คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สิทธิครอบครอง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,083 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 825/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดิน: การแก้ไขคำพิพากษาเล็กน้อยโดยศาลอุทธรณ์ ทำให้จำเลยไม่สามารถฎีกาในข้อเท็จจริงได้
โจทก์ฟ้องขอให้แสดงสิทธิครอบครองที่ดินทุนทรัพย์ 3,100 บาท ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองเพียงครึ่งหนึ่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองที่ดินทั้งหมด ดังนี้ถือว่าเป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248(อ้างฎีกาที่ 497/2500)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 708/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดินพิพาท: การแจ้งการครอบครอง, ที่ดินสาธารณะ, และการเพิกถอนสิทธิ
การที่จะฟังข้อเท็จจริงว่า ที่ดินที่จำเลยแจ้งการครอบครองอยู่ตรงไหน มิได้มีกฎหมายบัญญัติบังคับว่าต้องมีพยานเอกสารมาแสดง กรณีจึงไม่ต้องห้ามในการที่จำเลยจะนำพยานบุคคลมาสืบว่าที่ดินที่จำเลยแจ้งการครอบครองไว้นั้นเป็นที่ดินตรงไหน
เรื่องจะกำหนดให้ฝ่ายใดต้องเสียค่าทนายความให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งเท่าใดนั้น เป็นอำนาจของศาลที่จะใช้ดุลพินิจกำหนดให้เป็นเรื่อง ๆ ไป แล้วแต่รูปคดี มิใช่โจทก์ขอให้จำเลยใช้ค่าทนายความอย่างสูงแก่โจทก์ แล้วศาลจะต้องกำหนดให้จำเลยเสียค่าทนายความอย่างสูงแก่โจทก์เสมอไป
ที่ดินรกร้างว่างเปล่า จำเลยเพิ่งเข้าครอบครองภายหลังวันประกาศให้ใช้พระราชบัญญัติออกโฉนดที่ดิน (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2479 โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ เป็นการเข้าครอบครองโดยมิชอบ ไม่อาจอ้างสิทธิครอบครองขึ้นต่อสู้กับรัฐได้
แม้จำเลยจะได้ครอบครองที่รกร้างว่างเปล่าตลอดมา 10 ปีเศษแล้ว แต่เมื่อจำเลยมิได้แจ้งการครอบครองภายในเวลาตามที่พระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดินกำหนดไว้ ต้องถือว่าจำเลยสละสิทธิครอบครองที่ดินดังกล่าว รัฐมีอำนาจจัดที่ดินนั้นได้.
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 6/2509 เป็นการประชุมเพื่อหาคณะ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 708/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดินพิพาท: การแจ้งการครอบครอง, ที่ดินสาธารณสมบัติ, และการเพิกถอนสิทธิ
การที่จะฟังข้อเท็จจริงว่า ที่ดินที่จำเลยแจ้งการครอบครองอยู่ตรงไหน มิได้มีกฎหมายบัญญัติบังคับว่าต้องมีพยานเอกสารมาแสดงกรณีจึงไม่ต้องห้ามในการที่จำเลยจะนำพยานบุคคลมาสืบว่าที่ดินที่จำเลยแจ้งการครอบครองไว้นั้นเป็นที่ดินตรงไหน
เรื่องจะกำหนดให้ฝ่ายใดต้องเสียค่าทนายความให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งเท่าใดนั้นเป็นอำนาจของศาลที่จะใช้ดุลพินิจกำหนดให้เป็นเรื่องๆไปแล้วแต่รูปคดี มิใช่โจทก์ขอให้จำเลยใช้ค่าทนายความอย่างสูงแก่โจทก์แล้วศาลจะต้องกำหนดให้จำเลยเสียค่าทนายความอย่างสูงแก่โจทก์เสมอไป
