คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ทำร้ายร่างกาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,834 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 46/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายเล็กน้อย (ตบปาก) ไม่ถึงขั้นทำให้เกิดอันตรายต่อจิตใจ ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295
จำเลยตบปากโจทก์ 2 ครั้ง ต่อหน้าคนประมาณ 60 คน ไม่มีบาดแผล เป็นแต่ริมฝีปากบนบวมใช้เวลารักษา 3 วัน บาดแผลของโจทก์ดังกล่าวไม่เป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่จิตใจของโจทก์ เหตุที่ให้เกิดอันตรายแก่จิตใจต้องขึ้นอยู่กับการกระทำของจำเลย ประกอบบาดแผลของโจทก์ผู้ถูกทำร้าย มิได้ขึ้นกับความรู้สึกของโจทก์ว่าเป็นการหยามน้ำใจต่อหน้าคนทั้งปวง หรือเป็นการทำร้ายจิตใจให้เกิดความหวาดหวั่นระแวงอยู่ตลอดเวลา การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 46/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายเล็กน้อย ไม่ถึงขั้นทำให้เกิดอันตรายต่อจิตใจ ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295
จำเลยตบปากโจทก์ 2 ครั้ง ต่อหน้าคนประมาณ 60 คนไม่มีบาดแผล เป็นแต่ริมฝีปากบนบวมใช้เวลารักษา 3 วัน บาดแผลของโจทก์ดังกล่าวไม่เป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่จิตใจของโจทก์ เหตุที่ให้เกิดอันตรายแก่จิตใจต้องขึ้นอยู่กับการกระทำของจำเลย ประกอบบาดแผลของโจทก์ผู้ถูกทำร้าย มิได้ขึ้นกับความรู้สึกของโจทก์ว่าเป็นการหยามน้ำใจต่อหน้าคนทั้งปวง หรือเป็นการทำร้ายจิตใจให้เกิดความหวาดหวั่นระแวงอยู่ตลอดเวลา การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2661/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย แม้เกิดจากบันดาลโทสะ แต่การลงมือโดยเจตนาและใช้อาวุธอันตราย ถือเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่น
กรณีเกิดจากเป็นปากเสียงแล้วบันดาลโทสะสมัครใจวิวาทจะเข้าทำร้ายกันและจำเลยเป็นฝ่ายลงมือแทงผู้ตายแล้ววิ่งหนีถือไม่ได้ว่าจำเลยกระทำไปเพื่อป้องกันตัว
การที่จำเลยใช้มีดพับสปริงปลายแหลมยาว 1 คืบ เป็นอาวุธแทงตรงๆ ไปที่หน้าอกของผู้ตาย บาดแผลรอยแทงยาว 2.51 เซนติเมตร ลึก 8 เซนติเมตร ทะลุปอดและเส้นเลือดแดงใหญ่ที่หัวใจ แสดงว่าจำเลยแทงไปโดยแรงตรงส่วนสำคัญของร่างกายโดยสำนึกและย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำของจำเลยได้ว่าเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายได้ จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2546/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธปืนแต่ไม่ถึงแก่ชีวิต
ใช้อาวุธปืนตีเป็นแผลถลอกที่ข้อมือ ไม่มีรอยฟกช้ำ เขียวหรือบวมหรืออาการแสดงว่าเป็นแผลแตกโลหิตตก รักษา 5 วันหาย ไม่เป็นอันตรายแก่กาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2406-2408/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดของเจ้าพนักงานตำรวจที่ข่มขืนใจกรรโชกทรัพย์และทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย
เจ้าพนักงานตำรวจได้ข่มขืนใจผู้เสียหายให้มอบเงินแก่ตน 500 บาทโดยกล่าวหาว่าเล่นการพนัน เมื่อผู้เสียหายขอให้เพียง 100 บาทก็ไม่พอใจ ทำร้ายผู้เสียหายและแกล้งจับโดยไม่มีอำนาจนำไปส่งสถานีตำรวจเช่นนี้ เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148, 337 วรรค 2, 309 วรรค 2 และ 295 โดยสำหรับความผิดต่อเสรีภาพตามมาตรา 309 และความผิดฐานกรรโชกตามมาตรา 337 นั้น ผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้นแล้ว แม้จะยอมไม่เต็มตามที่ถูกเรียกร้องก็เป็นความผิดสำเร็จ ส่วนความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามมาตรา 148 เพียงแต่ผู้กระทำผิดมีเจตนาจะให้เขาส่งมอบทรัพย์สินให้ ก็เป็นความผิดสำเร็จแล้ว แม้ผู้ถูกข่มขืนใจจะไม่ยอมตามนั้นก็ตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2197/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายทำให้เสียโฉม ไม่ถึงเจตนาฆ่า พิจารณาจากลักษณะบาดแผล
