คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ฟ้องร้อง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 993 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 600/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องขอเปลี่ยนแปลงชื่อในโฉนดไม่ใช่การเรียกคืนกรรมสิทธิ์ จึงไม่เป็นการฟ้องเพื่อปลดเปลื้องทุกข์
โจทก์ฟ้องอ้างว่ากรรมสิทธิ์ในที่ดินเป็นของโจทก์ ขอให้เปลี่ยนชื่อในโฉนดโดยถอนชื่อจำเลย ซึ่งโจทก์อ้างว่าเป็นตัวแทนออกใส่ชื่อโจทก์แทน ดังนี้ ไม่ใช่เป็นการเรียกกรรมสิทธิ์คืน คำฟ้องจึงยังเรียกไม่ได้ว่าเป็นคำขอปลดเปลื้องทุกข์คำนวณเป็นราคาเงินได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 577/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้สิทธิไถ่ทรัพย์สิน ต้องเป็นการฟ้องร้องต่อศาล ไม่ใช่แค่การพูดคุยหรือนัดหมาย
คำว่า "ถ้าไถ่ภายในเวลา" ตามมาตรา 492 ป.ม.แพ่ง ฯ ย่อมหมายความว่า ได้มีการไถ่ถอนถูกต้องบริบูรณ์ตามแบบที่กฎหมายกำหนดไว้แล้วเท่านั้น การขอไถ่ยังหาเป็นการไถ่ไม่.
สิทธิในการไถ่ทรัพย์สินนั้นก็คือสิทธิอันหนึ่งที่ผู้ขายฝากมีอยู่ในอันที่จะเรียกร้องบังคับให้ผู้ซื้อฝากทำนิติกรรมให้กรรมสิทธิแห่งทรัพย์สินนั้น กลับคืนมาสู่ตน ฉะนั้นการใช้สิทธิไถ่ถอน จึงต้องรวมตลอดถึงการฟ้องร้องต่อศาล ขอให้ศาลบังคับให้ผู้ซื้อฝากกระทำการเช่นว่านั้น หรือให้ถือคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของผู้ซื้อฝากในนิติกรรมเช่นนั้น
การไปพูดขอไถ่ หรือนัดให้ผู้ขายฝากไปยังพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อทำการไถ่ถอน ยังหาเป็นการใช้สิทธิไถ่ถอนไม่ เมื่อผู้จัดการซื้อฝากไม่ไปยังพนักงานเจ้าหน้าที่ตามนัด ก็เป็นการแสดงอาการปฏิเสธไม่ยอมรับไถ่ถอนอยู่ในตัวแล้ว ผู้ขายฝากย่อมต้องจัดการฟ้องร้องขอให้บังคับตามสิทธิไถ่ถอนของตนเสีย ในกำหนดอายุความไถ่ถอนตามสัญญา.
(อ้างฎีกา 545/2490, 185/2491)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 577/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไถ่ถอนที่ดินขายฝาก: การขอไถ่ด้วยวาจาไม่สมบูรณ์ ต้องฟ้องร้องต่อศาลเพื่อให้บังคับได้
คำว่า 'ถ้าไถ่ภายในเวลา'ตามมาตรา 492 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ย่อมหมายความว่า ได้มีการไถ่ถอนถูกต้องบริบูรณ์ตามแบบที่กฎหมายกำหนดไว้แล้ว เท่านั้นการขอไถ่ยังหาเป็นการไถ่ไม่
สิทธิในการไถ่ทรัพย์สินนั้นก็คือสิทธิอันหนึ่งที่ผู้ขายฝากมีอยู่ในอันที่จะเรียกร้องบังคับให้ผู้ซื้อฝากทำนิติกรรมให้กรรมสิทธิ์แห่งทรัพย์สินนั้นกลับคืนมาสู่ตน ฉะนั้นการใช้สิทธิไถ่ถอน จึงต้องรวมตลอดถึงการฟ้องร้องต่อศาล ขอให้ศาลบังคับให้ผู้ซื้อฝากกระทำการเช่นว่านั้น หรือให้ถือคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของผู้ซื้อฝากในนิติกรรมเช่นนั้น
การไปพูดขอไถ่ หรือนัดให้ผู้ขายฝากไปยังพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อทำการไถ่ถอน ยังหาเป็นการใช้สิทธิไถ่ถอนไม่ เมื่อผู้จัดการซื้อฝากไม่ไปยังพนักงานเจ้าหน้าที่ตามนัด ก็เป็นการแสดงอาการปฏิเสธไม่ยอมรับไถ่ถอนอยู่ในตัวแล้ว ผู้ขายฝากย่อมต้องจัดการฟ้องร้องขอให้บังคับตามสิทธิไถ่ถอนของตนเสีย ในกำหนดอายุความไถ่ถอนตามสัญญา (อ้างฎีกาที่ 544/2490, 185/2491)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 466/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องเรียกคืนเงินเกินชำระ: คดีก่อนไม่ใช่เรื่องขาดตกบกพร่อง แต่เป็นเรื่องเนื้อที่ซื้อขายไม่ครบ ศาลใช้มาตรา 419
คดีก่อนโจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยยักย้ายหลักเขตที่ดินที่จำเลยขายแก่โจทก์ ขอให้จำเลยส่งมอบที่ดินที่ขาด หรือใช้ราคา
