คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
โมฆะ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,314 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1569/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กลฉ้อฉลในการทำสัญญาจ้างว่าความ ทำให้สัญญาตกเป็นโมฆะ
การที่โจทก์ปกปิดความจริงโดยนิ่งเสียไม่ไขข้อความจริงที่ควรแจ้งให้จำเลยที่ 1 ทราบว่าภรรยาและญาติของจำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญาจ้างโจทก์ให้ว่าความไว้แล้วเป็นเงิน 10,000 บาท ทำให้จำเลยที่ 1 หลงเข้าใจผิดว่ายังไม่มีสัญญาจ้างว่าความให้ตน จึงยอมทำสัญญาจ้างโจทก์ให้ว่าความอีกเป็นเงิน 25,000 บาท หากโจทก์บอกความจริง จำเลยที่ 1 ก็คงไม่ยอมทำสัญญาให้อีก ถือว่าเป็นกลฉ้อฉลที่มีสาระสำคัญถึงขนาดสัญญาจ้างว่าความที่จำเลยที่ 1 ทำไว้ตกเป็นโมฆียะกรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 121,124 จำเลยที่ 1 มีสิทธิบอกล้างได้ และเมื่อจำเลยที่ 1 บอกล้างโมฆียะกรรมยังไม่พ้นหนึ่งปีนับแต่วันที่ทราบถูกโจทก์ทำกลฉ้อฉล สัญญาจ้างว่าความดังกล่าวจึงตกเป็นโมฆะมาแต่เริ่มแรกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 137, 138 ทำให้โจทก์กับจำเลยที่ 1 ไม่มีนิติสัมพันธ์ต่อกันตามสัญญานั้นโจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระหนี้ค่าจ้างว่าความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1502/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขยายกำหนดเวลาไถ่ขายฝากขัดต่อกฎหมาย เป็นโมฆะ แม้มีข้อตกลงให้ซื้อคืน
โจทก์จดทะเบียนขายฝากที่พิพาทแก่จำเลย ก่อนครบกำหนดไถ่ถอนโจทก์จำเลยทำสัญญากันว่า โจทก์ยืมเงินจำเลยจำนวนหนึ่ง โจทก์ขอต่อสัญญาขายฝากออกไปอีก 5 เดือน จำเลยจะไม่ขายที่ดินแปลงที่ขายฝากให้แก่ผู้หนึ่งผู้ใด ถ้าโจทก์นำเงินจำนวนดังกล่าวมาชำระ จำเลยจะโอนให้จะไม่คิดเกินราคาในสัญญานี้ ต่อมาโจทก์จำเลยทำสัญญากันอีกว่า โจทก์ได้นำเงินมาชำระให้จำเลยส่วนหนึ่ง ขอต่อสัญญาไปอีก ดังนี้ ข้อตกลงตามหนังสือสัญญาทั้งสองฉบับดังกล่าวเป็นการขยายกำหนดเวลาไถ่ มิใช่เป็นคำมั่นว่าจำเลยตกลงจะขายที่พิพาทคืนให้โจทก์ จึงเป็นโมฆะเพราะขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 496

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1502/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขยายกำหนดเวลาไถ่ขายฝากขัดต่อกฎหมาย และสัญญานั้นเป็นโมฆะ
โจทก์จดทะเบียนขายฝากที่พิพาทแก่จำเลย ก่อนครบกำหนดไถ่ถอนโจทก์จำเลยทำสัญญากันว่า โจทก์ยืมเงินจำเลยจำนวนหนึ่ง โจทก์ขอต่อสัญญาขายฝากออกไปอีก 5 เดือน จำเลยจะไม่ขายที่ดินแปลงที่ขายฝากให้แก่ผู้หนึ่งผู้ใด ถ้าโจทก์นำเงินจำนวนดังกล่าวมาชำระจำเลยจะโอนให้จะไม่คิดเกินราคาในสัญญานี้ ต่อมาโจทก์จำเลยทำสัญญากันอีกว่าโจทก์ได้นำเงินมาชำระให้จำเลยส่วนหนึ่ง ขอต่อสัญญาไปอีก ดังนี้ข้อตกลงตามหนังสือสัญญากู้ทั้งสองฉบับดังกล่าวเป็นการขายกำหนดเวลาไถ่ มิใช่เป็นคำมั่นว่าจำเลยตกลงจะขายที่พิพาทคืนให้โจทก์จึงเป็นโมฆะเพราะขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 496

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1252/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญากู้ยืมเงินไม่ลงวันที่ ไม่ทำให้สัญญาเป็นโมฆะ หากมีหลักฐานชัดเจนถึงการกู้ยืมและลงลายมือชื่อผู้กู้
