คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ลูกจ้าง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,226 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5014/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ และการเรียกร้องค่าเสียหายจากนายจ้างลูกจ้าง
ประเด็นข้อพิพาทซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยังไม่ได้วินิจฉัยเมื่อเห็นสมควรศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาเหล่านั้นไป ได้โดยไม่ต้องย้อนไปให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยใหม่
ข. เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ขับรถยนต์บรรทุกที่เอาประกันภัยไว้กับจำเลยที่ 3 ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 และที่ 2 โดยประมาทเลินเล่อไปชนรถยนต์ที่ ส. ขับ ทำให้ ส.ได้รับบาดเจ็บต้องพักรักษาตัวไม่สามารถไปประกอบหน้าที่การงานให้โจทก์ได้ตามปกติ การกระทำละเมิดของ ช. ดังกล่าวเป็นเหตุให้โจทก์ต้องขาดประโยชน์จากแรงงานของ ส. ทั้ง ๆ ที่โจทก์มีหน้าที่ต้องจ่ายเงินเดือนให้แก่ ส. ในระหว่างนั้น โจทก์ย่อมได้รับความเสียหาย ชอบที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 445 ประกอบด้วยมาตรา 425 และ มาตรา 887
แม้จำเลยที่ 3 จะจ่ายค่าขาดประโยชน์แรงงานให้ ส. ไปแล้วและระหว่างที่ ส. พักรักษาตัวเนื่องจากถูกรถชน ส. มีสิทธิลาป่วยได้ก็ตาม แต่ก็ไม่ตัดสิทธิโจทก์ซึ่งเป็นนายจ้าง ส.ที่จะฟ้องเรียกค่าขาดประโยชน์จากแรงงานจากจำเลยอีก
โจทก์เป็นผู้ที่ได้รับความเสียหายเนื่องจากรถยนต์บรรทุกที่จำเลยที่ 3 รับประกันภัยค้ำจุนไว้ จึงชอบที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยที่ 3 โดยตรง
เกิดเหตุละเมิดเมื่อเวลา 20 นาฬิกาเศษของวันศุกร์ ที่ 22กรกฎาคม 2526 ซึ่งเป็นช่วงนอกเวลาราชการ ที่จังหวัดนครสวรรค์ส. ได้รับบาดเจ็บมากคงไม่สามารถไปรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ผู้บังคับบัญชาทราบได้ในวันนั้นจึงเชื่อว่าโจทก์ซึ่งมีสำนักงานอยู่ที่กรุงเทพมหานครคงไม่รู้ถึงการละเมิด และรู้ตัวจำเลยที่ 2ผู้จะพึงต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในวันนั้น อย่างเร็วที่สุดโจทก์จะรู้ในวันเปิดทำการคือวันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม 2526 โจทก์นำคดีมาฟ้องวันที่ 23 กรกฎาคม 2527 คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448
โจทก์มิใช่ผู้ต้องเสียหายโดยตรง แต่เป็นเพียงนายจ้างที่ต้องขาดแรงงานไปเท่านั้น จึงยังถือไม่ได้ว่าจำเลยผิดนัดนับแต่เวลาที่ทำละเมิดและทางนำสืบของโจทก์ก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยผิดนัดตั้งแต่เมื่อใด โจทก์จึงไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยก่อนฟ้องคดี.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5014/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นายจ้างมีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากผู้กระทำละเมิดและบริษัทที่รับผิดร่วมกัน กรณีลูกจ้างได้รับบาดเจ็บจากการถูกชน