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ไม่ใช่เรื่องยักย้ายหลักเขตเป็นเรื่องเนื้อที่ที่ซื้อขายกันมีไม่ครบตามสัญญา และจะบังคับให้จำเลยใช้เงินราคาที่ดินไม่ได้ เพราะเป็นการฟ้องเรียกราคาที่ดินที่ขาดพิพากษายกฟ้อง โจทก์จึงมาฟ้องเป็นคดีใหม่เรียกเงินที่ชำระให้แก่จำเลยเกินไป อันเป็นการฟ้องเรียกเงินคืนฐานลาภมิควรได้ จึงนำอายุความตามมาตรา467 มาบังคับไม่ได้ ต้องบังคับตามมาตรา 419 ซึ่งเป็นบทบัญญัติว่าด้วยการเรียกคืนลาภมิควรได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2085/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องปลอมแปลงเอกสารที่ไม่ตรงกับเอกสารที่นำสืบ ทำให้โจทก์นำสืบไม่สมฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยหลอกลวงให้โจทก์เซ็นชื่อในหนังสือฉบับหนึ่งภายหลังปรากฏว่า หนังสือนั้นเป็นใบรับเงิน ขอให้ลงโทษฐานปลอมหนังสือแต่โจทก์กลับเบิกความปฏิเสธหนังสือนั้นว่า ไม่ใช่ลายเซ็นชื่อของโจทก์ที่เซ็นไว้ดังนี้ถือว่าหนังสือนั้นต่างรายคนละฉบับกับที่โจทก์ฟ้อง ถ้าจะถือว่าเป็นฉบับที่โจทก์ฟ้อง ก็ต่างกับคำบรรยายฟ้องของโจทก์ และโจทก์นำสืบไม่สมฟ้อง จะลงโทษจำเลยมิได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2005/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยินยอมให้ก่อสร้างอาคารล้ำหลังคา และสิทธิในการฟ้องร้องเมื่อไม่ละเมิดสิทธิ
การที่ยอมให้ผู้ครอบครองที่ดินใกล้เคียงปลูกอาคาร หลังคาเหลื่อมล้ำคลุมหลังคาเรือนของตนบางส่วนเช่นนี้ ย่อมไม่มีสิทธิฟ้องขอให้รื้อถอนไป และแม้ผู้ปลูกสร้างอาคารในที่ดินใกล้เคียงจะปลูกผิดเทศบัญญัติก็ดี หากมิได้ละเมิดสิทธิโจทก์ ๆ ก็ไม่มีอำนาจฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1896/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเดิมสูญหาย ฟ้องโดยใช้สัญญาใหม่เฉพาะผู้ลงชื่อรับผิด
โจทก์ฟ้องลูกหนี้สองคนโดยกล่าวว่า เดิมจำเลยทั้งสองได้กู้เงินโจทก์ไป ต่อมาสัญญาหายโดยถูกคนร้ายปล้น โจทก์จึงให้จำเลยทำสัญญาให้ใหม่และเพิ่มหนี้ขึ้นอีก โดยลูกหนี้คนหนึ่งลงชื่อเป็นผู้กู้ ลูกหนี้อีกคนหนึ่ง ไม่ยอมลงชื่อเป็นผู้กู้ ดังนี้ถือว่า โจทก์ฟ้องโดยอาศัยสัญญาฉบับหลังเท่านั้น ส่วนสัญญาฉบับเดิมนั้น โจทก์ไม่ได้กล่าวเป็นสิทธิฟ้องร้องโจทก์เพียงแต่กล่าวท้าวถึงมูลหนี้เดิมว่าเป็นอย่างไรเท่านั้น ลูกหนี้ที่ไม่ได้ลงชื่อในสัญญาฉบับหลังไม่ต้องรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1724/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งความเท็จต่อพนักงานสอบสวนและคณะกรรมการสอบสวน ถือเป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จ แม้ฟ้องไม่ระบุคำว่า 'เจ้าพนักงาน'
พนักงานสอบสวน และคณะกรรมการผู้ทำการสอบสวน ซึ่งได้แต่งตั้งขึ้นโดยทางราชการถือว่าเป็นเจ้าพนักงาน
ในเรื่องฟ้องขอให้ลงโทษฐานแจ้งความเท็จ ฟ้องของโจทก์ระบุว่าแจ้งความเท็จต่อพนักงานสอบสวน แม้ไม่มีคำว่าเจ้าพนักงาน ก็ลงโทษฐานแจ้งความเท็จได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1666/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานมีแป้งเชื้อสุรา การเปรียบเทียบ และขอบเขตการฟ้องร้อง
การมีแป้งเชื้อสุราเป็นผิดตาม พ.ร.บ.ภาษีชั้นใน 2486 ซึ่งมีโทษปรับไม่เกินสองร้อยบาท ไม่ใช่เป็นผิดตามมาตรา 38 ฉะนั้นเมื่อจำเลยเสียค่าปรับตามคำเปรียบเทียบแล้ว จะมาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยไม่ได้ (อ้างฎีกาที่ 844/2486)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1436/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายถึงแก่ความตาย แม้ข้อเท็จจริงในการพิจารณาคดีแตกต่างจากที่ฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่า จ. กับพวกฝ่ายหนึ่ง ย.กับพวกอีกฝ่ายหนึ่งต่างใช้ มีด ไม้ ครกแตก และกำลังกายวิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน ย. ถึงแก่ความตายโดย จ.ใช้มีดซุยแทงย. แม้ทางพิจารณาจะไม่ได้ความว่า จ.ได้เข้าวิวาทต่อสู้กับจำเลยอื่นดังที่โจทก์กล่าวในฟ้อง แต่ฟ้องโจทก์กล่าวชัดแล้วว่า จ. ใช้มีดซุยแทงย.โดยเจตนาจะฆ่าให้ตาย ยังได้อ้าง กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249มาเป็นบทลงโทษด้วย ดังนี้ จะว่าทางพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องไม่ได้ จึงลงโทษจ. ตามมาตรา 249 ได้
of 100