คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คดีอาญา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,111 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2415/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีแจ้งความเท็จ: ผู้เสียหายจริงคือผู้ถูกกล่าวหาเมื่อได้รับความเสียหายเป็นพิเศษ
จำเลยแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนว่าโจทก์ลักทรัพย์ของจำเลยซึ่งเป็นความเท็จ ทำให้โจทก์ถูกดำเนินคดีอาญา แม้ความผิดฐานแจ้งความเท็จแก่เจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137เป็นความผิดต่อเจ้าพนักงาน ซึ่งปกติรัฐเป็นผู้เสียหายโดยตรงก็ตามแต่โจทก์ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษจากการร้องทุกข์ของจำเลยซึ่งเป็นเท็จ โจทก์ย่อมเป็นผู้เสียหายที่แท้จริงในข้อหาดังกล่าวและมีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2390/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาที่ยังไม่เด็ดขาด
โจทก์ฟ้องเรียกเงินซึ่งจำเลยรับสารภาพว่ายักยอกและยินยอมชดใช้คืนให้โจทก์ เป็นการฟ้องเรียกมูลค่าทรัพย์สินของโจทก์ซึ่งจำเลยเอาไปโดยไม่มีสิทธิ ทั้งเป็นการฟ้องคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาซึ่งเดิมโจทก์ฟ้องเป็นคดีอาญาและศาลประทับฟ้อง แต่ยังไม่ได้ตัวจำเลยมาพิจารณาและศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราว คดีอาญายังไม่เด็ดขาดอายุความฟ้องคดีแพ่งย่อมสะดุดหยุดลงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 51 วรรคสอง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2390/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา: การหยุดชะงักเมื่อคดีอาญาไม่เด็ดขาด
โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาในข้อหายักยอกเงินโจทก์ศาลประทับฟ้องไว้พิจารณาแล้ว เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2524 แต่ยังไม่ได้ตัวจำเลยมาพิจารณา ศาลจึงมีคำสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราว คดีอาญาจึงยังไม่เด็ดขาด อายุความซึ่งโจทก์เป็นผู้เสียหายมีสิทธิจะฟ้องเป็นคดีแพ่งย่อมสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 51 วรรคสอง โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งเรียกเงินที่จำเลยยักยอกไปคืนเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2534 จึงไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2064/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิจำเลยในการมีทนาย – แม้ศาลมิได้สอบถาม หากจำเลยมีทนายตั้งแต่แรก ก็ไม่ถือว่าเสียเปรียบ
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 173 วรรคสองมีเจตนารมณ์ เพื่อให้จำเลยมีทนายช่วยเหลือในการต่อสู้คดีที่เป็นความผิดอุกฉกรรจ์มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่สิบปีขึ้นไป แม้ก่อนเริ่มพิจารณาคดีที่มีอัตราโทษดังกล่าว ศาลชั้นต้นจะมิได้สอบถามจำเลยว่าต้องการทนายที่ศาลจะตั้งให้หรือไม่ก็ตาม แต่เมื่อปรากฏว่าก่อนเริ่มสืบพยานโจทก์จำเลยได้แต่งตั้งทนายเข้ามาเองพร้อมกับยื่นคำให้การปฏิเสธ และทนายจำเลยได้ว่าความให้จำเลยมาตลอดย่อมไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบในการต่อสู้คดี จึงไม่มีเหตุอันสมควรที่จะให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2064/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมีทนายในคดีอาญา: แม้ศาลมิได้ถามจำเลยก่อนเริ่มพิจารณา หากจำเลยได้แต่งตั้งทนายเองแล้ว ก็ไม่ถือว่าจำเลยเสียเปรียบ
ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา173 วรรคสอง มีเจตนารมณ์ เพื่อให้จำเลยมีทนายช่วยเหลือในการต่อสู้คดีที่เป็นความผิดอุกฉกรรจ์ มีอัตราโทษจำคุกตามอัตราที่ระบุไว้แม้ก่อนเริ่มพิจารณาศาลชั้นต้นจะมิได้สอบถามจำเลยว่าต้องการทนายที่ศาลจะตั้งให้หรือไม่ก็ตาม แต่เมื่อปรากฏว่าก่อนเริ่มสืบพยานโจทก์จำเลยได้แต่งตั้งทนายเข้ามาเองพร้อมกับยื่นคำให้การปฏิเสธและทนายจำเลยได้ว่าความให้จำเลยมาตลอดย่อมไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบในการต่อสู้คดีแต่อย่างใด จึงไม่มีเหตุอันสมควรที่จะให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1999/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนฟ้องคดีอาญาความผิดต่อส่วนตัวก่อนคดีถึงที่สุด ศาลอนุญาตได้เมื่อจำเลยไม่คัดค้าน
