พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,473 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2403/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดุลพินิจศาลในการกำหนดโทษคดียาเสพติด: พิจารณาปริมาณของกลางและผลกระทบต่อสังคม
ในการกำหนดโทษจำเลยในคดีใด ย่อมเป็นอำนาจของศาลที่จะใช้ดุลพินิจพิจารณากำหนดโทษในแต่ละคดีเป็นคดีไป ทั้งนี้ นอกจากจะพิจารณาเรื่องปริมาณมากน้อยของยาเสพติดให้โทษของกลางประกอบพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ยังต้องคำนึงถึงผลเสียหายที่เกิดจากการกระทำความผิดของจำเลยประกอบด้วย ซึ่งในสภาพของบ้านเมืองในปัจจุบัน ปัญหาเกี่ยวกับการแพร่ระบาด ของยาเสพติดให้โทษชนิดนี้ก่อให้เกิดผลเสียหายอย่างร้ายแรงแก่สังคมทั่วไป เฮโรอีนของกลางคดีนี้ก็มีปริมาณมาก ซึ่งอาจแบ่งขายออกเป็นหลอดเล็กให้แก่ผู้ที่เสพติดได้เป็นจำนวนมากมาย การใช้ดุลพินิจลงโทษจำคุกตลอดชีวิตจึงเหมาะสมแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2397/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งกัญชาเพื่อจำหน่ายเป็นการผลิตตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดฯ เป็นกรรมเดียวผิดหลายบท
การที่จำเลยทั้งสองกับพวกได้ แบ่งกัญชาห่อกระดาษหนังสือพิมพ์และแบ่งใส่ถุงพลาสติกนั้น เป็นการผลิตกัญชาตาม ความหมายของพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4 แต่ เมื่อกัญชาดังกล่าวเป็นจำนวนเดียว กันกับกัญชาที่จำเลยทั้งสองกับพวกมีไว้เพื่อจำหน่าย การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2070/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดร้ายแรง แม้จะรับสารภาพและลดโทษแล้ว ศาลฎีกาไม่รอการลงโทษ
จำเลยกระทำความผิดถึง 2 กระทง คือจำหน่ายกัญชาซึ่ง เป็นยาเสพติดให้โทษและมีกัญชาไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายการกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นภัยต่อ สังคมอย่าง ร้ายแรง แม้กัญชาทั้งหมดจะมีน้ำหนักเพียง 5 กรัมและแม้จำเลยจะให้การรับสารภาพ ก็ไม่มีเหตุสมควรรอการลงโทษจำคุกให้จำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2052/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้าม เนื่องจากเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่แก้ไขเฉพาะอัตราโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 6 เดือน ฐานจำหน่ายกัญชา จำคุก 2 เดือนโจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 1 ปี ฐานจำหน่ายกัญชาจำคุก 1 ปี โดยพิพากษาแก้เฉพาะอัตราโทษ ส่วนบทลงโทษคงเดิมเพียงแต่ระบุวรรคให้ชัดเจน เป็นการแก้ไขเล็กน้อย จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก
จำเลยฎีกาว่า จำเลยมีกัญชาไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเท่านั้น ไม่ได้มีไว้เพื่อจำหน่าย กับขอให้รอการลงโทษจำเลย เป็นการฎีกาโต้เถียงในข้อเท็จจริง
จำเลยฎีกาว่า จำเลยมีกัญชาไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเท่านั้น ไม่ได้มีไว้เพื่อจำหน่าย กับขอให้รอการลงโทษจำเลย เป็นการฎีกาโต้เถียงในข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2052/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้าม: โต้เถียงข้อเท็จจริงเรื่องเจตนาครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย หลังศาลชั้นต้นและอุทธรณ์พิพากษา
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 4678267576102 ที่แก้ไขแล้ว ลงโทษฐาน มีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 1 ปี ฐาน จำหน่าย กัญชา จำคุก4 เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตาม ป.อ. มาตรา 78 คงจำคุก 8 เดือนศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะ อัตราโทษ ส่วนบทลงโทษคงเดิม เพียงระบุวรรคให้ชัดเจนขึ้นเท่านั้น และจำคุกจำเลยมีกำหนด 2 ปี เป็นการ แก้ไขเล็กน้อย ต้องห้าม ฎีกาปัญหาข้อเท็จจริง ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคแรก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2052/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้าม: การโต้เถียงข้อเท็จจริงในคดีครอบครองและจำหน่ายยาเสพติด