แม้ในสัญญากู้ยืมเงินจะไม่ได้ลงวันที่ที่กู้ยืมไว้ แต่ก็มีข้อความชัดเจนว่าผู้กู้ได้กู้เงินไปและได้ลงลายมือชื่อผู้กู้เป็นสำคัญไว้แล้ว จึงเป็นหลักฐานการกู้ยืมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 ผู้ให้กู้ใช้ฟ้องร้องบังคับคดีได้ไม่มีกฎหมายบังคับ เรื่องแบบการทำสัญญากู้เงินไว้แต่อย่างใด สัญญากู้เงินนี้ไม่เป็นโมฆะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1123/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้รับขนส่งต่อความเสียหายของสินค้า และข้อจำกัดความรับผิดที่เป็นโมฆะ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า สินค้าเครื่องไม้แกะสลักที่จ้างจำเลยขนส่งมี 74 รายการ รายละเอียดตามบัญชีท้ายฟ้องราคารวม 166,731 บาท เมื่อรถพลิกคว่ำเพราะความประมาทเลินเล่อของคนขับ จำเลยคืนสินค้าให้โจทก์ตามบัญชีท้ายฟ้อง รวมราคา 63,420 บาท สินค้าเสียหายเป็นราคารวมทั้งสิ้น 103,311 บาท บัญชีท้ายฟ้องได้ระบุจำนวน ชนิด ขนาดของสินค้าไว้ชัดเจน ดังนี้ เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามกฎหมายแล้วไม่จำต้องกล่าวถึงว่าราคาสินค้าเครื่องไม่แกะสลักแต่ละรายการนั้นเท่าใด เพราะเป็นรายละเอียดซึ่งต้องนำสืบกันในชั้นพิจารณา
จำเลยได้รับขนสินค้าของโจทก์ถึงแม้จำเลยผู้ตกลงรับขนส่งสินค้าไม้มอบหมาย ให้ พ.บรรทุกสินค้าของโจทก์โดยรถยนต์ของ พ.เอง ก็เป็นเรื่องรับจ้างขนส่งอีกทอดหนึ่ง จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ในความเสียหายในความเสียหายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 617
กรณีที่ใบรับสินค้าของจำเลยมีข้อความจำกัดความรับผิดว่าจะชดใช้ค่าเสียหายไม่เกิน 500 บาทนั้น เมื่อไม่ได้ความว่าโจทก์ได้ตกลงด้วยชัดแจ้ง ข้อจำกัดความรับผิดดังกล่าวจึงเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 625

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญากู้ที่ขัดต่อกฎกระทรวงบริษัทประกันชีวิตเป็นโมฆะ ผู้กู้ต้องคืนเงิน แม้ฟ้องเรียกทรัพย์คืนได้
กฎกระทรวงฉบับที่ 5 ออกตามความในพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. 2510 ข้อ 7 ว่า "การให้กู้ยืมแก่พนักงานของบริษัทโดยมีผู้ค้ำประกันนั้น บริษัทจะให้กู้ยืมได้ไม่เกินร้อยละสองของราคาสินทรัพย์ของบริษัทตามบัญชีงบดุลที่มีอยู่ในวันสิ้นปีบัญชีครั้งสุดท้าย จำนวนที่ให้กู้ยืมแต่ละรายต้องไม่เกินหกเท่าของจำนวนเงินเดือนที่พนักงานผู้นั้นได้รับจากบริษัทในเดือนสุดท้ายก่อนที่จะให้กู้ยืม และไม่เกินสองหมื่นบาท..............." ฉะนั้น การที่บริษัทโจทก์ให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นพนักงานของบริษัทโจทก์กู้ยืมเงินเป็นจำนวนเงิน 30,000 บาท จึงขัดต่อกฎกระทรวงดังกล่าว สัญญากู้ระหว่างบริษัทโจทก์และจำเลยจึงมีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย เป็นโมฆะ ไม่มีผลบังคับ จำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกันจึงไม่ต้องรับผิดด้วย แต่จำเลยที่ 1 รับเงินไว้โดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ และเป็นการทำให้โจทก์เสียเปรียบ จำเลยที่ 1 จึงต้องคืนให้โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1069/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หลักฐานรายชื่อผู้ถือหุ้นจากรายงานการประชุมบริษัทที่ราชการรับรองมีผลผูกพัน การโอนหุ้นไม่สมบูรณ์เป็นโมฆะ
สำเนารายชื่อผู้ถือหุ้นตามรายงานการประชุมตั้งบริษัทซึ่งทางราชการรับรองและส่งมาในคดี ถือว่าแท้จริงรับฟังได้