คดีอาญาความผิดต่อส่วนตัวโจทก์จะถอนฟ้องในเวลาใดก่อนคดีถึงที่สุดก็ได้ เมื่อจำเลยไม่คัดค้านจึงอนุญาต ให้โจทก์ถอนฟ้องได้ และสิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 196/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคดีอาญาเมื่อจำเลยถึงแก่ความตายระหว่างพิจารณา และการรับฟังพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความผิดของจำเลย
ศาลฎีกาทำคำพิพากษาเสร็จและส่งให้ศาลชั้นต้นเพื่ออ่านให้คู่ความฟัง ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้โจทก์และจำเลยที่ 1ฟังแล้ว และได้ส่งคำพิพากษาศาลฎีกาไปอีกศาลหนึ่งเพื่ออ่านให้จำเลยที่ 2 ซึ่งถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำท้องที่ศาลนั้นฟัง แต่จำเลยที่ 2 ได้ถึงแก่ความตายก่อนวันที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้โจทก์และจำเลยที่ 1 ฟัง ศาลนั้นจึงส่งคำพิพากษาศาลฎีกาคืนศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นส่งคำพิพากษาศาลฎีกาและสำนวนมายังศาลฎีกาศาลฎีกาแก้ไขคำพิพากษาเดิมโดยทำเป็นคำพิพากษาใหม่ปรับปรุงคำพิพากษาเดิมและให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2 ออกจากสารบบความศาลฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 196/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การระงับคดีอาญาเนื่องจากจำเลยเสียชีวิตระหว่างการพิจารณา และการพิจารณาคดีเฉพาะจำเลยที่เหลือ
ศาลฎีกาทำคำพิพากษาเสร็จและส่งให้ศาลชั้นต้นเพื่ออ่านให้คู่ความฟัง ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้โจทก์และจำเลยที่ 1ฟังแล้ว และได้ส่งคำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าวไปยังศาลอีกแห่งหนึ่งเพื่ออ่านให้จำเลยที่ 2 ซึ่งถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำท้องที่ศาลนั้นฟัง แต่เมื่อปรากฎว่า จำเลยที่ 2 ได้ถึงแก่ความตายก่อนวันที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้โจทก์และจำเลยที่ 1 ฟังศาลที่จำเลยที่ 2 ถูกคุมขังอยู่ในท้องที่ได้ส่งคำพิพากษาศาลฎีกาคืนศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นส่งคำพิพากษา ศาลฎีกาและสำนวนมายังศาลฎีกาเพื่อพิจารณาสั่งในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 ดังนี้ศาลฎีกาแก้ไขคำพิพากษาเดิมโดยทำเป็นคำพิพากษาใหม่ สั่งแก้ไขปรับปรุงคำพิพากษาเดิมได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1854/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้เช็คก่อนมีคำพิพากษา ทำให้คดีอาญาตาม พ.ร.บ.เช็ค ระงับ
ก่อนศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา จำเลยยื่นคำร้องว่าจำเลยได้วางเงินจำนวน 400,000 บาท ต่อสำนักงานวางทรัพย์กลางเพื่อชำระหนี้ตามมูลหนี้ในเช็คพิพาทซึ่งโจทก์ร่วมก็ยอมรับโดยไม่คัดค้าน ถือได้ว่าหนี้ที่จำเลยออกเช็คเพื่อใช้เงินนั้นได้สิ้นผลผูกพันไปก่อนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด คดีจึงเป็นอันเลิกกันตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 มาตรา 7อันเป็นกฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำความผิดและเป็นคุณแก่ผู้กระทำความผิดซึ่ง ป.อ.มาตรา 3 ให้ใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำความผิด ไม่ว่าในทางใด สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ย่อมระงับไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1746/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขฟ้องคดีอาญาจากประมาททำให้บาดเจ็บสาหัส เป็นประมาททำให้ถึงแก่ความตาย ศาลมีอำนาจลงโทษได้
เดิมโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้เสียหายรับอันตรายสาหัส ตาม ป.อ. มาตรา 300ระหว่างพิจารณาโจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องว่า ผู้เสียหายถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษจำเลยฐานขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตาย ตาม ป.อ. มาตรา 291 เมื่อปรากฏว่าโจทก์ได้แจ้งข้อหาขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายเพิ่มเติมจากที่ได้ทำการสอบสวนจำเลยไว้แล้ว และจำเลยได้ทราบข้อหาแล้ว กรณีจึงมีเหตุอันควรให้โจทก์แก้ไขเพิ่มเติมฟ้องในความผิดฐานขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายได้.
of 312