโจทก์มิให้โต้เถียงได้อีกว่าการขายฝากที่พิพาทเป็นไปโดยสมยอมกัน การขายฝากสมบูรณ์ตามกฎหมายโจทก์หาอาจฟ้องคดีใหม่ขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนการขายฝากได้ไม่ ทั้งโจทก์ก็ไม่มีทางไถ่ถอนได้เพราะเวลาไถ่ถอนได้ล่วงพ้นไปแล้ว การที่โจทก์ยังอยู่ในที่พิพาทมาตั้งแต่วันฟ้องแย้งย่อมเป็นการละเมิดสิทธิของจำเลย โจทก์ต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้จำเลยตามฟ้องแย้ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1876/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์และการแย่งการครอบครอง: การเข้าครอบครองโดยเชื่อว่าเป็นเจ้าของ ไม่ถือเป็นความผิดฐานบุกรุก
จำเลยฟ้องคดีแพ่งว่า ม.บุกรุกที่ดินของจำเลย ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย แต่ ม. แย่งการครอบครองไปแล้ว คงเป็นของจำเลย 15 ไร่ ระหว่างฎีกาจำเลยจ้างคนเข้าหยอดปอในที่ดินส่วนที่ศาลพิพากษาว่าเป็นของ ม. และพนักงานอัยการได้ฟ้องจำเลย ข้อหาบุกรุก ศาลพิพากษายกฟ้องโดยเห็นว่าที่ดินที่กล่าวหายังพิพาทเป็นคดีแพ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ฟังไม่ได้ว่าใครเป็นเจ้าของผู้มีสิทธิโดยแน่แท้ ยังไม่มีมูลความผิดทางอาญาคดีถึงที่สุด ต่อมาเมื่อคดีแพ่งยุติลงว่าที่ดินเป็นของจำเลย 15 ไร่แล้ว จำเลยได้จ้างคนเข้ารื้อที่ดินเป็นส่วนของ ม. อีก ดังนี้ จำเลยเข้าครอบครองที่พิพาทตั้งแต่เข้าหยอดปอ ซึ่งศาลพิพากษายกฟ้องฐานบุกรุกไปแล้ว เป็นเรื่องที่จำเลยยังไม่ยอมสละการครอบครอง มิใช่เข้าไปไถ่ที่พิพาทเป็นการแย่งการครอบครองใหม่ จึงไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1653/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแย่งการครอบครองที่ดินมือเปล่า และผลของการครอบครองปรปักษ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375
เมื่อโจทก์เข้าแย่งการครอบครองที่ดินมือเปล่าของจำเลยไว้เพื่อตนเองแสดงว่าโจทก์ได้ตั้งเป็นปรปักษ์แก่จำเลยและยึดถือที่พิพาทเป็นของโจทก์มาแต่นั้นแล้วการแย่งการครอบครองจะเป็นไปโดยความสงบเปิดเผยหรือไม่ไม่สำคัญสำคัญอยู่ที่ว่ามีเจตนาเป็นเจ้าของเมื่อโจทก์แย่งการครอบครองมาเกินกว่า 1ปีจำเลยย่อมหมดสิทธิที่จะเอาคืนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 การที่จำเลยไปแจ้งความต่อตำรวจหาว่าโจทก์บุกรุกและยื่นคำร้องขอออกโฉนดที่พิพาทหาทำให้การครอบครองของโจทก์สะดุดหยุดลงไม่เพราะจำเลยไม่ได้ฟ้องต่อศาลภายใน 1ปีนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครอง
โจทก์บรรยายฟ้องอ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์โจทก์มีสิทธิครอบครองดีกว่าจำเลยศาลยกอายุความครอบครองด้วยอำนาจปรปักษ์เหนือที่พิพาทของโจทก์ขึ้นวินิจฉัยได้ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1067/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์ต้องมีการนำสืบขนาดพื้นที่และแนวเขตที่ชัดเจน หากไม่ชัดเจนถือว่าโจทก์นำสืบไม่สมฟ้อง
คดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ศาลสั่งแสดงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์โดยการครอบครองแม้คดีฟังได้ว่าโจทก์ได้ครอบครองที่พิพาทจริง แต่โจทก์มิได้ขอให้ทำแผนที่พิพาทไว้ และการนำสืบของโจทก์ในเรื่องขนาดความกว้างยาวก็ดี เนื้อที่พิพาทก็ดี เป็นการนำสืบโดยประมาทไว้เท่านั้น ไม่ได้นำสืบให้ได้ความชัดเจนว่าที่พิพาทมีความยาวแต่ละด้านแน่นอนเท่าใด หรือมีจุดหมายที่พอจะถือเป็นแนวเขตให้สามารถบังคับคดีกันได้ เมื่อโจทก์ซึ่งมีหน้าที่นำสืบตามข้ออ้างของตน ไม่นำสืบให้ได้ข้อเท็จจริงมาสนับสนุนข้ออ้างตามคำฟ้องให้พอที่ศาลจะมีบังคับตามคำขอของโจทก์ได้ ก็ต้องถือว่าโจทก์นำสืบไม่สมฟ้อง ศาลย่อมพิพากษายกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 525/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีครอบครองปรปักษ์: การรบกวนสิทธิครอบครองและการพิพาทเกี่ยวกับที่สาธารณะ
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองที่พิพาทโดยโจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 2 นำป้ายไปปักในที่ดินของโจทก์ และอ้างว่าเป็นที่สาธารณะตะกาดวังหินของจำเลยที่ 1 ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์โดยการครอบครอง ห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้อง ดังนี้ จึงเห็นได้ว่าโจทก์เป็นผู้ยึดถือครอบครองที่พิพาท แต่เมื่อถูกจำเลยรบกวนสิทธิของโจทก์ในฐานะผู้ยึดถือครอบครองอยู่ และจำเลยก็ได้แย้งสิทธิในทรัพย์พิพาทว่าเป็นที่สาธารณะ ถือว่าโจทก์จำเลยมีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นในทรัพย์นั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 แล้วโจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้องในที่พิพาทได้ หาใช่เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองที่พิพาท โดยโจทก์ไม่มีสิทธิที่จะขอให้ศาลพิพากษาตามคำขอท้ายฟ้องไม่
แม้โจทก์ไม่ได้แจ้งการครอบครองที่พิพาทภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดซึ่งตามพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดินพ.ศ.2497 มาตรา 5 บัญญัติให้ถือว่าโจทก์มีเจตนาสละสิทธิครอบครองก็ดี ก็เป็นเรื่องของรัฐที่จะว่ากล่าวกับผู้ยึดถือครอบครองที่ดินนั้นเอง แต่คดีนี้เป็นกรณีที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ในฐานะเทศบาลตำบลชะอำ และจำเลยที่ 2 ในฐานะส่วนตัวที่เข้ามารบกวนสิทธิของโจทก์ในฐานะผู้ยึดถือครอบครองอยู่ โจทก์หาได้พิพาทกับรัฐโดยตรงไม่และเมื่อข้อเท็จจริงยังไม่ปรากฏว่าที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือไม่ ถ้าไม่เป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินจำเลยก็ไม่มีสิทธิเข้าไปเกี่ยวข้องหรือถ้าเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทพลเมืองใช้ร่วมกันก็อาจอยู่ในอำนาจหน้าที่ของนายอำเภอ เป็นผู้ดูแลจัดการคุ้มครองป้องกันก็ได้ หาใช่อำนาจหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเทศบาลตำบลไม่ ดังนั้น ศาลจะพิพากษายกฟ้องโดยเห็นว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง และไม่ได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงดังกล่าวหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 489/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์ - ศาลพิพากษาแสดงสิทธิครอบครองได้แม้ไม่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลสั่งแสดงว่าโจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทโดยการครอบครอง ที่พิพาทไม่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าโจทก์มีเพียงสิทธิครอบครองศาลก็พิพากษาแสดงสิทธิครอบครองได้ไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ
of 138