พบผลลัพธ์ทั้งหมด 953 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1211/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของพินัยกรรมที่ทำตามแบบธรรมดา แม้ผิดแบบเอกสารฝ่ายเมือง และการรับฟังพยานนอกประเด็น
แม้พินัยกรรมจะทำผิดแบบพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองตามความประสงค์เดิมของผู้ทำพินัยกรรมก็ดี แต่ก็ทำขึ้นถูกต้องตามแบบพินัยกรรมธรรมดาตาม ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 1656 ทุกประการ ดังนี้ ศาลย่อมยกความสมบูรณ์ตามแบบพินัยกรรมอย่างหลังนี้ ขึ้นใช้บังคับได้โดยอาศัยบทบัญญัติแห่ง ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 136.
ข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ซึ่งศาลยกขึ้นวินิจฉัยตัดสินคดีได้ตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 142(5) นั้น จะต้องเป็นข้อกฎหมายที่ได้มาจากข้อเท็จจริงในการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยชอบ ข้อเท็จจริงที่ปรากฎขึ้นจากพะยานนอกเรื่องนอกประเด็นนั้น ศาลจะรับฟังมาวินิจฉัยเป็นข้อกฎหมายตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 142 (5) ไม่ได้ เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 87.
ข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ซึ่งศาลยกขึ้นวินิจฉัยตัดสินคดีได้ตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 142(5) นั้น จะต้องเป็นข้อกฎหมายที่ได้มาจากข้อเท็จจริงในการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยชอบ ข้อเท็จจริงที่ปรากฎขึ้นจากพะยานนอกเรื่องนอกประเด็นนั้น ศาลจะรับฟังมาวินิจฉัยเป็นข้อกฎหมายตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 142 (5) ไม่ได้ เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 87.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1211/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมที่ทำผิดแบบแต่เป็นไปตามแบบอื่นได้ใช้บังคับได้ และข้อจำกัดการวินิจฉัยข้อกฎหมายโดยศาลตามมาตรา 142(5)
แม้พินัยกรรมจะทำผิดแบบพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองตามความประสงค์เดิมของผู้ทำพินัยกรรมก็ดี แต่ก็ทำขึ้นถูกต้องตามแบบพินัยกรรมธรรมดาตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1656 ทุกประการ ดังนี้ ศาลย่อมยกความสมบูรณ์ตามแบบพินัยกรรมอย่างหลังนี้ ขึ้นใช้บังคับได้โดยอาศัยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 136
ข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ซึ่งศาลยกขึ้นวินิจฉัยตัดสินคดีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) นั้นจะต้องเป็นข้อกฎหมายที่ได้มาจากข้อเท็จจริงในการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยชอบ ข้อเท็จจริงที่ปรากฏขึ้นจากพยานนอกเรื่องนอกประเด็นนั้น ศาลจะรับฟังมาวินิจฉัยเป็นข้อกฎหมายตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) ไม่ได้ เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 16/2492)
ข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ซึ่งศาลยกขึ้นวินิจฉัยตัดสินคดีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) นั้นจะต้องเป็นข้อกฎหมายที่ได้มาจากข้อเท็จจริงในการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยชอบ ข้อเท็จจริงที่ปรากฏขึ้นจากพยานนอกเรื่องนอกประเด็นนั้น ศาลจะรับฟังมาวินิจฉัยเป็นข้อกฎหมายตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) ไม่ได้ เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 16/2492)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1175/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของพินัยกรรม: การลงวันเดือนปีและการรับรองของเจ้าพนักงาน
พินัยกรรม์เอกสารฝ่ายเมือง มีวันเดือนปีเขียนอยู่ตอนต้น ปลัดอำเภอผู้เขียนได้ลงนามแสดงเป็นผู้เขียนในตำแหน่งปลัดอำเภอในตอนท้าย และอ่านข้อความให้ฟังแล้ว ไม่จำเป็นต้องลงวันเดือนปีซ้ำอีก พินัยกรรม์ย่อมสมบูรณ์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1175/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของพินัยกรรม: การลงวันเดือนปีและตำแหน่งเจ้าพนักงาน
พินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมือง มีวันเดือนปีเขียนอยู่ตอนต้นปลัดอำเภอผู้เขียนได้ลงนามแสดงเป็นผู้เขียนในตำแหน่งปลัดอำเภอในตอนท้าย และอ่านข้อความให้ฟังแล้ว ไม่จำเป็นต้องลงวันเดือนปีซ้ำอีก พินัยกรรมย่อมสมบูรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 109/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมไม่สมบูรณ์เนื่องจากขาดพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือ แม้มีพยานลงชื่อครบตาม กม.ลักษณะมฤดก
พินัยกรรม์ทำเมื่อก่อนใช้พระราชบัญญัติว่าด้วยการทำพินัยกรรม์ 2475 และก่อนใช้ ป.ม.แพ่ง ฯ บรรพ 6 ต้องใช้ ก.ม.ลักษณะมฤดก บทที่ 49 บังคับ.