ที่ดินรกร้างว่างเปล่า จำเลยเพิ่งเข้าครอบครองภายหลังวันประกาศให้ใช้พระราชบัญญัติออกโฉนดที่ดิน (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2479 โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นการเข้าครอบครองโดยมิชอบ ไม่อาจอ้างสิทธิครอบครองขึ้นต่อสู้กับรัฐได้
แม้จำเลยจะได้ครอบครองที่รกร้างว่างเปล่าตลอดมา 10 ปีเศษแล้วแต่เมื่อจำเลยมิได้แจ้งการครอบครองภายในเวลาตามที่พระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดินกำหนดไว้ต้องถือว่าจำเลยสละสิทธิครอบครองที่ดินดังกล่าว รัฐมีอำนาจจัดที่ดินนั้นได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 6/2509เป็นการประชุมเพื่อหาคณะ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 676/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดิน: การได้มาซึ่งสิทธิครอบครองโดยการครอบครอง และผลของการมีชื่อใน ส.ค.1 และใบเสร็จค่าบำรุง
แบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) เป็นหลักฐานอย่างหนึ่งซึ่งแสดงว่าขณะยื่น ส.ค.1 นั้นผู้แจ้งอ้างว่าที่ดินเป็นของผู้แจ้งเท่านั้นส่วนความจริงผู้ใดจะมีสิทธิครอบครองนั้น จะต้องพิจารณาจากพยานหลักฐานในสำนวน
จำเลยได้จัดการออก น.ส.3 ในที่พิพาทเป็นชื่อของจำเลยก็เป็นเพียงข้อสันนิษฐานเบื้องต้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1373 เท่านั้น หากข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า โจทก์ได้ครอบครองที่พิพาทโจทก์ก็ได้สิทธิครอบครอง ข้อสันนิษฐานตามมาตราดังกล่าวก็ย่อมตกไป
ใบเสร็จเสียเงินบำรุงท้องที่เป็นเพียงหลักฐานแสดงว่าผู้มีชื่อในใบเสร็จเป็นผู้เสียเงินบำรุงท้องที่เท่านั้น มิใช่หลักฐานแสดงว่าผู้มีชื่อในใบเสร็จเป็นผู้มีสิทธิครอบครอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 544/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบทรัพย์สินชำระหนี้และการสิ้นสุดสิทธิครอบครองตาม ป.พ.พ. มาตรา 1377
โจทก์ได้มอบนาให้จำเลยครอบครองแทนการชำระหนี้เงินกู้ ดั่งนี้ การครอบครองของโจทก์ย่อมสิ้นสุดลงตามมาตรา 1377 แห่ง ป.พ.พ. จำเลยจึงไม่จำต้องบอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะการยึดถือครอบครองต่อโจทก์ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1381 แต่อย่างใด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 428/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์และการเปลี่ยนแปลงฐานะจากผู้ครอบครองแทนเป็นผู้ครอบครองเพื่อตนเอง ทำให้สิทธิครอบครองเดิมสิ้นสุด
จำเลยขายฝากที่พิพาทไว้กับโจทก์ แต่ไม่ไถ่คืนภายในกำหนด จำเลยเช่าที่พิพาทจากโจทก์ จำเลยย่อมได้ชื่อว่ายึดถือครอบครองที่พิพาทในนามของโจทก์อยู่ในฐานะเป็นผู้แทนโจทก์
โจทก์ให้คนไปเก็บค่าเช่าที่พิพาทจากจำเลยในเดือนมกราคม 2505 จำเลยไม่ให้ อ้างว่าไถ่นาคืนจากโจทก์แล้ว เห็นได้ว่าจำเลยได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์แล้ว การยึดถือครอบครองที่พิพาทได้เปลี่ยนลักษณะจากการยึดถือครอบครองแทน เป็นยึดถือครอบครองเพื่อตนเองเป็นปรปักษ์ต่อโจทก์ เข้าลักษณะแย่งการครอบครอง