ส. เป็นพนักงานของโจทก์ที่จะต้องประกอบการงานให้แก่โจทก์เป็นประจำ ช. เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ขับรถยนต์บรรทุกที่เอาประกันภัยไว้กับจำเลยที่ 3 ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 และที่ 2 โดยประมาทเลินเล่อชนรถยนต์ที่ ส. ขับ ทำให้ส. ได้รับบาดเจ็บ ต้องพักรักษาตัวไม่สามารถไปประกอบหน้าที่การงานให้แก่โจทก์ได้ตามปกติ การกระทำละเมิดของ ช. เป็นเหตุให้โจทก์ขาดประโยชน์จากแรงงานของ ส. ทั้ง ๆ ที่โจทก์มีหน้าที่ต้องจ่ายเงินเดือนให้แก่ ส. ในระหว่างนั้น โจทก์ย่อมได้รับความเสียหายชอบจะได้รับค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยทั้งสามตาม ป.พ.พ. มาตรา 445,425,887 จำเลยที่ 3 รับประกันภัยประเภทรับผิดต่อบุคคลภายนอก จึงเป็นการประกันภัยค้ำจุน เมื่อโจทก์เป็นผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากรถยนต์ที่จำเลยที่ 3 รับประกันภัยไว้ โจทก์ชอบที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยที่ 3 โดยตรง ตาม ป.พ.พ. มาตรา 887วรรค 1,2 ทั้งนี้แม้จำเลยที่ 3 จะได้จ่ายค่าขาดประโยชน์แรงงานให้แก่ ส.ไปแล้วและส. มีสิทธิลาป่วยในระหว่างพักรักษาตัวก็ตาม เหตุละเมิดเกิดที่จังหวัดนครสวรรค์เมื่อเวลา 20 นาฬิกาเศษของวันศุกร์ ที่ 22 กรกฎาคม 2526 ซึ่งเป็นช่วงเวลานอกราชการ ทั้งส. พนักงานของโจทก์ก็ได้รับบาดเจ็บต้องไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลไม่สามารถไปรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ในวันเกิดเหตุ โจทก์ซึ่งมีสำนักงานอยู่ที่กรุงเทพมหานครไม่รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวจำเลยที่ 2 ผู้ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในวันเกิดเหตุโจทก์จะรู้อย่างเร็วที่สุดก็ในวันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม 2526ซึ่งเป็นวันเปิดทำการ และนำคดีมาฟ้องวันที่ 23 กรกฎาคม 2527 ยังไม่พ้นหนึ่งปี คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา 448.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5005/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการหักเงินประกันของนายจ้างเมื่อลูกจ้างละทิ้งหน้าที่ และการจ่ายค่าจ้างวันหยุดพักผ่อนประจำปี
จำเลยมีระเบียบเกี่ยวกับเงินประกันความว่า "หากมีความเสียหายเกิดขึ้นอันอยู่ในความรับผิดชอบตามหน้าที่ของพนักงาน ไม่ว่าจะโดยเจตนา ไม่เจตนา ประมาทเลินเล่อ อันเป็นความผิดจากการกระทำของพนักงาน โรงพยาบาลมีสิทธิหักค่าเสียหายออกจากเงินประกันได้ทันทีตามความเป็นจริง และพนักงานต้องไม่กระทำความผิดสถานร้ายแรงตามกฎหมาย และถูกเลิกจ้างตามความผิดนั้นโรงพยาบาลจะคืนเงินประกันให้" การที่โจทก์ขาดงานอันเป็นการละทิ้งหน้าที่โดยไม่มีเหตุอันสมควรเป็นเวลาติดต่อกันถึงห้าวัน ย่อมเป็นการเสียหายแก่จำเลยอยู่ในตัว และถือได้ว่าเป็นการร้ายแรง เมื่อโจทก์ถูกเลิกจ้างเพราะเหตุนี้ จึงเข้าเกณฑ์ตามระเบียบดังกล่าว ซึ่งจำเลยมีสิทธิหักเงินประกันได้
ศาลแรงงานกลางกำหนดประเด็นข้อพิพาทและบันทึกไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาว่า สำหรับค่าจ้างในวันหยุดพักผ่อนประจำปี จำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้โดยชัดแจ้งจึงไม่เป็นประเด็นข้อพิพาทจำเลยไม่ได้โต้แย้งว่าการกำหนดประเด็นไม่ถูกต้อง หรือไม่ชอบ คดีจึงไม่มีประเด็นเรื่องค่าจ้างในวันหยุดพักผ่อนประจำปี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5005/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างลูกจ้างฐานละทิ้งหน้าที่ และสิทธิในการได้รับเงินประกัน/ค่าจ้างวันหยุดพักผ่อน