ผู้ตายทำพินัยกรรม์เมื่อใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ 1 แล้ว ในพินัยกรรม์มีพะยานลงลายมือชื่อเพียง 2 คน และมีผู้พิมพ์ลายมืออีก 2 คน แต่ไม่มีพะยานลงลายมือชื่อรับรองลายพิมพ์นิ้วมือ ดังนี้ ตาม ป.ม.แพ่งฯ บรรพ 1 มาตรา 9 บังคับให้มีพะยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือพินัยกรรม์ดั่งกล่าวจึงมีผู้ลุกนั่งเพียง 2 คน ไม่ครบ 3 คนตาม ก.ม.ลักษณะมฤดก บทที่ 49 จึงไม่สมบูรณ์.
ผู้ตายทำพินัยกรรม์เมื่อใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ 1 แล้ว ในพินัยกรรม์มีพะยานลงลายมือชื่อเพียง 2 คน และมีผู้พิมพ์ลายมืออีก 2 คน แต่ไม่มีพะยานลงลายมือชื่อรับรองลายพิมพ์นิ้วมือ ดังนี้ ตาม ป.ม.แพ่งฯ บรรพ 1 มาตรา 9 บังคับให้มีพะยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือพินัยกรรม์ดั่งกล่าวจึงมีผู้ลุกนั่งเพียง 2 คน ไม่ครบ 3 คนตาม ก.ม.ลักษณะมฤดก บทที่ 49 จึงไม่สมบูรณ์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 109/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของพินัยกรรม: การบังคับใช้กฎหมายลักษณะมรดก vs. ประมวลกฎหมายแพ่งฯ และการรับรองลายพิมพ์นิ้วมือ
พินัยกรรมทำเมื่อก่อนใช้พระราชบัญญัติว่าด้วยการทำพินัยกรรมพ.ศ.2475 และก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 6 ต้องใช้กฎหมายลักษณะมรดก บทที่ 49 บังคับ
ผู้ตายทำพินัยกรรมเมื่อใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ 1แล้ว ในพินัยกรรมมีพยานลงลายมือชื่อเพียง 2 คน และมีผู้พิมพ์ลายมืออีก 2 คน แต่ไม่มีพยานลงลายมือชื่อรับรองลายพิมพ์นิ้วมือ ดังนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 1 มาตรา 9 บังคับให้มีพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือพินัยกรรมดังกล่าวจึงมีผู้ลุกนั่งเพียง 2 คน ไม่ครบ 3 คนตามกฎหมายลักษณะมรดก บทที่ 49 จึงไม่สมบูรณ์
ผู้ตายทำพินัยกรรมเมื่อใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ 1แล้ว ในพินัยกรรมมีพยานลงลายมือชื่อเพียง 2 คน และมีผู้พิมพ์ลายมืออีก 2 คน แต่ไม่มีพยานลงลายมือชื่อรับรองลายพิมพ์นิ้วมือ ดังนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 1 มาตรา 9 บังคับให้มีพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือพินัยกรรมดังกล่าวจึงมีผู้ลุกนั่งเพียง 2 คน ไม่ครบ 3 คนตามกฎหมายลักษณะมรดก บทที่ 49 จึงไม่สมบูรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1055/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องแบ่งสินสมรส และผลของพินัยกรรมเมื่อคู่สมรสถึงแก่กรรมก่อน
ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 185 เป็นเรื่องของการขยายเวลาคือถ้าสิทธิเรียกร้องจะขาดอายุความสั้นกว่า 1 ปี ก็ให้ขยายออกไป 1 ปี ส่วนที่กฎหมายกำหนดให้มีอายุความฟ้องร้องเกินกว่า 1 ปี ก็ต้องเป็นไปตามบทบัญญัตินั้น จะนำมาตรานี้มาใช้บังคับ โดยย่นเวลาให้สั้นเข้านั้นหาได้ไม่
โจทก์,จำเลยหย่าขาดกันโดยคำพิพากษาของศาล โจทก์ฟ้องขอให้แบ่งทรัพย์อันเป็นส่วนสินสมรส เป็นคดีฟ้องเรียกทรัพย์สิน มีอายุความ 10 ปี ตาม ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 164.แม้บิดามารดาจะทำพินัยกรรม์ร่วมกันก็ดี แต่เมื่อบิดาตายก่อน พินัยกรรม์ก็มีผลบังคับฉะเพาะส่วนของบิดาเท่านั้น
เงินผลประโยชน์อันเกิดจากสินสมรสนั้น จำเลยซึ่งถูกฟ้องขอแบ่งจะหักไว้ได้ก็ฉะเพาะค่ารักษาทรัพย์สิน ซึ่งเป็นประโยชน์ร่วมกัน ส่วนเงินค่ากินอยู่ของจำเลยและบุตรโจทก์จำเลยนั้นเป็นคนละประเภท จำเลยไม่ได้ฟ้องแย้ง ก็หักให้ไม่ได้.
โจทก์,จำเลยหย่าขาดกันโดยคำพิพากษาของศาล โจทก์ฟ้องขอให้แบ่งทรัพย์อันเป็นส่วนสินสมรส เป็นคดีฟ้องเรียกทรัพย์สิน มีอายุความ 10 ปี ตาม ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 164.แม้บิดามารดาจะทำพินัยกรรม์ร่วมกันก็ดี แต่เมื่อบิดาตายก่อน พินัยกรรม์ก็มีผลบังคับฉะเพาะส่วนของบิดาเท่านั้น
เงินผลประโยชน์อันเกิดจากสินสมรสนั้น จำเลยซึ่งถูกฟ้องขอแบ่งจะหักไว้ได้ก็ฉะเพาะค่ารักษาทรัพย์สิน ซึ่งเป็นประโยชน์ร่วมกัน ส่วนเงินค่ากินอยู่ของจำเลยและบุตรโจทก์จำเลยนั้นเป็นคนละประเภท จำเลยไม่ได้ฟ้องแย้ง ก็หักให้ไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1055/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องแบ่งสินสมรส, ผลพินัยกรรม, ค่าใช้จ่ายเลี้ยงดูบุตร และการหักค่าใช้จ่าย
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 185 เป็นเรื่องของการขยายเวลาคือถ้าสิทธิเรียกร้องจะขาดอายุความสั้นกว่า 1 ปีก็ให้ขยายออกไป 1 ปี ส่วนที่กฎหมายกำหนดให้มีอายุความฟ้องร้องเกินกว่า 1 ปี ก็ต้องเป็นไปตามบทบัญญัตินั้น จะนำมาตรานี้มาใช้บังคับ โดยย่นเวลาให้สั้นเข้ามานั้นหาได้ไม่