โจทก์ทราบว่าจำเลยแย่งการครอบครองที่พิพาทเมื่อเดือนมกราคม 2505 โจทก์มาฟ้องจำเลยเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2506 เป็นเวลาเกิน 1 ปีแล้ว โจทก์ย่อมหมดสิทธิที่จะฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองได้ ที่พิพาทตกเป็นสิทธิของจำเลยแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะเรียกเอาคืนได้
จำเลยให้การต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่าจำเลยครอบครองเกิน 1 ปีแล้ว ฟ้องของโจทก์ขาดอายุความ เช่นนี้ ถือได้ว่าจำเลยได้อ้างสิทธิครอบครองขึ้นเป็นข้อต่อสู้แล้ว แม้จะถือว่าข้อต่อสู้ของจำเลยไม่ชัดแจ้งในเรื่องแย่งการครอบครอง แต่โจทก์ก็ไม่มีสิทธิอันใดที่จะอ้างอาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาขึ้นฟ้องร้องเรียกเอาที่พิพาทคืนจากจำเลยได้ โดยสิทธิครอบครองของโจทก์ได้หลุดมือไปอยู่กับจำเลยแล้ว สิทธิจะฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองจากจำเลยก็สูญเสียไปหมดแล้ว ศาลก็ชอบที่จะพิพากษายกฟ้องโจทก์เสียได้ แม้จำเลยจะมิได้กล่าวอ้างขึ้น เพราะเป็นเรื่องที่โจทก์ไม่มีอำนาจที่จะฟ้องได้โดยชอบด้วยกฎหมาย(อ้างฎีกาที่ 1646/2505).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 428/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแย่งการครอบครองและการขาดอายุความฟ้องร้อง สิทธิการครอบครองตกเป็นของจำเลย
จำเลยขายฝากที่พิพาทไว้กับโจทก์ แต่ไม่ไถ่คืนภายในกำหนด จำเลยเช่าที่พิพาทจากโจทก์ จำเลยย่อมได้ชื่อว่ายึดถือครอบครองที่พิพาทในนามของโจทก์อยู่ในฐานะเป็นผู้แทนโจทก์
โจทก์ให้คนไปเก็บค่าเช่าที่พิพาทจากจำเลยในเดือนมกราคม2505 จำเลยไม่ให้ อ้างว่าไถ่นาคืนจากโจทก์แล้วเห็นได้ว่าจำเลยได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์แล้ว การยึดถือครอบครองที่พิพาทได้เปลี่ยนลักษณะจากการยึดถือครอบครองแทนเป็นยึดถือครอบครองเพื่อตนเองเป็นปรปักษ์ต่อโจทก์เข้าลักษณะแย่งการครอบครอง
โจทก์ทราบว่าจำเลยแย่งการครอบครองที่พิพาทเมื่อเดือนมกราคม 2505 โจทก์มาฟ้องจำเลยเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2506 เป็นเวลาเกิน 1 ปีแล้ว โจทก์ย่อมหมดสิทธิที่จะฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองได้ ที่พิพาทตกเป็นสิทธิของจำเลยแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะเรียกเอาคืนได้
จำเลยให้การต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า จำเลยครอบครองเกิน 1 ปีแล้ว ฟ้องของโจทก์ขาดอายุความเช่นนี้ ถือได้ว่าจำเลยได้อ้างสิทธิครอบครองขึ้นเป็นข้อต่อสู้แล้วแม้จะถือว่าข้อต่อสู้ของจำเลยไม่ชัดแจ้งในเรื่องแย่งการครอบครองแต่โจทก์ก็ไม่มีสิทธิอันใดที่จะอ้างอาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาขึ้นฟ้องร้องเรียกเอาที่พิพาทคืนจากจำเลยได้โดยสิทธิครอบครองของโจทก์ได้หลุดมือไปอยู่กับจำเลยแล้วสิทธิจะฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองจากจำเลยก็สูญเสียไปหมดแล้วศาลก็ชอบที่จะพิพากษายกฟ้องโจทก์เสียได้ แม้จำเลยจะมิได้กล่าวอ้างขึ้น เพราะเป็นเรื่องที่โจทก์ไม่มีอำนาจที่จะฟ้องได้โดยชอบด้วยกฎหมาย (อ้างฎีกาที่ 1646/2505)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 219/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิครอบครองที่ดินจากการแสดงเจตนาขายฝาก แม้สัญญาโมฆะ สิทธิครอบครองย่อมตกแก่ผู้รับโอน