จำเลยที่ 2 ใช้มีด (มีดพร้า) ฟันโจทก์ร่วมที่แก้มซ้ายเพียงครั้งเดียว จนบาดแผลที่หายกลายเป็นแผลเป็นเริ่มที่ใต้ใบหูท่อนล่างยาวพาดตามข้างแก้มซ้ายลงไปถึงคอยาวประมาณ 16 เซนติเมตร ลักษณะบาดแผลเป็นสันนูนกว้างประมาณครึ่งเซนติเมตร สูงประมาณครึ่งเซนติเมตร มองเห็นได้ในระยะ 5 เมตร ฟังได้ว่าทำให้รูปหน้าเสียโฉมอย่างติดตัว จากลักษณะบาดแผลดังกล่าวแสดงว่าจำเลยที่ 2 มิได้ฟันโจทก์ร่วมอย่างแรง จึงปรากฏปากแผลกว้างลึกถึงใต้ผิวหนังเท่านั้น กรณีฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาฆ่า แต่เป็นการทำร้ายโจทก์ร่วมบาดเจ็บสาหัส

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2197/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้ายร่างกายทำให้เกิดแผลเป็นถาวร ไม่ถึงเจตนาฆ่า
จำเลยที่ 2 ใช้มีด (มีดพร้า) ฟันโจทก์ร่วมที่แก้มซ้ายเพียงครั้งเดียวจนบาดแผลที่หายกลายเป็นแผลเป็นที่เริ่มที่ใต้ใบหูท่อนล่างยาวพาดตามข้างแก้มซ้ายลงไปถึงคอยาวประมาณ 16 เซนติเมตร ลักษณะแผลเป็นสันนูนกว้างประมาณครึ่งเซนติเมตร สูงประมาณครึ่งเซนติเมตร มองเห็นได้ในระยะ 5 เมตรฟังได้ว่าทำให้รูปหน้าเสียโฉมอย่างติดตัว จากลักษณะบาดแผลดังกล่าวแสดงว่าจำเลยที่ 2 มิได้ฟันโจทก์ร่วมอย่างแรง จึงปรากฏปากแผลกว้างลึกถึงใต้ผิวหนังเท่านั้น กรณีฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาฆ่า แต่เป็นการทำร้ายโจทก์ร่วมบาดเจ็บสาหัส

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2154/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงเพื่อป้องกันตัวที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากเป็นผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายก่อน การกระทำต่อเนื่องเป็นเหตุผลลบล้าง
จำเลยกับพวกอีกคนหนึ่งเข้ามากลุ้มรุมชกต่อยผู้เสียหายกับพวกที่ใต้ถุนเรือนแล้วออกวิ่งหนี ผู้เสียหายกับพวกไล่ตามไป จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกัน เพราะจำเลยกับพวกเป็นฝ่ายก่อเรื่องก่อน การที่ผู้เสียหายกับพวกไล่ตามจำเลยไป แล้วจำเลยยิงผู้เสียหาย เป็นเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องจากการกระทำผิดครั้งแรกของจำเลยกับพวกยังไม่ขาดตอน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2154/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดต่อเนื่อง: การกลุ้มรุมทำร้ายแล้วยิงไม่ถือเป็นการป้องกันตัว
จำเลยกับพวกอีกหนึ่งคนเข้ามากลุ้มรุมชกต่อยผู้เสียหายกับพวกที่ใต้ถุนเรือนแล้วออกวิ่งหนี ผู้เสียหายกับพวกไล่ตามไป จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกัน เพราะจำเลยกับพวกเป็นฝ่ายก่อเรื่องก่อน การที่ผู้เสียหายกับพวกไล่ตามจำเลยไป แล้วจำเลยยิงผู้เสียหาย เป็นเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องจากการกระทำผิดครั้งแรกของจำเลยกับพวกยังไม่ขาดตอน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2092/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุหย่า: คำพูดประชดประชัน, ทำร้ายร่างกายเล็กน้อย, ข่มขู่ไม่ร้ายแรง ไม่เป็นเหตุให้หย่า
คำกล่าวประชดประชัน ไม่ทำให้ผู้ใดเข้าใจผิด ไม่เป็นหมิ่นประมาทที่จะถือเป็นเหตุหย่า
บาดแผลชกต่อยเป็นรอยช้ำเลือดที่แขน 7 แห่ง เท่าลูกมะนาว 7 วันหาย ไม่ถึงอันตรายแก่กายตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ไม่เป็นเหตุหย่า
ขู่ว่าจะให้จิ๊กโก๋ลากตัวกลับบ้าน ไม่ถือเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยาอย่างร้ายแรง
of 184