โจทก์จำเลยหย่าขาดกันโดยคำพิพากษาของศาล โจทก์ฟ้องขอให้แบ่งทรัพย์อันเป็นส่วนสินสมรส เป็นคดีฟ้องเรียกทรัพย์สิน มีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
แม้บิดามารดาจะทำพินัยกรรมร่วมกันก็ดี แต่เมื่อบิดาตายก่อน พินัยกรรมก็มีผลบังคับเฉพาะส่วนของบิดาเท่านั้น
เงินผลประโยชน์อันเกิดจากสินสมรสนั้น จำเลยซึ่งถูกฟ้องขอแบ่งจะหักไว้ได้ก็เฉพาะค่ารักษาทรัพย์สิน ซึ่งเป็นประโยชน์ร่วมกัน ส่วนเงินค่ากินอยู่ของจำเลยและบุตรโจทก์จำเลยนั้นเป็นคนละประเภท จำเลยไม่ได้ฟ้องแย้ง ก็หักให้ไม่ได้
โจทก์จำเลยหย่าขาดกันโดยคำพิพากษาของศาล โจทก์ฟ้องขอให้แบ่งทรัพย์อันเป็นส่วนสินสมรส เป็นคดีฟ้องเรียกทรัพย์สิน มีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
แม้บิดามารดาจะทำพินัยกรรมร่วมกันก็ดี แต่เมื่อบิดาตายก่อน พินัยกรรมก็มีผลบังคับเฉพาะส่วนของบิดาเท่านั้น
เงินผลประโยชน์อันเกิดจากสินสมรสนั้น จำเลยซึ่งถูกฟ้องขอแบ่งจะหักไว้ได้ก็เฉพาะค่ารักษาทรัพย์สิน ซึ่งเป็นประโยชน์ร่วมกัน ส่วนเงินค่ากินอยู่ของจำเลยและบุตรโจทก์จำเลยนั้นเป็นคนละประเภท จำเลยไม่ได้ฟ้องแย้ง ก็หักให้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 619/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงเจตนาในพินัยกรรม, การกำหนดวิธีการให้พินัยกรรมสมบูรณ์, และการรับรองลายพิมพ์นิ้วมือ
ข้อความในพินัยกรรมว่า "เมื่อฉัยตายไปแล้วก็ขอให้ทรัพย์ทั้งหมดดังกล่าวแล้ว ตกเป็นกรรมสิทธิแก่เก็กหลานของฉันตามที่กล่าวมาแล้ว ผู้ใดอื่นหรือนายกระจ่างซึ่งเป็นบุตรของฉันจะมาเกี่ยวข้องด้วยไม่ได้เป็นอันขาด ฯลฯ" นี้เป็นอันถือได้ว่าเป็นการแสดงเจตนากำหนดการเผื่อตายไว้โดยพินัยกรรมแล้ว
ในพินัยกรรมที่มีข้อความต่อไปว่า "และขอให้นางช่วยซึ่งเป็นน้องของฉัน เป็นผู้แทนฉันจัดการยื่นคำร้องต่ออำเภอมอบกรรมสิทธิทรัพย์ให้" นั้น เป็นการกำหนดวิธีการที่จะให้เป็นผลสมบูรณ์ตามพินัยกรรม เนื่องจากทรัพย์ที่ยกให้บางอย่างเป็นที่ดิน ดังนี้ หาทำให้พินัยกรรมขาดลักษณะของการเป็นพินัยกรรมไม่
พยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือในพินัยกรรมนั้น ไม่จำต้องระบุเขียนลงไว้ว่า ได้รับรองลายพิมพ์นิ้วมือ เมื่อได้ความว่า เจ้ามฤดกกดพิมพ์ลายนิ้วมือต่อหน้าพยาน ก็เป็นการใช้ได้ (อ้างฎีกาที่ 45 พ.ศ.2485)