จำเลยมีระเบียบเกี่ยวกับเงินประกันความว่า "หากมีความเสียหายเกิดขึ้นอันอยู่ในความรับผิดชอบตามหน้าที่ของพนักงาน ไม่ว่าจะโดยเจตนา ไม่เจตนา ประมาทเลินเล่อ อันเป็นความผิดจากการกระทำของพนักงาน โรงพยาบาลมีสิทธิหักค่าเสียหายออกจากเงินประกันได้ทันทีตามความเป็นจริง และพนักงานต้องไม่กระทำความผิดสถานร้ายแรงตามกฎหมาย และถูกเลิกจ้างตามความผิดนั้นโรงพยาบาลจะคืนเงินประกันให้"การที่โจทก์ขาดงานอันเป็นการละทิ้งหน้าที่โดยไม่มีเหตุอันสมควรเป็นเวลาติดต่อกันถึงห้าวัน ย่อมเป็นการเสียหายแก่จำเลยอยู่ในตัวและถือได้ว่าเป็นการร้ายแรง เมื่อโจทก์ถูกเลิกจ้างเพราะเหตุนี้จึงเข้าเกณฑ์ตามระเบียบดังกล่าว ซึ่งจำเลยมีสิทธิหักเงินประกันได้ ศาลแรงงานกลางกำหนดประเด็นข้อพิพาทและบันทึกไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาว่า สำหรับค่าจ้างในวันหยุดพักผ่อนประจำปี จำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้โดยชัดแจ้งจึงไม่เป็นประเด็นข้อพิพาทจำเลยไม่ได้โต้แย้งว่าการกำหนดประเด็นไม่ถูกต้อง หรือไม่ชอบ คดีจึงไม่มีประเด็นเรื่องค่าจ้างในวันหยุดพักผ่อนประจำปี.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4953/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลูกจ้างไม่ต้องรับผิดชอบความเสียหายจากการยักยอกทรัพย์ของลูกจ้างอื่น แม้ไม่ให้ความร่วมมือในการติดตามทรัพย์
นางสาว ร. ลูกจ้างคนหนึ่งของจำเลยยักยอกทรัพย์ของจำเลยไป แต่โจทก์ไม่มีหน้าที่ดูแลทรัพย์สินนั้น และความเสียหายที่เกิดแก่จำเลยก็เป็นการกระทำของนางสาว ร. โจทก์มิได้กระทำการใด ๆเป็นที่เสียหายแก่จำเลย แม้โจทก์ไม่ให้ความร่วมมือในการติดตามเอาทรัพย์ที่ นางสาว ร. ยักยอกไป และจับกุมนางสาว ร. ได้ขณะอยู่กับโจทก์ก็ตาม ก็หาเป็นการจงใจทำให้จำเลยได้รับความเสียหายตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 47(2) ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4953/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลูกจ้างไม่ต้องรับผิดชอบความเสียหายจากการยักยอกทรัพย์ของลูกจ้างอื่น แม้ไม่ให้ความร่วมมือ
นางสาว ร. ลูกจ้างคนหนึ่งของจำเลยยักยอกทรัพย์ของจำเลยไป แต่โจทก์ไม่มีหน้าที่ดูแลทรัพย์สินนั้น และความเสียหายที่เกิดแก่จำเลยก็เป็นการกระทำของนางสาว ร. โจทก์มิได้กระทำการใด ๆเป็นที่เสียหายแก่จำเลย แม้โจทก์ไม่ให้ความร่วมมือในการติดตามเอาทรัพย์ที่ นางสาว ร.ยักยอกไปและจับกุมนางสาวร. ได้ขณะอยู่กับโจทก์ก็ตาม ก็หาเป็นการจงใจทำให้จำเลยได้รับความเสียหายตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 47(2) ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4565/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดจากละเมิดของลูกจ้างในการเผาป่า และการครอบครองป่าสงวนโดยมิชอบ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ผู้มีชื่อซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยหลายคนได้จุดไฟเผาป่าที่แผ้วถางไว้โดยประมาท ทำให้เพลิงลุกลามไหม้ไร่อ้อยของโจทก์ ไม่จำเป็นต้องบรรยายว่าลูกจ้างผู้มีชื่อจะเป็นใคร ชื่ออะไร ซึ่งเป็นรายละเอียดที่จะนำสืบกันในชั้นพิจารณา ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม เมื่อจำเลยได้รับสำเนาคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องในวันชี้สองสถาน และศาลมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์แก้ไขเพิ่มเติมฟ้องแล้ว