คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ฟ้องซ้ำ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,459 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 728/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ห้ามฟ้องคดีซ้ำเรื่องเดียวกัน แม้สิทธิฟ้องยังไม่ระงับ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173
เดิมโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญากล่าวหาว่าจำเลยเป็นพนักงานสอบสวน ได้ละเว้นการสอบสวนดำเนินคดีที่โจทก์กล่าวหา ร.กับพวกทำร้ายร่างกายโจทก์ คือเปรียบเทียบปรับ ร.โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพื่อช่วยเหลือ ร.ให้ได้รับโทษน้อยลง ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งประทับฟ้อง ในระหว่างสืบพยานโจทก์ โจทก์ได้ขอเพิ่มเติมฟ้อง แต่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาต โจทก์จึงมาฟ้องเป็นคดีใหม่ ซึ่งข้อหาเป็นความผิดเรื่องเดียวกัน ดังนี้ แม้สิทธิการฟ้องคดีของโจทก์ยังมิได้ระงับไปก็ตาม หากโจทก์ได้ใช้สิทธินั้นฟ้องคดีแล้ว โจทก์ย่อมจะฟ้องเรื่องเดียวกันซ้อนเข้ามาอีกหาได้ไม่ เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173 วรรคสอง (1) ซึ่งนำมาใช้บังคับในคดีอาญาได้
(อ้างฎีกาที่ 298-299/2510)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 728/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำคดีอาญาเดิม ศาลยกฟ้องตามหลักประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 173
โจทก์ฟ้องจำเลยว่าเปรียบเทียบปรับ ร. โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเพื่อช่วย ร. ให้รับโทษน้อยลง คดีแรกโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยขัดข้องไม่ส่งสำนวนการสอบสวนต่อศาล คดีหลัง โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยเปรียบเทียบปรับโดยไม่มีอำนาจ คดีหลังนี้โจทก์ฟ้องระหว่างที่ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีแรก ดังนี้ อนุโลมใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 172 ได้ เป็นฟ้องซ้อน ศาลไม่รับฟ้องคดีหลัง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 580/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 กรณีเรียกค่าเสียหายจากประกันภัยอุบัติเหตุรายเดียวกัน
โจทก์เอาประกันภัยรถยนต์ไว้กับจำเลย สำหรับความเสียหายอันเกิดแก่ทรัพย์สินของบุคคลอื่นโดยรถยนต์นั้น ในวงเงินไม่เกิน 50,000 บาท ต่อมาลูกจ้างโจทก์ขับรถยนต์ดังกล่าวชนผู้อื่นบาดเจ็บและเสียชีวิตหลายคน โจทก์ถูกผู้เสียหายฟ้องและได้ใช้ค่าเสียหายไปแล้วบางราย โจทก์จึงฟ้องให้จำเลยชำระเงินค่าเสียหายที่โจทก์จ่ายไปแล้ว ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน จำเลยยอมใช้เงินให้โจทก์ 29,000 บาท คดีถึงที่สุด โจทก์มาฟ้องให้จำเลยรับผิดสำหรับค่าเสียหายที่โจทก์จ่ายให้แก่ผู้เสียหายที่ถูกรถของโจทก์ชนเป็นคดีนี้อีก ดังนี้ แม้จำนวนเงินค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องในคดีนี้บางส่วนจะเป็นเงินที่โจทก์ชำระให้แก่ผู้เสียหายต่างรายกันกับผู้เสียหายในคดีก่อนก็ตาม แต่ก็เป็นคดีที่โจทก์ฟ้องเรียกเงินชดใช้ตามกรมธรรม์ ซึ่งมีประเด็นวินิจฉัยอย่างเดียวกันว่าโจทก์มีสิทธิเรียกให้จำเลยชดใช้เงินได้เพียงไรหรือไม่ และศาลต้องวินิจฉัยถึงความรับผิดของจำเลยโดยอาศัยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอุบัติเหตุรายเดียวกัน อาศัยกรมธรรม์ฉบับเดียวกัน ฟ้องของโจทก์ในคดีนี้จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 580/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: คดีเรียกค่าชดใช้ตามกรมธรรม์ประกันภัยจากอุบัติเหตุเดียวกัน แม้ผู้เสียหายต่างรายกัน ก็เป็นฟ้องซ้ำตามมาตรา 148
