คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ดุลพินิจ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 923 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1050/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลอุทธรณ์ในการวินิจฉัยข้อเท็จจริงเพิ่มเติมโดยไม่ย้อนสำนวน
ศาลชั้นต้นมิได้ชี้ขาดในประเด็นว่าจำเลยได้เช่าห้องพิพาทมาจากนายวิฑูรบิดานายเสียงจริงหรือไม่คดีมาถึงชั้นศาลอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์เห็นสมควรชี้ขาดว่า ฟังได้ว่าจำเลยได้เช่าห้องพิพาทจากนายวิฑูรโดยมิได้ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นข้อนี้นั้นเป็นเรื่องศาลอุทธรณ์มีอำนาจทำได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งม.240(3) ม.240(3)ให้อำนาจศาลอุทธรณ์ที่จะย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นทำหรือไม่ย้อนก็ได้แล้วแต่ดุลพินิจของศาลอุทธรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 811/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษจำคุกควบกัน: ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยฎีกาที่โต้แย้งการใช้ดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ในการนับโทษ
การที่ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจให้นับโทษจำคุกจำเลยสองสำนวนควบกันไปโดยไม่นับโทษติดต่อกันถือว่าเป็นการแก้ไขเล็กน้อยโจทก์จะฎีกาโต้แย้งในเรื่องการขอให้นับโทษต่อไม่ได้เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 621/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ดุลพินิจยกโทษปรับในคดีฝิ่น: ศาลสามารถลงโทษจำคุกสถานเดียวได้แม้ พ.ร.บ.ฝิ่นจะกำหนดทั้งจำและปรับ
พ.ร.บ.ฝิ่นไม่ได้บัญญัติเรื่องการยกโทษปรับดังที่บัญญัติไว้ใน ก.ม.อาญา ม.23 ให้เป็นกรณีพิเศษ ฉนั้นเมื่อเห็นสมควรศาลย่มยก ม.23 มาใช้แก่กรณีที่มีการลงโทษทั้งจำคุกและปรับตาม พ.ร.บ.ฝิ่นได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 621/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ดุลพินิจยกโทษปรับในคดีฝิ่น: ศาลสามารถยกโทษปรับได้หากเห็นสมควร แม้กฎหมายฝิ่นไม่ได้บัญญัติไว้
พระราชบัญญัติฝิ่นไม่ได้บัญญัติเรื่องการยกโทษปรับดังที่บัญญัติไว้ในกฎหมายอาญา มาตรา 23 ให้เป็นกรณีพิเศษฉะนั้นเมื่อเห็นสมควรศาลย่อมยก มาตรา 23 มาใช้แก่กรณีที่มีการลงโทษทั้งจำคุกและปรับตาม พระราชบัญญัติฝิ่นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1249/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องรุกล้ำที่ดินไม่เคลือบคลุมหากระบุที่ดินติดต่อกันและลักษณะการรุกล้ำ ศาลมีดุลพินิจในการรับฟังพยาน
ในคดีเรื่องรุกล้ำที่ดินและละเมิด โจทก์ไม่จำเป็นต้องกล่าวว่าที่โจทก์มีเนื้อที่เท่าใดและมีอาณาเขตกว้างยาวติดต่อกันอย่างไร โจทก์เพียงแต่กล่าวในฟ้องว่า โจทก์จำเลยมีที่ดินติดต่อกันตามแผนที่ท้ายฟ้อง และจำเลยปลูกห้องแถวทำหลังคาล้ำเข้ามาในที่ของโจทก์ ก็เป็นคำฟ้องที่เข้าใจข้อหาได้ดี ไม่ถือว่าเคลือบคลุม
ศาลจะเชื่อฟังคำพยานบุคคลปากใดหรือไม่เป็นดุลพินิจของศาลเมื่อศาลใช้ดุลพินิจเชื่อฟังพยานบุคคลปากใดแล้วจะมาโต้แย้งว่าศาลมิได้วินิจฉัยคดีจากพยานหลักฐานในสำนวนไม่ได้ เพราะเป็นการโต้แย้งข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 989-993/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจดุลพินิจเจ้าพนักงานประเมินภาษีและการลดหย่อนเงินเพิ่มตามความเหมาะสมของแต่ละกรณี