ทำหนังสือขายฝากที่ดินมือเปล่าโดยไม่จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ มีข้อความว่า ถ้าไม่ไถ่คืนภายใน 1 ปีก็ขาด แม้สัญญาขายฝากนั้นจะเป็นโมฆะก็ตาม แต่ก็เป็นที่เห็นได้ชัดว่า คู่กรณีได้มีเจตนาขายฝากที่พิพาทต่อกันโดยแสดงเจตนาว่า ถ้าไม่ไถ่คืนภายใน 1 ปี ก็ขาด เมื่อผู้ขายฝากมอบสิทธิครอบครองในที่ที่ขายฝากนั้นให้ผู้ซื้อครอบครองตั้งแต่วันขายฝากตลอดมา ก็ถือได้ว่าเมื่อพ้นกำหนด 1 ปี นับแต่วันแสดงเจตนาขายฝาก ผู้ขายยอมสละสิทธิครอบครองซึ่งมีอยู่ในที่ที่ขายฝากให้โจทก์โดยเด็ดขาดตั้งแต่วันนั้นแล้ว
ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า เจ้าของมีแต่เพียงสิทธิครอบครองเท่านั้น การโอนไปซึ่งการครอบครองย่อมโอนไปได้โดยการส่งมอบทรัพย์ที่ครอบครอง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 219/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาขายฝาก+การส่งมอบครอบครอง=สิทธิครอบครอง แม้สัญญาโมฆะ
ทำหนังสือขายฝากที่ดินมือเปล่าโดยไม่จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ มีข้อความว่า ถ้าไม่ไถ่คืนภายใน 1 ปีก็ขาดแม้สัญญาขายฝากนั้นจะเป็นโมฆะก็ตาม แต่ก็เป็นที่เห็นได้ชัดว่า คู่กรณีได้มีเจตนาขายฝากที่พิพาทต่อกันโดยแสดงเจตนาว่า ถ้าไม่ไถ่คืนภายใน 1 ปีก็ขาด เมื่อผู้ขายฝากมอบสิทธิครอบครองในที่ที่ขายฝากนั้นให้ผู้ซื้อครอบครองตั้งแต่วันขายฝากตลอดมาก็ถือได้ว่าเมื่อพ้นกำหนด 1 ปี นับแต่วันแสดงเจตนาขายฝาก ผู้ขายยอมสละสิทธิ์ครอบครองซึ่งมีอยู่ในที่ที่ขายฝากให้โจทก์โดยเด็ดขาดตั้งแต่วันนั้นแล้ว
ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า เจ้าของมีแต่เพียงสิทธิครอบครองเท่านั้น การโอนไปซึ่งการครอบครองย่อมโอนได้โดยการส่งมอบทรัพย์ที่ครอบครอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1759/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินที่ยังไม่จดทะเบียน การยึดทรัพย์ และสิทธิครอบครองที่ดิน
ที่พิพาทเป็นที่สวนตามกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จ บทที่ 42มาก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 4 แม้ผู้ร้องจะได้ซื้อที่พิพาทไว้จากจำเลย แต่ก็มิได้จดทะเบียนการซื้อขายต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ที่พิพาทจึงยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยอยู่ โจทก์ย่อมมีสิทธินำยึดที่พิพาทนี้จากจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้ จะนำบทบัญญัติเรื่องการครอบครองที่ดินที่ไม่มีหนังสือสำคัญตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 มาใช้บังคับไม่ได้
of 109