โจทก์เอาประกันภัยรถยนต์ไว้กับจำเลย สำหรับความเสียหายอันเกิดแก่ทรัพย์สินของบุคคลอื่นโดยรถยนต์นั้น ในวงเงินไม่เกิน 50,000 บาทต่อมาลูกจ้างของโจทก์ขับรถยนต์ดังกล่าวชนผู้อื่นบาดเจ็บและเสียชีวิตหลายคน โจทก์ถูกผู้เสียหายฟ้องและได้ใช้ค่าเสียหายไปแล้วบางรายโจทก์จึงฟ้องให้จำเลยชำระเงินค่าเสียหายที่โจทก์จ่ายไปแล้ว ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน จำเลยยอมใช้เงินให้โจทก์ 29,000 บาท คดีถึงที่สุด โจทก์มาฟ้องให้จำเลยรับผิดสำหรับค่าเสียหายที่โจทก์จ่ายให้แก่ผู้เสียหายที่ถูกรถของโจทก์ชนเป็นคดีนี้อีก ดังนี้ แม้จำนวนเงินค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องในคดีนี้บางส่วนจะเป็นเงินที่โจทก์ชำระให้แก่ผู้เสียหายต่างรายกันกับผู้เสียหายในคดีก่อนก็ตามแต่ก็เป็นคดีที่โจทก์ฟ้องเรียกเงินชดใช้ตามกรมธรรม์ ซึ่งมีประเด็นวินิจฉัยเป็นอย่างเดียวกันว่าโจทก์มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชดใช้เงินได้เพียงไรหรือไม่ และศาลต้องวินิจฉัยถึงความรับผิดของจำเลยโดยอาศัยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอุบัติเหตุรายเดียวกัน อาศัยกรมธรรม์ฉบับเดียวกัน ฟ้องของโจทก์ในคดีนี้จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 365/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ-สภาพแห่งข้อหาต่างกัน แม้คำขอบังคับเหมือนกัน ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คดีแรก โจทก์ฟ้องจำเลยกล่าวอ้างว่าจำเลยใช้หนังสือมอบอำนาจฉบับปลอมไปทำการโอนที่พิพาทเป็นของจำเลย คดีนี้ โจทก์ฟ้องอ้างว่าหลังจากฟ้องคดีแรกแล้วโจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน โดยจำเลยตกลงโอนที่พิพาทให้โจทก์ โจทก์ยอมยกหนี้สินให้จำเลยและยอมถอนฟ้องคดีที่โจทก์ฟ้องจำเลยอยู่ โจทก์ปฏิบัติตามสัญญาแล้ว แต่จำเลยไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง สภาพแห่งข้อหาของโจทก์ทั้งสองคดีจึงต่างกัน แม้คำขอบังคับจะเป็นการให้จำเลยโอนที่พิพาทให้โจทก์เช่นเดียวกัน ก็มิใช่คำฟ้องเรื่องเดียวกัน ฟ้องของโจทก์ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 365/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ-สัญญาประนีประนอม: แม้คำขอบังคับเหมือนกัน แต่สภาพแห่งข้อหาต่างกัน ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คดีแรกโจทก์ฟ้องจำเลยกล่าวอ้างว่า จำเลยใช้หนังสือมอบอำนาจฉบับปลอมไปทำการโอนที่พิพาทเป็นของจำเลยคดีหลังโจทก์อ้างว่าหลังจากฟ้องคดีแรกแล้ว โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยจำเลยตกลงโอนที่พิพาทให้โจทก์ โจทก์ยอมยกหนี้สินให้จำเลยและยอมถอนฟ้องคดีที่โจทก์ฟ้องจำเลยอยู่ โจทก์ปฏิบัติตามสัญญาแล้วแต่จำเลยไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง ดังนี้ สภาพแห่งข้อหาของโจทก์ทั้งสองคดีจึงต่างกัน แม้คำขอบังคับจะเป็นการให้จำเลยโอนที่พิพาทให้โจทก์เช่นเดียวกัน ก็มิใช่คำฟ้องเรื่องเดียวกัน ฟ้องของโจทก์คดีหลังไม่ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา173

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2937/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: การเรียกร้องค่าเสียหายจากการละเมิดเดิมที่มิได้ฟ้องในคดีเดิม