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 6 เดือน ฐานจำหน่ายกัญชา จำคุก 2 เดือน โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะอัตราโทษ ให้ลงโทษจำเลยฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 1 ปี ฐานจำหน่ายกัญชาจำคุก 1 ปี ส่วนบทลงโทษคงเดิมเพียงแต่ระบุวรรคให้ชัดเจนขึ้นเท่านั้นเป็นการแก้ไขเล็กน้อย จำเลยฎีกาว่าจำเลยมีกัญชาไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่ได้มีไว้เพื่อจำหน่าย กับขอให้รอการลงโทษ เป็นการฎีกาโต้เถียงในข้อเท็จจริง ย่อมต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรกศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 809/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำในความผิดร่วมกัน: การกระทำความผิดกรรมเดียวกัน แม้แบ่งหน้าที่ซุกซ่อนยาเสพติด
จำเลยทั้งสองร่วมกันนำเฮโรอีนออกนอกประเทศ โดยจำเลยที่ 1พกติดตัวไป 3 ก้อน จำเลยที่ 2 พกติดตัวไป 9 ก้อน จำเลยทั้งสองนั่งรถแท็กซี่คันเดียวกันไปยังท่าอากาศยานกรุงเทพเพื่อเดินทางออกนอกประเทศโดยเครื่องบินลำเดียวกัน ทั้งสองคนถูกจับในเวลาไล่เลี่ยกันขณะอยู่ห่างกัน 40 เมตร ดังนี้ การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการร่วมกันกระทำผิดในกรรมเดียวกัน เมื่อจำเลยที่ 2 เคยถูกโจทก์ฟ้องและมีคำพิพากษาถึงที่สุดในกรรมนี้ไปแล้ว โจทก์มาฟ้องจำเลยที่ 2 เป็นคดีนี้อีกจึงเป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4)ศาลชอบที่จะยกฟ้องโจทก์เฉพาะตัวจำเลยที่ 2.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4525/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำหน่ายเฮโรอีนกรรมเดียว: การกระทำเป็นความผิดฐานจำหน่าย ไม่ใช่ครอบครองเพื่อจำหน่าย
จำเลยจำหน่ายเฮโรอีนที่จำเลยมีไว้ในครอบครองให้ผู้มีชื่อไปทั้งหมดในคราวเดียวกัน ไม่มีเฮโรอีนจำนวนอื่นที่จำเลยอีก การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีนเพียงกรรมเดียว ไม่เป็นความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายอีกกรรมหนึ่งด้วย
ปัญหาว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวหรือหลายกรรมเป็นปัญหาที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
ปัญหาว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวหรือหลายกรรมเป็นปัญหาที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4334/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อสันนิษฐานเด็ดขาดในคดียาเสพติด: การครอบครองเฮโรอีนเกิน 20 กรัม ถือว่ามีไว้เพื่อจำหน่าย
กรณีตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 15 ที่บัญญัติว่าห้ามมิให้ผู้ใดผลิต จำหน่าย นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 เว้นแต่การมีไว้ในครอบครองในกรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์ของทางราชการตามที่รัฐมนตรีจะอนุญาตเป็นหนังสือเฉพาะรายหรือเฉพาะกรณีที่เห็นสมควร การผลิต นำเข้าส่งออกหรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ตั้งแต่ยี่สิบกรัมขึ้นไป ให้ถือว่าผลิตนำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ครอบครองเพื่อจำหน่าย นั้นเป็นข้อสันนิษฐานเด็ดขาด เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยมีเฮโรอีนซึ่งคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์หนักถึง 61.388 กรัม ไว้ในครอบครองจริงเช่นนี้จึงถือได้ว่าจำเลยมีเฮโรอีนจำนวนดังกล่าวไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายแล้ว จำเลยจะฎีกาโต้แย้งเป็นอย่างอื่นเพื่อหักล้างข้อสันนิษฐานของกฎหมายดังกล่าวหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3906/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานมีฝิ่นดิบและมูลฝิ่นถือเป็นกรรมเดียวตามกฎหมายยาเสพติด
การมีฝิ่นดิบและมูลฝิ่นเป็นความผิดต่อบทกฎหมายมาตราเดียวกันตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฯมาตรา 69 วรรคหนึ่ง จึงเป็นความผิดกรรมเดียว