จำเลยไม่ได้คัดค้านเสียในขณะนั้น ว่าโจทก์ไม่ได้ส่งสำเนาคำร้องดังกล่าวให้จำเลยตามกำหนด ทั้งยังขอให้ศาลชั้นต้นเลื่อนการชี้สองสถานไปเพื่อจำเลยจะได้แก้ไขเพิ่มเติมคำให้การเกี่ยวกับที่โจทก์ขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องด้วยเท่ากับจำเลยให้สัตยาบันแก่การพิจารณาที่ผิดระเบียบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 แล้ว อ้อยที่โจทก์ปลูกในป่าสงวนแห่งชาติที่โจทก์เข้าไปยึดถือครอบครองโดยมิชอบเป็นทรัพย์ของโจทก์ โจทก์มีสิทธิฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนจากผู้มีทำให้อ้อยเสียหายได้ จำเลยจ้างคนงานมาปลูกป่า การที่คนงานจุดไฟเผาหญ้าและต้นไม้ที่แผ้วถางไว้ ซึ่งเป็นกรรมวิธีที่จำเป็นในการปลูกป่าเป็นงานในทางการที่จ้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 425/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดร่วมกันของนายจ้างและลูกจ้างในละเมิดจากการขนส่ง และการประเมินค่าเสียหายที่เหมาะสม
จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างที่ 2 ที่ 3 และทำละเมิดต่อ โจทก์ในทางการที่จ้างซึ่งจำเลยที่ 2 ที่ 3 ต้องร่วมกันรับผิด ใน ผลแห่งละเมิดนั้นด้วย จำเลยที่ 2 ที่ 3 นำรถยนต์บรรทุกน้ำมันเข้าวิ่งรับขนส่งน้ำมันในนามของจำเลยที่ 4 ซึ่งจำเลยที่ 4ได้ผลประโยชน์ตอบแทนร้อยละสิบ ตามสัญญาขนส่งน้ำมันระหว่างจำเลยที่ 5 กับจำเลย ที่ 4 กำหนดให้จำเลยที่ 4เป็นผู้รับผิดชอบค่าจ้างคนขับรถ ดังนี้ ถือได้ว่ากิจการดังกล่าวเป็นของจำเลยที่ 4 และจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 4 ด้วย จำเลยที่ 4 จึงต้องร่วมกันรับผิดกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4018/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นายจ้างต้องรับผิดในความเสียหายจากการบาดเจ็บของลูกจ้างที่เกิดจากความประมาทในการขับรถ และค่าเสียหายจากการขาดประโยชน์ในการเลื่อนขั้นเงินเดือน
โจทก์โดยสารรถยนต์ที่ลูกจ้างของจำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับขี่ลูกจ้างจำเลยที่ 1 ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับบาดเจ็บโจทก์ต้องลางานเพื่อพักรักษาตัวจนเกินกว่าระยะเวลาที่นายจ้างของโจทก์กำหนดให้ นายจ้างจึงไม่เลื่อนขั้นเงินเดือนให้โจทก์เพราะลาเกินสิทธิ เมื่อการพิจารณาขั้นเงินเดือนมีอัตรากำหนดแน่นอนอยู่แล้ว การที่โจทก์ไม่ได้เลื่อนขั้นเงินเดือน จึงเป็นผลโดยตรงจากการกระทำละเมิดของลูกจ้าง ซึ่งกระทำไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ต้องรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3993/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์: การพิสูจน์ความสัมพันธ์นายจ้าง-ลูกจ้าง และการเรียกร้องค่าเสียหาย
ก. กับจำเลยที่ 2 ร่วมกันเช่าซื้อรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุมาประกอบกิจการรับขนส่งด้วยกัน เมื่อปรากฏว่าจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของ ก. ย่อมฟังได้ว่าจำเลยที่ 1เป็นลูกจ้างของ ก. กับจำเลยที่ 2 ร่วมกัน โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยได้จ่ายเงินค่าซ่อมรถที่เอาประกันภัยไปแล้ว แต่ไม่มีหลักฐานว่าได้จ่ายไปในวันใดจึงมีสิทธิได้ดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องเป็นต้น
of 223