ผู้ถือหุ้นอ้างว่าโอนหุ้นระบุชื่อแล้ว แต่ไม่ทำตาม มาตรา 1129 เป็นโมฆะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญากู้ที่ขัดต่อกฎกระทรวงออกตาม พ.ร.บ.ประกันชีวิตเป็นโมฆะ ผู้กู้ต้องคืนเงิน
กฎกระทรวงฉบับที่ 5 ออกตามความในพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ.2510 ข้อ 7 ว่า 'การให้กู้ยืมแก่พนักงานของบริษัทโดยมีผู้ค้ำประกันนั้น บริษัทจะให้กู้ยืมได้ไม่เกินร้อยละ สองของราคาสินทรัพย์ของบริษัทตามบัญชีงบดุลที่มีอยู่ในวันสิ้นปีบัญชีครั้งสุดท้าย จำนวนเงินที่ให้กู้ยืมแต่ละรายต้องไม่เกินหกเท่าของจำนวนเงินเดือนที่พนักงานผู้นั้นได้รับจากบริษัทในเดือนสุดท้ายก่อนเดือนที่จะให้กู้ยืม และไม่เกินสองหมื่นบาท ' ฉะนั้น การที่บริษัทโจทก์ให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นพนักงานของบริษัทโจทก์กู้ยืมเงินเป็นจำนวนเงิน 30,000 บาท นั้น จึงขัดต่อกฎกระทรวงดังกล่าว สัญญากู้ระหว่างบริษัทโจทก์และจำเลยจึงมีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย เป็นโมฆะ ไม่มีผลบังคับ จำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกันจึงไม่ต้องรับผิดด้วยแต่จำเลยที่ 1 รับเงินไว้โดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ และเป็นการทำให้โจทก์เสียเปรียบ จำเลยที่ 1 จึงต้องคืนให้โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 816/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้กู้ยืมเงิน ดอกเบี้ยเกินอัตราและทบต้นเป็นโมฆะ ส่วนที่สมบูรณ์บังคับได้
จำเลยอ้างว่าชำระหนี้เงินกู้ให้โจทก์แล้วบางส่วน และโจทก์ออกใบรับให้แต่ต่อมาปลวกขึ้นบ้านจำเลยกับใบรับนั้นเสีย ดังนี้จำเลยนำพยานบุคคลมาสืบได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93(2)
จำเลยกู้เงินให้โจทก์ไปจริงเพียง 2,000 บาท ซึ่งจำเลยชำระแล้ว 1,000 บาท ส่วนอีก 2,420 บาทเป็นดอกเบี้ยล่วงหน้าที่โจทก์เรียกเกินอัตรา และคิดดอกเบี้ยทบต้นโดยมิได้มีการตกลงเป็นหนังสือต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 654, 655 ดังนั้นดอกเบี้ยดังกล่าว จึงเป็นหนี้ที่ไม่สมบูรณ์ ตกเป็นโมฆะ ส่วนหนี้เงินต้นที่ยังคงค้างชำระอยู่อีก 1,000 บาท นั้นยังคงสมบูรณ์อยู่ สัญญากู้ไม่เป็นโมฆะทั้งฉบับ ในส่วนที่สมบูรณ์โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องบังคับได้ และมีสิทธิได้รับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะชำระเงินเสร็จ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 634/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดอกเบี้ยเกินอัตราทำให้เช็คที่ออกชำระดอกเบี้ยนั้นเป็นโมฆะ ผู้สั่งจ่ายจึงไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าโจทก์ร่วมได้เรียกร้องเอาดอกเบี้ยจากเงินที่โจทก์ร่วมนำมาให้จำเลยยืมไปลงทุนค้าพลอย โดยคิดดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่บัญญัติไว้ในกฎหมาย อันเป็นความผิดอาญาตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ย เกินอัตรา พ.ศ.2475 และจำเลยได้ออกเช็คให้โจทก์ร่วมเพื่อชำระเงินดอกเบี้ยดังกล่าว โจทก์ร่วมย่อมไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องบังคับให้ใช้เงินจำนวนตามเช็คนั้นซึ่งมีมูลหนี้โดยผิดฎกหมายได้ จำเลยจึงไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497 แม้ขณะที่ออกเช็คนั้นจำเลยจะไม่มีเงินอยู่ในบัญชีพอที่จะจ่ายเงินจำนวนตามเช็คนั้น (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1291/2505)
of 132