เดิม ป. ฟ้องขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหายสำหรับปี พ.ศ. 2511 คดีถึงที่สุด ศาลฎีกาพิพากษาขับไล่จำเลยและให้ใช้ค่าเสียหาย อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาปี 2516 แล้ว ป. ตาย โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของ ป. ยื่นฟ้องจำเลยเรียกค่าเสียหายในการละเมิดดังกล่าวตั้งแต่ปี พ.ศ. 2512 ถึงปี พ.ศ. 2516 ดังนี้ เมื่อการละเมิดตามฟ้องเกิดขึ้นและติดต่อกันมาตั้งแต่คดีเดิม ป. มีทางเรียกร้องในคดีเดิมอยู่แล้ว แต่ไม่เรียกร้อง จึงเป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2937/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: การละเมิดต่อเนื่องจากคดีเดิม ผู้จัดการมรดกไม่อาจฟ้องเรียกค่าเสียหายเพิ่มเติมได้
เดิม ป. ฟ้องขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหายสำหรับปี พ.ศ.2511 คดีถึงที่สุด ศาลฎีกาพิพากษาขับไล่จำเลยและให้ใช้ค่าเสียหาย อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาปี 2516 แล้ว ป. ตาย โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของ ป. ยื่นฟ้องจำเลยเรียกค่าเสียหายในการละเมิดดังกล่าวตั้งแต่ปี พ.ศ. 2512 ถึงปี พ.ศ. 2516ดังนี้ เมื่อการละเมิดตามฟ้องเกิดขึ้นและติดต่อกันมาตั้งแต่คดีเดิม ป. มีทางเรียกร้องให้คดีเดิมอยู่แล้ว แต่ไม่เรียกร้อง จึงเป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2811/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: การฟ้องแย้งกรรมสิทธิ์ที่ดินหลังประนีประนอมยอมความแล้ว
จำเลยที่ 1 ฟ้องภริยาโจทก์เรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดิน โจทก์ยินยอมให้ภริยาโจทก์ฟ้องแย้งจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 กับภริยาโจทก์ประนีประนอมยอมความกันในคดีนั้น ศาลพิพากษาตามยอม โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ขอให้แสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินรายเดียวกันอีกไม่ได้ เป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 249/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำในประเด็นกรรมสิทธิ์ที่ดินที่เคยมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว แม้ผู้รับมรดกเปลี่ยนไป
ช. ฟ้อง ค. ขอแบ่งที่ดินพิพาทคนละครึ่ง ศาลพิพากษาให้แบ่งที่ดินแก่ ช. และ ค. เท่าที่ครอบครองอยู่เป็นส่วนสัด คดีถึงที่สุดแล้ว ช. และ ค. ถึงแก่กรรม โจทก์ซึ่งเป็นทายาทและผู้จัดการมรดกของ ช. มาฟ้องจำเลยซึ่งเป็นทายาทผู้รับมรดกของ ค. ให้แบ่งที่ดินพาทคนละครึ่งอีก โดยอ้างว่า ช. มีกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทร่วมกับ ค. มิได้กล่าวอ้างสิทธิของตนเองต่างหากจาก ข. ดังนี้ ทั้งโจทก์และจำเลยจึงเป็นผู้สืบสิทธิในที่พิพาทมาจาก ช. และ ค. ฟ้องของโจทก์จึงเป็นการรื้อฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุเดียวกันกับคดีก่อนซึ่งถึงที่สุดแล้ว เป็นฟ้องซ้ำ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
ในคดีก่อน เหตุที่ยังมิได้มีการแบ่งแยกที่พิพาทตามคำพิพากษาก็เนื่องจาก ช. มิได้นำโฉนดที่ดินไปมอบต่อเจ้าพนักงานที่ดิน จึงทำให้การรังวัดที่ดินขัดข้อง ไม่ใช่กรณีที่ ค. มิได้บังคับให้ ช. ปฏิบัติตามคำพิพากษาภายใน 10 ปี ดังนั้น แม้จะล่วงพ้นเวลา 10 ปีแล้ว แต่การแบ่งแยกที่พิพาทยังไม่เสร็จ ก็หาทำให้คำพิพากษาในคดีเดิมสิ้นผลบังคับไปไม่
of 146