ในพินัยกรรมที่มีข้อความต่อไปว่า "และขอให้นางช่วยซึ่งเป็นน้องของฉัน เป็นผู้แทนฉันจัดการยื่นคำร้องต่ออำเภอมอบกรรมสิทธิทรัพย์ให้" นั้น เป็นการกำหนดวิธีการที่จะให้เป็นผลสมบูรณ์ตามพินัยกรรม เนื่องจากทรัพย์ที่ยกให้บางอย่างเป็นที่ดิน ดังนี้ หาทำให้พินัยกรรมขาดลักษณะของการเป็นพินัยกรรมไม่
พยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือในพินัยกรรมนั้น ไม่จำต้องระบุเขียนลงไว้ว่า ได้รับรองลายพิมพ์นิ้วมือ เมื่อได้ความว่า เจ้ามฤดกกดพิมพ์ลายนิ้วมือต่อหน้าพยาน ก็เป็นการใช้ได้ (อ้างฎีกาที่ 45 พ.ศ.2485)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 619/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงเจตนาในพินัยกรรม: กำหนดการเผื่อตายและวิธีการให้เป็นผลสมบูรณ์ รวมถึงการรับรองลายพิมพ์นิ้วมือ
ข้อความในพินัยกรรมมีว่า 'เมื่อฉันตายไปแล้วก็ขอให้ทรัพย์ทั้งหมดดังกล่าวแล้ว ตกเป็นกรรมสิทธิ์แก่เด็กหลานของฉันตามที่กล่าวมาแล้วผู้ใดอื่นหรือนายกระจ่างซึ่งเป็นบุตรของฉันจะมาเกี่ยวข้องด้วยไม่ได้เป็นอันขาดฯลฯ' นี้เป็นอันถือได้ว่าเป็นการแสดงเจตนากำหนดการเผื่อตายไว้โดยพินัยกรรมแล้ว
ในพินัยกรรมที่มีข้อความต่อไปว่า 'และขอให้นางช่วยซึ่งเป็นน้องขอฉัน เป็นผู้แทนฉันจัดการยื่นคำร้องต่ออำเภอมอบกรรมสิทธิ์ทรัพย์ให้' นั้นเป็นการกำหนดวิธีการที่จะให้เป็นผลสมบูรณ์ตามพินัยกรรม เนื่องจากทรัพย์ที่ยกให้บางอย่างเป็นที่ดิน ดังนี้ หาทำให้พินัยกรรมขาดลักษณะของการเป็นพินัยกรรมไม่
พยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือในพินัยกรรมนั้น ไม่จำต้องระบุเขียนลงไว้ว่า ได้รับรองลายพิมพ์นิ้วมือ เมื่อได้ความว่า เจ้ามรดกกดพิมพ์ลายนิ้วมือต่อหน้าพยาน ก็เป็นการใช้ได้ (อ้างฎีกาที่ 45 พ.ศ.2485)
ในพินัยกรรมที่มีข้อความต่อไปว่า 'และขอให้นางช่วยซึ่งเป็นน้องขอฉัน เป็นผู้แทนฉันจัดการยื่นคำร้องต่ออำเภอมอบกรรมสิทธิ์ทรัพย์ให้' นั้นเป็นการกำหนดวิธีการที่จะให้เป็นผลสมบูรณ์ตามพินัยกรรม เนื่องจากทรัพย์ที่ยกให้บางอย่างเป็นที่ดิน ดังนี้ หาทำให้พินัยกรรมขาดลักษณะของการเป็นพินัยกรรมไม่
พยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือในพินัยกรรมนั้น ไม่จำต้องระบุเขียนลงไว้ว่า ได้รับรองลายพิมพ์นิ้วมือ เมื่อได้ความว่า เจ้ามรดกกดพิมพ์ลายนิ้วมือต่อหน้าพยาน ก็เป็นการใช้ได้ (อ้างฎีกาที่ 45 พ.ศ.2485)