คำว่า "อาจต้องรับผิดเสียเงินอีก ฯลฯ" ตามความใน มาตรา 23,26 แห่งประมวลรัษฎากรนั้น เป็นเรื่องที่กฎหมาย กำหนดให้ใช้ดุลพินิจหนักเบาตามควรแก่กรณีเป็นเรื่องๆไม่ว่าควรเรียกภาษีเพิ่มถึงเต็มพิกัดหรือลดหย่อนลงเพียงใด เมื่อปรากฏว่าเจ้าพนักงานประเมินเรียกเก็บภาษีเพิ่มเป็นจำนวนเกินสมควรแก่พฤติการณ์ที่ผู้เสียควรต้องรับผิดแล้ว ศาลย่อมมีอำนาจกำหนดลดให้ตามที่เห็นสมควรได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 29/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย: การป้องกันตัวและดุลพินิจลดโทษ
ถ้าโดยเหตุผลทั่วๆ ไปในท้องสำนวน ศาลเห็นว่าจำเลยควรได้รับความปราณีศาลจะใช้ดุลพินิจลดโทษให้จำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 59 ก็ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1481/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดุลพินิจลดโทษมาตรา 59 เป็นข้อเท็จจริง ไม่ใช่ข้อกฎหมาย
การลดโทษฐานปราณีแก่จำเลยตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 59 นั้นเป็นการใช้ดุลพินิจซึ่งเป็นข้อเท็จจริงเฉพาะเรื่องมิใช่เป็นข้อกฎหมาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุกจำเลยคนละ 6 เดือนฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บตาม มาตรา 254-63 ลดฐานปราณีตามมาตรา 59 กึ่งหนึ่งคงจำคุกคนละ 3 เดือน แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำคุกจำเลยคนละ 1 ปี 6 เดือน โดยบทมาตราเดียวกัน และไม่ลดฐานปราณีให้ เพราะถือว่าจำเลยจำนนแก่พยาน ดังนี้ถือว่าการลดโทษฐานปราณีแก่จำเลยตาม มาตรา 59เป็นการใช้ดุลพินิจซึ่งเป็นข้อเท็จจริงเฉพาะเรื่อง ไม่ใช่เป็นข้อกฎหมายจึงฎีกาไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1481/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลดโทษตามมาตรา 59 เป็นดุลพินิจข้อเท็จจริง ไม่ใช่ข้อกฎหมาย จึงไม่อุทธรณ์ฎีกาได้
การลดโทษฐานปราณีแก่จำเลยตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 59 นั้นเป็นการใช้ดุลพินิจซึ่งเป็นข้อเท็จจริงเฉพาะเรื่องมิใช่เป็นข้อกฎหมาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุกจำเลยคนละ 6 เดือนฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บตาม มาตรา 254-63 ลดฐานปราณีตามมาตรา 59 กึ่งหนึ่งคงจำคุกคนละ 3 เดือน แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำคุกจำเลยคนละ 1 ปี 6 เดือน โดยบทมาตราเดียวกัน และไม่ลดฐานปราณีให้ เพราะถือว่าจำเลยจำนนแก่พยาน ดังนี้ถือว่าการลดโทษฐานปราณีแก่จำเลยตาม มาตรา 59เป็นการใช้ดุลพินิจซึ่งเป็นข้อเท็จจริงเฉพาะเรื่อง ไม่ใช่เป็นข้อกฎหมายจึงฎีกาไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1361/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานแวดล้อมเพียงพอพิสูจน์เจตนาฆ่า แม้ไม่มีประจักษ์พยาน ศาลใช้ดุลพินิจชั่งน้ำหนักหลักฐาน
ให้ศาลใช้ดุลยพินิจวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานทั้งปวงอย่าพิพากษาลงโทษจนกว่าจะแน่ใจว่ามีการกระทำผิดจริง และจำเลยเป็นผู้กระทำผิดนั้น
โจทก์มีพยานแวดล้อมว่า "ก่อนเกิดเหตุครึ่งเดือนผู้ตายชกนายใยจำเลยเรื่องแย่งวิดปลาที่นาพ่อตา ซึ่งผู้ตายเคยวิดมาทุกปี และในวันเกิดเหตุเวลาเย็นจำเลยทั้งสามถืออาวุธมาชวนผู้ตายไปดูข้าวที่นาซึ่งนายใบจำเลยเช่าพ่อตาผู้ตายทำ ผู้ตายได้ไปกับจำเลยทั้ง 3 โดยไม่มีอาวุธ ประมาณหุงข้าวสุกผู้ตายก็ถูกทำร้ายถึงตายที่นาพ่อตาทั้งนายจันนายวันจำเลยก็รับว่าได้ทำร้ายผู้ตายตายจริง อ้างว่าผู้ตายเข้าไปลักข้าวในนาและต่อสู้กัน แต่ไม่ปรากฎว่าจำเลยทั้งสามมีบาดเจ็บเลย ส่วนบาดแผลของผู้ตายมีถึง 6 แห่ง ถูกทำร้ายด้วยของแข็งและมีคม หลักฐานพยานโจทก์แวดล้อมกรณีเหล่านี้ย่อมแสดงให้เห็นว่าจำเลยสมคบกันฆ่าผู้ตายโดยเจตนา ดังนี้แม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานเห็นจำเลยทั้งสามเป็นคนฆ่าผู้ตายก็ตาม ก็ลงโทษจำเลยได้
of 93